bloggang.com mainmenu search
Topic ว่าด้วยงานเขียน"ตะพาบ 23" โจทย์ของคุณ JewNid
ว่าด้วยความ"หนาววววววววววว

ต๊ะไว้ก่อนไปประชุมค่ะเดี๋ยวมาเขียนละกัน
ภายในวันที่ 4 มค.2554 นี้แหละ
ยังไงก็ก่อนเที่ยงคืนนะคะคุณพู่ I swear!!!



คืนหนึ่งบนเรือนพักรับรอง
ของโครงการหลวงวัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
ซึ่งเป็นดอยสูงน้องๆ ดอยอินทนนท์ทีเดียวเชียว
ขึ้นจาก ทาง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
และกำลังจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่
ด้วยยังมีความบริสุทธิ์อยู่มาก



เรือนรับรองของเราเป็นตึกชั้นเดียว
ยกพื้นมี 2 ฟากๆ ละ 2 ห้องนอน 3 เตียง/ห้อง
คณะของเราแบ่งกันนอนผู้ชายฟากและผู้หญิงฟาก
เราเลือกนอนเตียงริมติดหน้าต่างด้านข้าง
และหน้าต่างที่หัวนอน..


ความที่เป็นปลายเดือนธันวาคมอากาศหนาวมาก
อุณหภูมิประมาณ 6-7 องศา
แต่เราเตรียมเครื่องกันหนาวห่อหุ้มตัวเพียบ
ทั้งลองจอห์น ทั้งหมวก ทั้งเสื้อคลุมกันหนาว

4 ทุ่มหลังอาหารเย็น
เพื่อนๆ ร่วมคณะและน้องๆ ยังเฮคุยกันอยู่ในห้องสาวๆ
นอนเตียง 3 คน และเอาผ้านวมมาปูนอนอีก 3 คน
หนุ่มๆ ตามมาคุย+กินขนมในห้องอีก 2-3 คน


จากนั้นก็ไม่อาบน้ำนอนเลยดีกว่า
เพราะรถวิ่งเวียนวนมานานมากมาทั้งวันแล้ว
เพื่อนร่วมห้องเรายังไปเฮกับเขาด้วย 1 ท่าน
อีก 1 ท่าน อายุ 62 แล้ว
กำลังนั่งหันหลังลงครีมทาหน้าทาตัวอยู่1-2 ชม เศษ
และเลือกชุดกันหนาวที่หอบมา 2 กระเป๋าใหญ่ๆ

เพื่อนอีกห้องตะโกนให้เปิดหน้าต่างแง้มไว้หน่อย
พอให้ระบายอากาศไม่ให้อึดอัด
เราไม่กล้าเปิดหน้าต่างข้างตัว
ไปเปิดหน้าต่างหัวเตียงแบบรีบๆ
ไม่ยอมมองออกไปข้างนอกเพรามืดมาก
และทั้งเรือนพักหลายๆ หลัง
มีแต่คณะเราเข้าพัก 1 เรือนเท่านั้น

ส่วนวัดจันทร์นั้น
ที่อยู่ต่ำลงไป 2 กม.จากเรือนรับรองของโครงการหลวง








ก่อนขึ้นมาบนดอยโครงการหลวงวัดจันทร์
คณะพาไหว้พระ"วัดแม่เย็น" ที่ อ."ปาย"ก่อน
เราได้พระวันอาทิตย์
แขวนด้วยเชือกสีแดงมาจากพระท่านด้วย
จำได้ว่าใส่กระเป๋าสตางค์ไว้
พอก้มลงกราบพระที่นอน
เห็นเชือกสีแดงผูกเครื่องรางก็เอามาแขวนที่คอ
ยังงงๆ ว่าเอาออกมาจากกระเป๋าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน???


แล้วก็เคลิ้มๆ ยังไม่หลับ(หลับตาเฉยๆ)ไป
รู้สึกตัวว่าเย็นๆ เยือกๆ วูบๆ วาบๆ
เหมือนคนมาลูบแขนลูบขาหนาวมากกกกกกก
แต่ขนหัวไม่ลุก..ความที่มี sense บ้าง
คิดว่าไม่ได้นอนทับมิติกับอะไรแน่นอน
เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่
ไฟก็ยังเปิดอยู่บางดวง


หัวใจเริ่มเต้นแรงทั้งที่ไม่เหนื่อย
เพราะปกติความดันต่ำมาก
ขึ้นมาที่สูงหัวใจจะยิ่งเต้นอ่อนไม่ใช่แรงขึ้น
ตุ๊บ ตั๊บ ..ตุ๊บ ตั๊บ เช่นนี้
นอนต่อไป 10 -15 นาที..แล้วกัน..อ้าว
ความเย็นเยือกๆ ที่แขนที่ขามิได้ลดลงไป
ไม่กล้าลืมตา
เริ่มต้นสวดมนต์..แต่ไม่เป็นผล
ยังได้ยินเสียงคุย
ยังได้ยินเสียงหัวเราะจากห้องสาวๆ ที่เชื่อมติดกันอยู่


ลุกขึ้นมาสวดมนต์อีกครั้ง
พร้อมกราบขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน
ควานหากระเป๋าที่หัวเตียง
เปิดหายันต์ที่ได้มาจากวัดพระเจ้าล้านทอง
อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ได้รับเมื่อคราวที่ไปทอดกฐินมาเมื่อวาน
เป็นของที่ระลึกจากท่านเจ้าอาวาส


อ้าวเจอเชือกสีแดง
ผูกเครื่องรางยังอยู่ในกระเป๋าที่เดิม
เลยรีบถอดเชือกสีแดงฯ ที่คอวางคืนข้างหมอนที่เดิม
เอาของเรามาใส่แทนแล้วปรากฏว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสภาพปกติ
ไม่เย็นยะเยือก
ไม่วูบๆ วาบๆ ที่แขน - ขา และหัวใจแต่อย่างใด

แล้วก็หลับไปจนเช้าตี 5
ได้รับโทรศัพท์ปลูกจากแฟนที่ กทม.


แปรงฟันแล้วก็แต่งตัวเรียบร้อย
พร้อมทั้งแบกกระเป๋าออกมาไว้นอกชาน
เจอพระรองเจ้าอาวาส ที่มาด้วยกัน


ท่านถามว่า"นอนหลับไหม?? ..โยมอ้อ"
ตอบท่านว่า "นอนหลับดี"..
ท่านบอกต่อว่า...
"ที่หัวนอนโยมเป็นป่าช้านะ..ไม่ได้บอกไว้ก่อน
อาตมาเกรงว่าจะไม่กล้านอนกัน"..ฮา...


ปรากฏว่าน้องที่นอนอีกห้องอีก 1 คน
ที่เกิดปีเดียวกับเราคนละรอบ
แต่เป็นอิสลามก็บอกว่า "นอนไม่ค่อยหลับ..
ได้ยินเสียงหมาหอนตลอดทั้งคืน.
เธอได้ยินอยู่คนเดียว
เพราะถามเพื่อนๆ น้องๆ ในคณะ..ไม่มีใครได้ยิน
ปรากฏว่า

"หนาวววววววววว" กันอยู่ 2 คน หุ หุ หุ




Create Date :04 มกราคม 2554 Last Update :28 มกราคม 2554 22:40:16 น. Counter : Pageviews. Comments :66