มกราคม 2559

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
31
 
 
กลับไปฝากใจไว้ที่ "เชียงคาน"

พูดถึงสถานที่พักผ่อนหย่อยใจในช่วงวันหยุดสั้นๆ พูดถึงความสงบ ความไม่วุ่นวาย

แต่อยากได้กลิ่นอายของท้องถิ่นที่ผสมผสานไปกับความทรงจำดีๆ.. เรานึกถึงที่นี่ เป็นที่แรก : )

"เชียงคาน"


ก่อนหน้านี้เราเคยเดินทางไปเชียงคานคนเดียวเมื่อปี 2556 ครั้งนั้นที่ไปก็เพื่อไปพักใจที่กำลังอยู่ในช่วงอกหักรักคุด

เพราะเชียงคานไม่ไกล เพราะเชียงคานมีอะไรบางอย่างให้เราเข้าไปค้นหา


กลับมาเชียงคานครั้งนี้ ปี 2559 ก็เป็นครั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปเท่าไรนัก 

เหตุที่ได้ไปเกิดจากความบังเอิญที่ว่าเราไม่ได้ไปกรุงเทพกับเพื่อนตามที่วางแผนไว้เนื่องจากดันอยากไปคนละวันกัน


คุยกันไปกันมาสุดท้ายแผนตะลอนออนทัวร์กทม.ก็เป็นอันล้มเลิกไปเชียงคานจึงผุดขึ้นมาในหัวเราเหมือนแสงแวบของดาวตก เราถามเพื่อนว่าไปมั้ย...? พอได้คำตอบว่า ‘ไปสิ’ ก็เป็นอันว่าทริปเชียงคานได้ถือกำเนิดขึ้นในที่สุด!

เชียงคาน.. เริ่มจากไหนไปยังไงเหรอ?
การจะไปเชียงคานได้นั้นง่ายมากค่ะ ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ไกลไปสักหน่อย แต่ถ้าจะไปจริงๆ เพียงแค่หาทางไปให้ถึงขนส่งเลย จากนั้นก็แค่ต่อรถไปยังตัวอ.เชียงคานค่ะ

เราเริ่มออกเดินทางจากมน. ทีแรกว่านัดเพื่อนไว้ 7 โมงตรงว่าจะไปขึ้นรถสองแถวสีม่วงซึ่งเพื่อไปให้ทันรถเข้าขนส่งเลยรอบเช้าสุดค่ารถเข้าขนส่งเก่าพิษณุโลกราคา 25 บาทแต่ลุงคนขับดันคิดเงินเพื่อนเราผิด สุดท้ายเลยมีค่าเสียหายคนละ 25 บาท ซึ่งเราก็ให้เงินลุงไปถือว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆถึงใจจริงจะอยากทวงคืน : )


8:30 ถึงขนส่งพิษณุโลก

ก่อนหน้านี้เราจำได้ว่ามีรถรอบ 8:30 ไปขนส่งเลยด้วยแต่ป้ายที่ตั้งอยู่หน้าตู้บอกไว้ชัดเจนว่ารอบเร็วสุดคือ 9:30เราเลยมีเวลาว่างอีกประมาณชั่วโมงก่อนรถจะมา (รอบสุดท้าย 22:30)

ครั้งนี้หยิบหนังสือติดมือมาด้วยสองเล่มเลยได้อ่านฆ่าเวลาระหว่างรอรถ

ทีแรกเพื่อนก็ถามว่าจะไปที่อื่นไหม ไม่อยากรอ ที่ไหนรถออกก่อนก็ไปเลยเราปฏิเสธไปค่ะ ก็แหม.. ไม่ได้เตรียมแผนการอะไรไว้เลยนี่นา.. ดุ่มๆไปก็น่ากลัวอยู่นะ

หลังจากนั้นรถก็มาค่ะ ค่อนข้างตรงเวลาทีเดียวครั้งที่แล้วจำได้ว่าเราเผลอนั่งห้องน้ำแป๊บเดียวรถก็ออกไปเลยจนต้องวิ่งตามครั้งนี้เราจึงไม่พลาดค่ะ

พอขึ้นไปถึงปุ๊บ! ก็เจอป้าพนักงานบนรถซึ่งโหดดดด! มากค่ะ ป้าแกเสียงดังและดุผู้โดยสารจนทุกคนต่างนั่งเงียบกันถ้วนหน้าไม่เว้นแม้แต่ฝรั่งและพระสงฆ์องค์เจ้า!!!

เรากับเพื่อนก็ได้แต่มองหน้ากันและทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัวเข้าไว้

เดี๋ยวโดนด่า!!!


นานมั้ยกว่าจะถึงขนส่งเลย

ไม่นานค่ะ แต่ก็นั่งจนกร่อยเหมือนกัน

4 ชม.ของการเดินทางมีแวะเข้าห้องน้ำและจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางบ้างเป็นระยะๆ

ที่ที่จอดให้เข้าห้องน้ำคือนครไทยค่ะ ตอนลงไปเราดันลืมหยิบเงินลงไปด้วยก็เลยขอยืมพี่ที่นั่งเยื้องๆกัน ทีแรกก็เหมือนพี่จะไม่ไว้ใจนะคะบอกเราว่าไม่มีแบงค์ย่อยเลย แต่สุดท้ายเค้าก็หยิบเหรียญ 5 บาทให้ค่ะ 5555 โชคดีที่ไม่ต้องกลับขึ้นไปเอาใหม่

ระหว่างทางเราก็นั่งกึ่งหลับกึ่งตื่น ครั้งนี้อุตส่าห์พกหูฟัง Bluetooth ไปด้วยปรากฏว่าหูฟังเจ้ากรรมที่เพิ่งซื้อมาในราคา 990 บาทดันแบตหมดไปซะดื้อๆ ส่วนเพื่อนก็กินยาแก้เมารถแล้วก็หลับไปแล้วเหลือเราไว้นั่งมองวิวข้างทางคนเดียว

สองข้างทางก็ไม่มีอะไรนอกจากเส้นทางที่คดเคี้ยวที่ถูกขนาบด้วยภูเขาต้นไม้สีเขียวและป้ายบอกทางโค้งและแล้ว.. หลังจากทนเมื่อยมานานถึง 4 ชม.เต็ม เราก็ถึงเชียงคานจนได้ค่ะ!

ถึงแล้วทำไงต่อจะไปเชียงคานยังไง

มี 2วิธีหลักๆที่จะไปเชียงคาน วิธีแรกคือนั่งรถของนครชัยซึ่งคิวรถจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับขนส่งเลยกะอีกวิธีหนึ่งคือนั่งสองแถวซึ่งจะจอดอยู่ด้านหลัง

เราเลือกไปรถของนครชัยเพราะว่าออกเร็วกว่าแต่ว่ารถจะไม่เข้าไปด้านในเชียงคาน จะไปส่งแค่ที่ด้านหน้าค่ะ ซึ่งจากตรงนั้นเราสามารถต่อ3 ล้อเข้าไปในถนนคนเดินได้


ส่วนรถสองแถวถึงแม้จะออกช้ากว่า (มาก) แต่รถจะเข้าไปวนในเชียงคานเลยค่ะซึ่งที่จริงนอกจากถนนคนเดินเชียงคานแล้ว ยังมีตลาดสดและอื่นๆให้แวะเที่ยวด้วยถ้าใครสนใจจะลองนั่งดูก็ได้นะคะ


ที่คิวรถของนครชัยเราได้เจอน้องๆสองคนซึ่งมาจากพิษณุโลกเหมือนกัน (แต่ไม่ได้เรียนที่มน.) เลยลองชวนน้องไปด้วยกันดู ซึ่งน้องๆก็ตอบตกลงค่ะ ส่วนที่คิวรถสองแถวเราได้เจอกับคุณลุงคนหนึ่งซึ่งมาจากเกาหลี


ทีแรกเราคิดว่าลุงเป็นคนขับรถสองแถวคุยกะลุงอยู่นานก็ว่าทำไมลุงไม่ตอบ >< ที่ไหนได้ ลุงเป็นนักท่องเที่ยวค่ะ สุดท้ายลุงขอตัวไปกินก๋วยเตี๋ยวระหว่างรอสองแถวออกเราเลยไม่ได้ชวนลุงไปขึ้นรถของนครชัยด้วย


จากสองแถว สู่ที่พัก

ครั้งนี้เราไม่ได้จองห้องพักไว้ล่วงหน้า กะว่าจะไปพักที่ร้าน “อุยุอะยะ”ซึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้าทำมือประจำซอย 12


พอไปถึงก็ถามพี่เจ้าของร้านว่า "พี่คะๆพี่ใช่เจ้าของร้านไหม" พี่เค้าก็หันมามอง.. "จะว่าใช่ก็ใช่ครับ".. พี่เค้าบอกว่า“เฮ้ย!รู้ได้ไงว่าพี่ทำห้องพักด้วย” เราก็บอกว่า เคยมาพักที่นี่เมื่อกี่ที่แล้ว :)

พี่เลยบอกว่า ห้องยังไม่ได้ทำความสะอาดนะ เพราะไม่ได้ทำห้องพักนานแล้ว ให้ไปทำความสะอาดเองเดี๋ยวพี่ให้พักฟรี 

เรากับเพื่อนก็เลยจัดแจงทำความสะอาด ฝุ่นหนาพอสมควรถูไปสองสามรอบน้ำก็ยังดำอยู่ >< ส่วนพี่ก็ช่วยเอาผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนไปซักให้


ห้องพักของพวกเราดีอยู่อย่างนึงตรงที่อยู่ใจกลางถนนคนเดินเลยค่ะ ถ้าเปิดหน้าต่างก็จะเห็นผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันสนุกสนานเลย

ซึ่งหลังจากจัดแจงอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรากับเพื่อนก็ออกไปเดินเล่นสำรวจในถนนคนเดินกัน

ถนนคนเดินเชียงคานเหรอ..มีอะไรมั่งล่ะ

"ของที่ระลึก อาหาร และเสื้อผ้า และเจ้าเหมียวค่ะ"

พูดถึงอาหารที่เป็นที่ขึ้นชื่อของเชียงคานกันก่อน คงไม่พ้น “ข้าวเปียกเส้น” ลักษณะจะคล้ายก๋วยเตี๋ยว แต่เส้นจะหนึบๆ ใส่หมูยอ เลือดหมู หมูสับ แล้วก็โรยด้วยกระเทียมเจียวรสชาติอร่อยดีค่ะ เอกลักษณ์ก็จะอยู่ที่ความหนึบหนับของเส้นแล้วก็น้ำซุป ยิ่งถ้าได้กินตอนอากาศหนาวๆจะยิ่งฟินนน >< มากๆเลยละค่ะ


เราไปแวะกินอยู่ 2 ร้าน ร้านแรกเป็นร้านที่มีโลโก้เป็นรูปปาก ร้านนี้น้ำซุปอร่อย แต่เครื่องจะไม่เยอะเท่าอีกร้านหนึ่งซึ่งเราไปกินตอนเช้า


ซึ่งร้านตอนเช้าแม้ว่าเครื่องจะเยอะกว่าแต่มาเสิร์ฟช้าาาามากกกค่ะ! จะว่าเป็นเพราะคนเยอะก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะสองโต๊ะที่มาทีหลังเราดันได้ก่อน กว่าจะยกมานี่เล่นเอาเส้นอืดจนขาดความเหนียวกันไปเลย ซึ่งตอนนั้นเราก็หิวมากค่ะ เลยกินได้แบบไม่บ่นอะไรมาก ^^ ส่วนเพื่อนเราก็สั่งข้าวต้มหมูแทน สงสัยจะไม่ติดใจในรสชาติของข้าวเปียกเส้นสักเท่าไหร่ :p


นอกจากข้าวเปียกเส้น สิ่งที่เราชอบแล้วก็กินทุกครั้งที่ไปก็คือ “ข้าวจี่”เป็นข้าวเหนียวชุบไข่ทาด้วยซอสแล้วก็เสียบไม้ปิ้งความหอมอ่อนๆของถ่านที่เคลือบอยู่บนข้าวเหนียวทำให้เราอยากกินข้าวจี่ทุกครั้งที่ไป

ซึ่งตอนวันที่เราจะกลับเราอยากกินข้าวจี่เป็นการทิ้งทวนก่อนจากลามากๆค่ะ แต่เดินหาจากซอยสุดท้ายจนหมดเรี่ยวแรงก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอข้าวจี่เลย มาเจอที่ซอย 5 เล่นเอาเหนื่อยเลยค่ะ นึกว่าจะไม่ได้กินซะแล้ววว ><

และสุดท้ายที่แนะนำก็คือปาท่องโก๋ยัดไส้ค่ะ มีไส้กล้วยหอม ไส้หมูสับแล้วก็ไส้สังขยา แต่ละไส้ก็จะมีราดน้ำจิ้มราดนมแตกต่างกันไปค่ะ อร่อยมากๆเลย

แต่ละร้านรสชาติก็จะแตกต่างกันไปนะคะ อิอิ


นอกจากอาหารที่เราพูดไป ก็มีอีกอย่างนึงที่เราว่าอร่อยค่ะ นั่นก็คือ "น้ำมะพร้าว" แบบที่เราสั่งเรียกว่า "ยกล้อ" ค่ะ คือการเอาทุกอย่างที่มีในร้านมาปั่นรวมกันทั้งหมด ได้มาเป็นน้ำมะพร้าวรสชาติหวานมันเย็นชื่นใจ อร่อยมากๆเลยค่ะ

มาทางด้านเสื้อผ้ากันบ้าง
ปีนี้เสื้อผ้าจะเน้นไปในแนวเสื้อชาวเขาค่ะ 55 มีทั้งร้านที่ราคาแพงและราคาถูกสลับกันไป 

เราได้มาสองชุดคือชุดสีชมพูแล้วก็ชุดสีฟ้า
ชุดสีชมพูซื้อมาในราคา 250 บาท ซึ่งกว่าจะได้ตัวนี้มาก็ไปขอลองขอเปลี่ยนที่ร้านอยู่หลายรอบจนป้าเจ้าของร้านเริ่มแอบเหวี่ยง! (ก็คอมันกว้างไปอ่ะ) แต่ที่จริงเราแอบชอบสีมันนะคะ (ชมพูโอรสเราว่าสวยดี) 

(ตัวนี้แหละที่เพื่อนบอกว่าใส่แล้วอ้วน!!! เลยต้องเปลี่ยนเป็นอีกตัวที่คอแคบกว่า แต่เห็นแขนเยอะกว่า; แขนก็อ้วนง่ะ TT)


ส่วนชุดสีฟ้านี่ซื้อมาในราคา 180 บาท เราก็แอบไปคุยกะป้าเจ้าของร้าน ป้าแกบอกว่าสามีป้าน่ะตายไปแล้ว เมื่อก่อนเคยอยู่คนละซอยกัน พอแต่งงานก็เลยย้ายมาอยู่ซอยเดียวกัน ตอนนี้ป้าก็เลยต้องขายของอยู่คนเดียว ถ้าตอนกลางคืนก็จะไปขายในถนนคนเดิน ส่วนตอนกลางวันก็จะมาขายอยู่หน้าวัดสุดถนนคนเดินค่ะ
ป้าแกขายถูก ลูกค้ามากมายค่ะ เรารับประกันเลยว่าถูกกว่าทุกร้านจริงๆนะ ^^

มาด้านริมฝั่งโขงกันบ้าง โขงเนี่ย.. มีอะไรบ้างนะ!
มีแสงแดดที่ส่องกระทบผืนน้ำแผ่นกว้างเป็นประกายระยิบระยับค่ะ ><
ซึ่งบางครั้ง แผ่นน้ำโขงก็ถูกแหวกออกด้วยเรือหางยาวที่ขับผ่านไปมา

ตลอดริมขนานแม่น้ำโขงจะมีผู้คนมากมายแวะมาเดินกินลมชมวิว 
โอบรับบรรยากาศยามเย็นที่แสนจะมีความสุข พูดคุยกัน ถ่ายรูป แล้วก็หัวเราะกันอย่างสนุกสาน
ภาพความสุขของผู้คนจากการได้มาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่เป็นภาพที่น่าประทับใจมากค่ะ

อันที่จริงแล้ว ถ้าใครอยากชิลๆชมบรรยากาศเรื่อยๆก็สามารถเช่าจักรยานลองปั่นดูรอบๆก็ได้นะคะ
ซึ่งที่จริงเราก็อยากเช่าจักรยานมากกว่า เพราะว่าอยากจะแวะชมซอยแต่ละซอยให้ทั่วๆด้วย
แต่เพื่อนบอกว่ามันจะแวะดูของลำบาก ก็เลยสะพายเป้เดินเอาค่ะ อิอิ :p

แวะถ่ายรูปกับมนุษย์รูปปั้นสีเขียวซะหน่อย
(ตอนพี่แกขยับ คนที่เดินผ่านไปผ่านมากรี๊ดใหญ่เลยอ่ะ >< 5555)

ส่วนบริเวณนี้ก็มีบันใดให้เดินลงไปสัมผัสแม่น้ำได้ใกล้ยิ่งขึ้นค่ะ

จริงๆแล้ว ทริปเชียงคานยังไม่จบ ยังมีเรื่องราวความประทับใจอีกมากมายที่เชียงคาน.. 
ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไหนสักที่ ก็อย่าลืมเก็บเชียงคานไว้ในอ้อมใจ เป็นตัวเลือกอีกตัวเลือกนึงที่คุณจะไปด้วยนะคะ : )











Create Date : 28 มกราคม 2559
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2559 9:59:38 น.
Counter : 5540 Pageviews.

1 comments
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:3:46:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gushbell
Location :
จันทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



New Comments