|
|||||
แปลเพลง - Truth To Power - OneRepublic - An Inconvenient Truth 2: The Sequel คุณรู้สึกยังไงบ้างครับเวลาที่พูดความจริงไปแล้วไม่มีใครเชื่อ? สถานการณ์ชีวิตของเราบางครั้งก็แปลกนะครับ คนเราชอบความจริงหรือการโกหกมากกว่ากันแน่? บางครั้งเราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะอธิบายความจริงออกไปอย่างสุดกำลัง ไม่รู้ว่าจะอธิบายจะบอกความจริงให้มันจริงกว่านี้ได้ยังไงแล้วแต่มันก็ดูไร้ผล ในขณะที่คำลวงที่ทำให้สบายใจนั้นสะดวกใจที่จะฟังมากกว่ากันเยอะ กล่าวคำลวงที่คนๆนั้นอยากได้ยินอยากฟังเกี่ยวกับเรื่องนั้น ผู้คนส่วนใหญ่นั้นทำคล้ายๆกันในการรับมือความเจ็บปวด หนีมัน และคำลวงเป็นรูปแบบหนึ่งของการหนีความจริงอันเจ็บปวด บางครั้งเพื่อที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความจริงจังของสิ่งที่เรากำลังสื่อสาร เราอาจต้องลุกขึ้นสู้เพื่อมัน นั่นคือความหมายของเพลงนี้ครับ เปลี่ยนความจริงให้เป็นพลัง สิบกว่าปีที่แล้วมีภาพยนต์สารคดีสิ่งแวดล้อมชื่อ An Inconvenience Truth ที่สร้างโดยรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ Al Gore ทำออกมาให้โลกได้ตื่นตัวในปัญหาภาวะโลกร้อน ผมได้ดูตั้งแต่ปีแรกๆที่หนังออกมาและเฝ้ารอภาคต่ออยู่หลายปี มีแต่ข่าวว่าจะทำต่อแต่ไม่บอกว่าจะออกเมื่อไหร่จนกระทั่งเลิกตามไปเลย ภาคต่อนี้ในที่สุดก็ออกมาเมื่อปีที่แล้วครับ เพลงนี้ก็มีหลายเวปแปลกันออกมาแล้วครับ ผมได้ดูหนังภาคต่อนี้มาซักระยะแล้ว วันนี้เป็นโอกาสที่จะได้นำเพลงมาแปลให้ฟัง แปลในความหมายที่มองจากความรู้สึกครับ Truth To Power - OneRepublic Thanks to OneRepublic Official Youtube Channel I could tell you I was fragile I could tell you I was weak I could write you out a letter Tell you anything you need I've seen minutes turn to hours Hours turn to years And I've seen truth turn to power If you could see me the way I see you If you could feel me the way I feel you You'd be a believer You'd be a believer Minutes turn to hours Hours turn to years And I've seen truth turn to power I could tell you I was ageless But I know you see the light I could tell you I'm immune to everything But that's a lie Dust don't turn to flowers Skies don't disappear But I've seen truth turn to power Oh, if you could see me the way I see you If you could feel me the way I feel you You'd be a believer (believer) You'd be a believer (believer) You'd be a believer (believer) You'd be a believer (believer) Hard to keep going on (hard to keep going on) I said it's hard to keep going on (hard to keep going on) It's hard to keep going on (hard to keep going on) If you could see me the way I see you If you could feel me the way I feel you You'd be a believer You'd be a believer You'd be a believer Be a believer Be a believer (believer) You'd be (be a believer) Minutes turn to hours Hours turn to years And I've seen truth turn to power ความจริงเป็นพลัง ชั้นจะบอกเธอก็ได้ว่าชั้นบอบบางเพียงไหน ชั้นจะบอกเธอก็ได้ว่าชั้นอ่อนแอเพียงใด หรือจะเขียนเป็นข้อความส่งให้เธอก็ยังได้ เพื่อบอกเธอในสิ่งที่เธอต้องการได้ยิน ชั้นเคยเห็น 'นาที' กลายเป็น 'ชั่วโมง' ชั้นเคยเห็น 'ชั่วโมง' ผันเปลี่ยนกลายเป็น 'ปี' และชั้นเคยเห็น 'ความจริง' ผันเปลี่ยนกลายเป็น 'พลัง' หากเธอมองเห็นชั้นได้อย่างที่ชั้นมองเห็นเธอ หากเธอรู้สึกถึงชั้นได้อย่างที่ชั้นรู้สึกถึงเธอ เธอจะเชื่อสิ่งที่ชั้นบอกเธอ เธอจะกลายเป็นผู้ที่เชื่อ นาที ได้กลายเป็น ชั่วโมง ชั่วโมง ได้กลายเป็น ปี ความจริง ได้กลายเป็น พลัง นั่นคือสิ่งที่ชั้นเคยเห็น ชั้นจะบอกเธอก็ได้ ว่าชั้นไม่มีวันตาย แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่เป็นความจริง จะบอกเธอก็ได้ว่าชั้นทนรับได้ทุกสิ่ง แต่มันก็เป็นเพียงคำลวง จะพูดถึงขนาดไหน ฝุ่นธุลีก็ไม่มีวันกลายเป็นดอกไม้ไปได้ จะพูดให้ตายยังไง ท้องฟ้าก็ไม่มีวันหายไป ชั้นก็แค่พูดว่าชั้นเคยเห็น 'ความจริง' มันกลายเป็น 'พลัง' ได้ โอ้... หากเธอ 'เข้าใจ' ชั้นได้อย่างที่ชั้น 'เข้าใจ' เธอ หากเธอ 'รู้สึก' ชั้นได้อย่างที่ชั้น 'รู้สึก' เธอ เธอจะเชื่อสิ่งที่ชั้นบอกเธอ เธอจะรู้ว่าชั้นพูดความจริง เธอจะกลายเป็นผู้ที่เชื่อ เธอจะเป็นผู้เชื่อ ไม่ง่ายเลยที่จะบอกให้เธอเชื่อได้ ชั้นรู้ว่ามันยาก ที่จะอธิบายกันต่อไปแบบนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะอธิบายให้เธอเชื่อได้ ถ้าเพียงแต่เธอสามารถเข้าใจชั้นได้อย่างที่ชั้นเข้าใจเธอ ถ้าเพียงแต่เธอรู้สึกชั้นได้อย่างที่ชั้นรู้สึกเธอ เธอคงจะเชื่อชั้น เธอจะกลายเป็นผู้ที่เชื่อ เธอจะเชื่อชั้น กลายเป็นผู้เชื่อ ผู้เชื่อ คือเธอ นาที กลายเป็น ชั่วโมง ชั้นเคยเห็น ชั่วโมง กลายเป็น ปี ชั้นเคยเห็น ความจริง กลายเป็น พลัง ชั้นเคยเห็น อรรถาธิบาย อารมณ์เพลงเป็นอย่างที่ขึ้นต้นไว้ข้างบนครับ เราบอกความจริงอะไรบางอย่างออกไปแต่เค้าไม่เชื่อจึงทำได้แค่เพียงรำพึงรำพันตัดพ้อเล็กๆเพื่อบอกให้รู้ว่าเราจะโกหกเธอก็ได้แต่เราไม่โกหก จะบอกเธอในสิ่งที่เธออยากฟังก็ได้แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้น เราอยากแค่ให้เธอเชื่อ ถ้าเธอรู้สึกเหมือนอย่างที่เราเป็น เธอจะเชื่อแน่ๆ เมื่อเธอเชื่อแล้วต่อไปเธอก็จะไม่ใช่คนนอกแล้ว เธอจะกลายเป็นพวกที่เห็นความจริง เป็นคนที่เชื่อ เพลงนี้ Ryan Tedder นักร้องนำวง OneRepublic และผู้แต่งเพลงนี้กล่าวว่าแต่งโดยรู้สึกว่าตัวเองเป็นโลกและกำลังบอกเราอยู่
An Inconvenience Truth เป็นสารคดีเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่แสดงให้เราเห็นว่าภาวะโลกร้อนนั้นมีอยู่จริงและเราเองคือผู้ที่สร้างมันขึ้นมา อัล กอร์ แสดงให้เห็นความพยายามที่ยากลำบากในการที่จะทำให้ผู้คนเชื่อเรื่องนี้และลุกขึ้นมาต่อสู้ร่วมกัน ผมเองก็ไม่สามารถจะสรุปสิ่งที่เค้าทำและแสดงให้เห็นด้วยข้อความสั้นๆไม่กี่บรรทัดตรงนี้ได้ it's hard to keep going on (telling you the way i'm doing here like this) หากเพียงคุณได้ดูสารคดีเรื่องนี้ทั้งสองภาคแล้วคุณจะเข้าใจและกลายเป็นผู้เชื่อครับ อย่างที่กล่าวไว้เมื่อตอนต้น ในการที่จะบอกความจริงอะไรซักอย่างเพื่อให้คนหันมาเชื่อนั้น คำตอบอาจอยู่ในเนื้อเพลงนี้แล้ว สิ่งที่น่าสนใจต่อไปคือเราควรตั้งคำถามของคำตอบนั้นว่า "ทำอย่างไรที่เราจะทำให้เค้า see and feel the way I see and feel?" และนั่นอาจจะเป็นความหมายที่แท้จริงของคำว่า Truth To Power ก็ได้ครับ Enjoy Thinking krub
ขอบคุณค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 23 พฤศจิกายน 2561 เวลา:14:54:09 น.
|
Karz
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?] สงวนลิขสิทธิ์ Group Blog All Blog
|
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |