bloggang.com mainmenu search


บทสัมภาษณ์พระเอกชื่อดังจาก"องค์บาก"
"จา พนม ยีรัมย์ "หรือ Tony Jar
เกี่ยวกับหนังเรื่องใหม่ของเขาค่ะ
เป็นช่วงที่ จา พนม กำลัง fade จาก หนังองค์บาก 2
ท่านอดีตนายกทักษิณฯ
ยังเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล Man City



"ผมเคยนำ plot หนังเรื่องหนึ่ง
ไปเสนอขอทุนกับท่าน
ซึ่งบทหนังเรื่องนี้ก็มาจากเรื่องจริงในสังคม
มัน based on true story
ที่ผมได้มาจากพระจีนที่เคารพกัน
ท่านเป็นคนบุรีรัมย์
ที่เผอิญได้เดินทางไปศึกษาพระธรรม
และมวยจีนที่วัดเส้าหลิน..

แล้วมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบวรฯ ย่านถนนข้าวสาร
มันเป็นเรื่องสลับซับซ้อนของขบวนการค้ามนุษย์
และการค้ายาเสพติดข้ามชาติ

เน้นการชิงดีชิงเด่นชิงพื้นที่การค้า
ระหว่างแก้งลูกหมูจากประเทศจีน
และยากูซ่าจากประเทศญี่ปุ่นที่จะขยายพื้นที่ข้ามมายัง
ดินแดนไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์"



องค์ที่ 1.
ฉากเริ่มต้นกลางวันแสกๆ
บนถนนข้าวสารบนที่ชาวโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี
(ก็หนังมันจะ go inter นี่นา)
เปิดตัวสาวน้อยสดใสวัย 18 ปี (นำแสดงโดย จีจ้า)
ชาวอาทิตย์อุทัยใส่ขาสั้นและเสื้อสายเดี๋ยว
สวมรองเท้าสานพันมาถึงน่อง..สะพายย่ามใบโต
เดินมากับแฟนหนุมเชื้อชาติเดียวกัน
วัยใกล้เคียงกัน
(นำแสดงโดย โทนี่ รากแก่น)
ทั้งคู่กำลังเดินชี้ชมกันดูสินค้า
ที่หลากหลายตามรายทางในซอย
รถวิ่งผ่านไปมา
(กลางวันรถวิ่งผ่ากลางถนนข้าวสารได้)
ผู้คนทั่วไปไม่สนใจใครต่อใคร..

มาถึงช่วงผู้คนพลุกพล่าน..
ฉับพลันมีกลุ่มชายชุดดำ จำนวนกว่า 10 คน
โดยตอนแรกโผล่มาให้เห็นแค่ 3 คนก่อน
จู่โจมหาทั้ง 2 คน..โป๊ะยาสลบให้แฟนหนุ่มสลบไปทันที
แล้วฉุดลากหญิงสาวออกไปด้านหน้าถนนจักรพงษ์
รถเมล์สาย 3 จอดติดอยู่หน้าซอย..
เสียงกระเป๋ารถเมล์ตะโกนเรียกลูกค้าดังมาก่อนตัว
(นำแสดงโดยโน๊ต อุดม)..บังเอิญเห็นเหตูการณ์ตลอด
(แต่ยังงงๆอยู่..นึกว่าเขาถ่ายหนังต่างชาติกัน)

กลุ่มชายชุดดำฉุดลากหญิงสาวขึ้นมาบนรถเมล์คันดังกล่าว
พร้อมบอกให้รถเมล์ออกแล่นไป

ฉับพลันก็มีหนุ่มมาดแมน and handsom
(พระเอกของเรื่อง จา พนม)
วิ่งขึ้นมาพะบู้เตะต่อยกับผู้ร้าย
แบบมวยจีนผสมมวยไทย
โผล่นอกหน้าต่างบ้าง
วิ่งขึ้นวิ่งลงรอบรถและบนหลังคารถบ้าง
สุดท้ายหญิงสาวก็รอดปลอดภัย
เพราะตำรวจมาช่วยพอดี
ก็พระเอกนั่นแหละ เป็นตำรวจสากลติดตามแก้งนี้
โดยมีสายสืบเป็นแม่ค้าขายพวงมาลัยแถวนั้น
และสะกดรอยตามหญิงสาว
มาตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่น
ด้วยเธอเป็นลูกสาวมาเฟีย"ยากูซ่า"
หนีพ่อมาเที่ยวเมืองไทยกับคู่หมั้นหนุ่ม



มาดูผลงานของพระเอกนักบู้ ...ของเรากัน

ผู้ร้ายคอหักตายเพราะตกมาจากหลังคารถเมล์ 3 คน
แถม 1 ใน 3 คนนั้นเป็นลูกนอกสมรสตำรวจไทย
ที่เกิดกับแม่ชาวจีนไหหลำ..ด้วย
(น้อยใจพ่อทิ้งแม่กลับมาไทย
เลยเลือกที่จะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับpolice)

บาดเจ็บแขนขาหักหนีต่อไปไม่ได้ 5 คน
หลบหนีไม่ทัน
ส่งเข้า รพ. เพื่อรักษาตัวทั้ง 5 คน
ในนั้นมี 1 คน เจ็บจนเพี้ยนไป
(เป็นยากูซ่าผู้ทรยศมาเข้าแก้งลูกหมู)
ถึงกับบอกตำรวจไทยเป็นภาษาอังกฤษ ว่า
"I am an UltraMan..I can't speak Thai"

อีก 1 คนโดนพระเอกเหยียบไว้
คนนี้แหละอาการยังครบ 32
เลยถูกตำรวจลากตัวไปสอบสวนบนโรงพัก
ตัวบักเอ๊ก หนีไปได้ 1 คน
หลังบู้กับพระเอกนานแสนนาน
(นำแสดงโดย ดอม เหตระกูล)



ระหว่างที่ตำรวจไทย
จากโรงพักชนะสงครามเข้ามา clear พื้นที่
ก็ปรากฏร่างชายสติวิปลาสแต่มีลักษณะเด่นคือ
ไฝเม็ดโตที่หน้าผาก
(นำแสดงโดย เด๋อ ดอกสะเดา)
วิ่งเข้ามาหาพระเอกแล้วสวมกอดบอกว่า
ดีใจจังได้เจอน้องชายที่หายไปแล้ว..
ฉุดทึ้งตัว
ทำเอาตำรวจต้องเชิญตัว
ไปสงบสติและรอส่ง รพ.ศรีธัญญาฯ ต่อไป




องค์ที่ 2.
ระหว่างนั้นกระเป๋ารถเมล์สาย 3
ยืนหน้าร้านข้าวแกง
ก็โม้เป็นไฟพร้อมออกลีลา
ให้แฟนสาว(ปานกลาง)
นำแสดงโดยสาวผิวแทนเข้ม"โอปอ"
ซึ่งเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงนั่นแหละ
ฟังเป็นคุ้งเป็นแคว
ใส่สีตีไข่ถึงความสามารถเหนือคนของพระเอก...
จนกิ้งกือที่อยู่ริมถนน
ใต่กระดื๊บๆ ขึ้นมานอนขดลงในจานกับข้าว
ที่เธอกำลังตักให้กระเป๋ารถเมล์กินฟรีๆ..
กระเป๋ารถเมล์รับจานมากำลังจะตักกิ้งกือเข้าปาก
ก้มมองช้อน...ก็ร้องจ๊าก!!!!ทิ้งจานและช้อน



องค์ที่ 3 ฉากบนโรงพัก

1.มุมหนึ่งพระเอกนั่งพักผ่อน
และติดต่อรายงานผลการดำเนินงาน
กับหน่วยเหนือทาง computer

คณะตำรวจไทย
กำลังสอบสวนชายชุดดำผู้ต้องหาที่จับได้
อย่างลำบากยากเย็นเพราะเป็นชาวกัมพูชา

2.เผอิญขณะนั้นพระสงฆ์รูปหนึ่งจากวัดบวรฯ
(นำแสดงโดย หม่ำ จ๊กมก)
เข้ามาแจ้งความเอกสารสำคัญหาย
และท่านเห็นเหตุการ์วุ่นวายนั้น
จึงเสนอตัวเป็นล่ามให้
เนื่องจากท่านเป็นชาวบุรีรัมย์ที่พุดภาษา"ส่วย"ได้
(คล้ายๆกับภาเขมร)
จึงสามารถช่วยราชการได้ในระดับหนึ่ง



3.อีกมุมหนึ่งชายวิกลจริตสมาธิสั้นเริ่มสงเสียงเอ๊ะ อะ โวยวาย
ทุกคนบนโรงพักจึงหันมามองเป็นตาเดียว...

ปรากฏว่า..พระสงฆ์รูปนั้นจำได้ว่า
นี่คือ พี่ชายที่พลัดพรากจากกันไป
สมัยเขมรแดงและเขมร 3 ฝ่ายตีกัน
แล้วยิงระเบิดเข้ามายังบ้านเรือนฝั่งชายแดนไทย
ด้านจังหวัดบุรีรัมย์
พ่อแม่เสียชีวิตทันที
ตนนึกก็ว่าพี่ชายโดนระเบิดเสียชีวิตไปพร้อมกัน
ซึ่งพี่ชายจะมีสัญลักษณ์
เป็นไฝ่เม็ดโตที่หน้าผากเด่นเป็นสง่า
ตนเองถูกเขมรแดงจับไป
ด้วยเพราะหน้าตาน่ารัก(ในขณะนั้น)
แล้วจับผลัดจับพลู
ได้ไปบวชเรียนและฝึกมวยจีนที่วัดเส้าหลิน



พี่น้องได้เจอกัน..จำกันได้
เพราะน้องชายก็มีปานแดงรูปปราสาทเขาพระวิหารที่ไหล่ซ้าย
ซึ่งพระท่านก็มีเหมือนกันแต่จีวรปิดอยู่



ส่วนพระเอกก็จำพระท่านได้
เนื่องจากเป็นพระอาจาร์ยที่ฝึกสอนมวยจีนให้
เมื่อท่านอาศัยวิชาที่ฝึกปรือมาข้ามเทือกเขาอันไต
ข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง
ต่อมายังเทือกเขาแดนลาวข้ามแม่น้ำโขง
ผ่านทะเลสาปเขมร
กลับไปตามพี่ชายที่บ้านเกิดชายแดนไทย-กัมพูชา
แล้วเจอพระเอกตอนเล็กๆ
สมัยอายุได้ 11-12 ปี
ก็ฝึกวิทยายุทธให้..หลายเพลาอยู่

ฉากย้อนไป
สมัยพระสอนมวยจีนให้พระเอกก็นึกถึง
หนังเรื่อง Karate Kid ตอนสร้างใหม่นำ
โดย เฉินหลง และ เจดิธ สมิท (ลูกชายพระเอก วิล สมิท)
แล้วกัน อิ อิ



องค์ที่4. ฉากจบ
พระเอกออกตามล่าหาตัวร้ายอีก 1 คน
ที่หลบหนีไปได้ถึงเมืองจีน
สืบเชื้อสายขึ้นไป
เป็นพวกเดียวกับมนุษย์หมาป่าเชียว
มีฉากบู้มวยจีนด้วยกัน..
แต่เฉือนกันไม่ลง(สู้กันไปข้ามวันข้ามคืนก็ไม่ตาย)
เพราะมีครูของครู
เป็นศิษย์ผู้พี่ของพระอาจาร์ยพระเอกเหมือนกัน

แถมน้องสาวผู้ร้ายคนนี้
ยังเป็นคนรักเก่าของพระเอกเสียอีก
มันยากจะตัดใจฆ่าจริงๆ
สุดท้ายพระเอกคว้าไม้เด็ด
ใช้ท่าแม่ไม้มวยไทย+ มวยไชยา
แถมมวยขนมต้มผสมผสานกับท่าจรเข้ฟาดหาง
หนุมานแทงเข่าตีศอกตีกระบาน
+ท่าเด็ดจาก"องค์บาก1" ถึง "องค์บาก 3"
นับได้ถึง 10 กระบวนท่า

รวมเรียกท่าเด็ดนี้ว่า...ท่า "ตะพาบ 10"
จึงสามารถเอาชนะผู้ร้าย
หัวหน้าแก้งลูกหมูเชื้อสายมนุษย์หมาป่าคนนี้ได้

"The End" จบ..จริงๆ



เหนื่อยเหมือนกันค่ะ
โครงการถนนนี้มีตะพาบ หลัก กม.10
ให้ชื่อว่า.."Tony Jar..Tapab 10"

จบสดๆ ร้อนๆ เวลา 19.19 น.
และแก้ไขเพิ่มเติมตัวละครที่ตกไปบ้างให้เต็มๆ
Create Date :26 มิถุนายน 2553 Last Update :28 มิถุนายน 2553 22:30:04 น. Counter : Pageviews. Comments :87