แปลเพลง - Lost Stars - Begin Again OST - ดาวอับแสง เพลงที่อาจจะปลุกให้คุณตื่นขึ้นมาดูชีวิตตัวเอง
คุณเคยเสียดายช่วงเวลาในชีวิตมั้ยครับ?
 
 
สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่ายังมีคนเข้ามาอ่านบล๊อกนี้คือจำนวนเค้าเตอร์ที่นับว่าเปิดอ่านกี่ครั้งครับ (กับคอมเม้นต์ที่นานมากๆถึงจะมีสักครั้ง) ถึงแม้รู้ว่ามีคนอ่านน้อยมากๆ หรือสิ่งที่ทำอยู่มันไม่มีคุณค่ากับผู้อ่านแต่ก็ยังจะทำต่อไป หากต้องการสนับสนุนผลงาน ขอเชิญติดตามได้ที่ Blockdit นะครับ คุยกันหน่อย ทักทายกันบ้างก็ดีครับ  
https://www.blockdit.com/superficiallynot
จะค่อยๆทยอยนำผลงานเดิมขึ้นไปและลงผลงานใหม่สลับกันไปครับ


น้องชายผมไปดูหนังมาครับ กลับมาแล้วก็จัดการเปิดโน้ตบุ๊คค้นหาเพลง แล้วก็เปิดฟังทันทีเลย เค้าอินกับเพลงนี้มากถึงขนาดถามหาว่ากีต้าร์อยู่ไหน? ดูเค้า enlight ขึ้นมามาก ดูมี energy ดูยังประทับใจกับหนังอยู่ พูดถึงหนังตลอดแล้วก็เปิดเพลงให้ฟัง ผมจึงอยากจะไปดูหนังเรื่องนี้ขึ้นมาซะแล้ว แต่แค่ได้ฟังเพลงได้อ่านเนื้อก็ทราบว่าเป็นเพลงที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ มากขนาดทำให้คุณแทบปิดหน้านี้ไปเลยหากคุณไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆครับ คุณอาจจะต้องใช้เวลาอ่านนานขึ้น ^^'
 
เพลงนี้มีสองเวอร์ชั่นคือแบ่งเป็นผู้หญิงร้องกับผู้ชายร้อง ไพเราะทั้งสองเวอร์ชั่นครับ เพลงนี้คือเพลง Lost Stars ซึ่งประกอบภาพยนต์เรื่อง Begin Again ผมไม่ได้ไปดูหนังเรื่องนี้ ดังนั้นไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับหนังจะวิจารณ์นะครับ เพียงแต่ฟังทำนองเพลง sense เนื้อเพลงแล้วรู้สึกอยากจะอธิบายเพลงนี้ขึ้นมาครับ เพราะมันเป็นคำถามหลักๆที่เกี่ยวกับชีวิตของเราที่เราต้องลองถามตัวเองไว้ครับ เพลงนี้มีความเป็นปรัชญามากซะจนผมคิดว่าต่อไปคงได้เห็นความหมายของเพลงนี้ถูกคนแปลไปคนละทิศคนละทาง คงมีหลายเวอร์ชั่นแน่นอนจากผู้แปลหลายๆท่าน
 
Lost star คือดาวดับนะครับ แต่ผมแปลเป็นดาวอับแสงเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาในเพลงที่ดาวจะต้องพยายามเปล่งแสงให้ได้ ไม่ว่าจะต้องพยายามกี่ครั้ง แปลแบบนี้น่าจะไปด้วยกันได้กับความหมายของชื่อหนังนะครับเพราะหนังชื่อ Begin Again ความน่าสนใจของเพลงสามารถอ่านได้ในช่วงอรรถาธิบายข้างล่างครับ
 
Source: Interscope Records Official Youtube Channel
 
 
 
Lost Stars
 
Please don't see just a girl caught up in dreams and fantasies
Please see me reaching out for someone I can't see
Take my hand let's see where we wake up tomorrow
Best laid plans sometimes it's just a one night stand
I'd be damned Cupid's demanding back his arrow
So let's get drunk on our tears and
 
God, tell us the reason youth is wasted on the young
It's hunting season and the lambs are on the run
Searching for meaning
But are we all lost stars, trying to light up the dark?
 
Who are we? Just a spec of dust within the galaxy
Woe is me if we're not careful turns into reality
Don't you dare let all these memories bring you sorrow
Yesterday I saw a lion kiss a deer
Turn the page maybe we'll find a brand new ending
Where we're dancing in our tears and
 
I thought I saw you out there crying
I though I heard you call my name
I thought I saw you out there crying
But just the same
 
And god, tell us the reason youth is wasted on the young
It's hunting season and the lambs are on the run
Searching for meaning
But are we all lost stars, trying to light up the dark?
 
are we all lost stars, trying to light up the dark?
 
 
 
ดาวอับแสง
 
โปรดอย่ามองว่าชั้นเป็นแค่สาวน้อยคนนึงที่หลงติดอยู่ในความฝันวิจิตรอันเลื่อนลอยเลย
จริงๆแล้วชั้นแค่กำลังไขว่คว้าหาใครซักคนที่ชั้นไม่เคยพบเจอเท่านั้น
พาชั้นไปด้วยสิชั้นไม่สนหรอกว่าพรุ่งนี้เราจะตื่นขึ้นที่ไหน
แต่การปล่อยตัวปล่อยใจก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ความรักอย่างที่เคยปรารถนา
เพราะชั้นคงแย่แน่หากมันจะเป็นแค่รักชั่วคราวแค่ค่ำคืนเดียว 
คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้นัก ถ้าน้ำตาเป็นเหล้าชั้นก็คงกำลังเมาน้ำตา... โธ่...
 
พระเจ้าเอย บอกเราหน่อยเถอะเหตุใดหนุ่มสาวถึงยังไม่รู้ตัวสักทีว่าไม่ควรปล่อยช่วงเวลาวัยนี้ให้เสียเปล่าไป
มันก็เหมือนในฤดูล่าสัตว์ แกะก็ได้แต่วิ่งหนี ก็เหมือนเราที่กำลังวิ่งค้นหาความหมาย
หรือว่าเราจะเป็นดั่งดาวที่อับแสง และสิ่งที่เราควรทำตอนนี้คือพยายามจะเปล่งแสงออกมาให้ความมืดได้สว่างขึ้น
 
จริงๆแล้วพวกเราเป็นใครกันแน่? หรือจะเป็นแค่เพียงเศษฝุ่นในอวกาศ
เราคงโชคไม่ดีแน่หากไม่ตั้งสติให้ดีเพื่อใช้ชีวิตในความเป็นจริงนี้
อย่าได้เผลอปล่อยให้ความโศกจากสิ่งที่เราคุยกันนี้ทำให้เธอเศร้าได้นะ
แต่หากลองคิดตามดูให้ดีในความโศกนี้เธออาจจะได้เห็นมุมมองที่แปลกออกไป
เหมือนการเปิดอ่านหนังสือที่หน้าถัดไปอาจมีจุดหักเห อาจทำให้ได้ตอนจบใหม่ออกมา
ตอนจบอย่างเช่น... เราได้เต้นรำด้วยกัน... ทั้งน้ำตา... โธ่... 
 
พระเจ้าเอย บอกเราหน่อยเถอะเหตุใดหนุ่มสาวถึงยังไม่รู้ตัวสักทีว่าไม่ควรปล่อยช่วงเวลาวัยนี้ให้เสียเปล่าไป
มันก็เหมือนในฤดูล่าสัตว์ แกะก็ได้แต่วิ่งหนี ก็เหมือนเราที่กำลังวิ่งค้นหาความหมาย
หรือว่าเราจะเป็นดั่งดาวที่อับแสง และสิ่งที่เราควรทำตอนนี้คือพยายามจะเปล่งแสงออกมาให้ความมืดได้สว่างขึ้น
 
ตอนนั้นชั้นคิดว่าเธอร้องไห้อยู่ตรงนั้น
ตอนนั้นชั้นคิดว่าเธอเรียกชั้น
ตอนนั้นชั้นคิดว่าเธอร้องไห้อยู่ตรงนั้น
แต่มันก็ไม่ต่างกันหรอก
 
แล้วพระเจ้าก็ได้บอกเรา ถึงเหตุที่หนุ่มสาวยังไม่รู้ตัวสักทีว่าไม่ควรปล่อยช่วงเวลาวัยนี้ให้เสียเปล่าไป
เพราะเค้าไม่รู้ว่าจริงๆแล้วชีวิตมันก็เหมือนอยู่ในฤดูล่าสัตว์ แกะก็ได้แต่วิ่งหนีไป ก็เหมือนเราที่ต้องใช้ชีวิตวิ่งค้นหาความหมาย
หรือว่าเราจะเป็นดั่งดาวที่อับแสง และสิ่งที่เราควรทำตอนนี้คือพยายามจะเปล่งแสงออกมาให้ความมืดได้สว่างขึ้น
 
หรือว่าเราจะเป็นดั่งดาวที่อับแสง และสิ่งที่เราควรทำตอนนี้คือพยายามจะเปล่งแสงออกมาให้ความมืดได้สว่างขึ้น
 
 
 
อรรถาธิบาย
 
อารมณ์ของเพลงนี้เหมือนคนสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ครับ เรื่องที่คุยกันหลักๆมีสองเรื่องคือเรื่องความรัก (ท่อนบน) เหมือนเป็นการคุยกันแล้วปรับทุกข์กัน กับท่อนล่างคือเรื่องชีวิต คุยกันว่าชีวิตของเรามีไว้ทำอะไรกันแน่? มีไว้อยู่ไปวันๆ ปล่อยเวลาที่มีค่าทิ้งไป หรือควรค้นหาความหมายของชีวิตเราแล้วทำอะไรซักอย่างที่เปล่งประกายออกมา ให้มันมีประโยชน์ที่ได้เกิดมา เหมือนเป็นการทำความสว่างให้เกิดในที่มืดครับ
 
นั่งคุยกันผ่านร้อยกรองของทำนองเพลงเลยมี idiom ติดมาด้วยหนึ่งคำเพื่อทำให้เพลงลงทำนอง น่าสนใจมั้ยล่ะครับ? แต่ปรัชญาที่มากับเพลงนี่สิครับ น่าสนใจกว่า idiom เยอะทีเดียว
 
  • caught up คือติดแหง่ก ส่วน dream and fantasy ต้องแปลว่าฝันวิจิตรอันเลื่อนลอย เพราะในเพลงมีการพูดถึงการใช้ชีวิตในความเป็นจริง ดังนั้น fantasy dream จึงจับต้องไม่ได้ มันจึงเลื่อนลอยครับ
     
  • มองทางด้านความรู้สึกแล้ว reaching out ต้องแปลคู่กับ take my hand ครับ ตอนแรกจะแปลว่าดึงชั้นขึ้นไป เพราะมันสื่อความรู้สึกประมาณว่าตัวคนพูดอยู่ข้างล่างและตัวคนที่เค้ากำลังไขว่คว้าหานั้นอยู่ข้างบน แต่พอมองในแง่ความเป็นจริงแล้วก็คือให้พาเค้าไปด้วยนั่นแหล่ะ ตรงนี้เหมือนจะเป็นอุปมา หรืออาจจะเป็นการเล่าอดีตด้วยซ้ำ หรือยังสามารถมองได้ว่าเป็นการเอาอดีตมาเล่าเป็นอุปมาก็ได้ครับ เราก็อย่าคิดมาก มองเป็นอุปมาก็แล้วกัน :D

    เค้าอุปมาเหมือนผู้หญิงที่กำลังจะปล่อยตัวปล่อยใจให้กับผู้ชายซึ่งเป็นใครก็ได้ในค่ำคืนนี้ เหมือนเป็นการประชดความรัก ไม่ได้ประชดใครนะครับ แต่ประชดความรัก แล้วก็หันไปถามกับพระเจ้า อ่านไปเรื่อยๆครับ จะค่อยๆพาไป :)

     
  • Let's see where we wake up tomorrow ความหมายคือ ไม่สนหรอกว่าเราจะไปนอนกันที่ไหน แค่พาชั้นไปด้วยก็พอ 
     
  • จะเห็นว่าการแปลนี้มีเรื่องเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั่นก็เพราะมีคำว่า laid กับ one night stand ครับ จริงๆท่อนนี้แปลยากเหมือนกันครับเพราะเป็นสองประโยคที่รวมอยู่สี่เรื่อง ต้องตัดประโยคแล้วแบ่งออกมาแปล best laid plan ตรงนี้มีสองนัยครับ นัยแรกคือแปลตรงตัวจะหมายถึงแผนที่ถูกวางไว้อย่างดีแล้ว กับอีกนัยนึงคือการเล่นคำของคำว่า laid

    plan คือการวางแผน. laid คือการร่วมหลับนอน. best laid plan จะให้แปลว่าเป็นการวางแผนการที่จะทำให้เราได้ร่วมหลับนอนกับใครซักคนที่เป็นใครก็ได้ที่พาชั้นไปทีก็คงจะทำให้มองความหมายหรือปรัชญาหลักของเพลงนี้ผิดไปแน่ๆ ดังนั้นเราก็ต้องแปลโดยอิงปรัชญาหลักของเค้าครับ เค้าสามารถรู้สึกแย่ (I'd be dammed) จาก one night stand (รักชั่วคราวแค่ค่ำคืนเดียว) ได้เพราะ cupid (กามเทพ) เอาลูกศรกลับไปคืน (demanding back arrow) ก็แสดงว่าเค้าต้องการมีความรัก ดังนั้นคนที่ต้องการความรักจริงๆ ปรารถนาความรักในแบบที่ตัวเองหวังไว้ จะออกไปทำ one night stand จึงมีแค่การประชดความรักเท่านั้นแหล่ะครับ 

     
  • Let's get drunk on our tears, ตรงนี้เป็นการชวน ก็ทำให้เห็นภาพการนั่งคุยกันชัดขึ้น ชวนกันร้องไห้จนเมาน้ำตา พอพูดถึงการประชดรักแล้วก็นึกถึงชีวิตคนที่ปล่อยให้ช่วงเวลาที่จะได้มีความสัมพันธ์ดีๆผ่านไป เลยเงยหน้าถามพระเจ้า
     
  • ถามว่า มันจะมีกี่เรื่องกัน (reason) ที่คนเรา (youth) พากันเสียเวลาที่มีค่าของชีวิตไป (waste the young) ทำไมไม่รู้ตัวกันเสียทีว่าชีวิตของเรานี้มันก็เหมือนอยู่ในฤดูการล่า (hunting season) เราก็เหมือนแกะที่กำลังถูกล่าโดยนายพรานคือเวลา เราจะต้องโดนแน่ๆ ดังนั้นคำถามคือคุณค่าความหมายของชีวิตเราคืออะไร? เราเคยค้นหาดูบ้างมั้ย (searching for meaning) หรือเราอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลย (เป็นดาวอับแสง) ดังนั้นการค้นให้พบตัวตนที่แท้จริงและเบ่งบานเปล่งประกายออกมาให้ได้นั้นเป็นสิ่งที่ควรทำ นั่นคือการ trying to light up the dark เป็นการทำที่ซึ่งมืดอยู่ให้สว่างขึ้น ทำให้ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น เป็นการทำประโยชน์ เราอาจไม่เคยรู้ว่าแค่การทำเพื่อตัวเองทำให้ตัวเองเปล่งประกายออกมานั้นจะสามารถเป็นประโยชน์กับคนอื่นได้ ดูอย่างดวงอาทิตย์ก็ได้ครับ :)
     
  • เข้าท่อนล่างซะที บรรทัดแรกก็ตรงตัวครับ เราเป็นใครกันแน่? ถ้าจะมองจากสเกลใหญ่ในระดับจักรวาล พวกเราก็เป็นเพียงฝุ่นผงธุลีในอวกาศ แต่ทำไมต้องใช้คำว่า galaxy ครับ? เพราะคำว่า space มันไม่ลงทำนองเพลงงัยครับ ตรงนี้ในการแปลเราไม่ต้องแปลว่าแกแลคซี่ตรงตัวก็ได้ครับเพราะกาแลคซี่ก็ไม่ใช่คำภาษาไทย 
     
  • Woe is me แปลว่า "ชั้นโชคไม่ดี" ครับ เป็น idiom ถูกเอามาใช้เพราะทำนองเพลงมันต่อจาก galaxy. หากจะไม่ใช้คำนี้ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะผสมคำศัพท์อะไรให้ความหมายใช้แทนกันแล้วแล้วลงทำนองตรงนี้พอดี 
     
  • turn into reality คือหันมาสู่ความเป็นจริง พอรวมกันเข้ากับประโยคก่อนหน้านี้ให้สมบูรณ์จะแปลได้ว่า เราคงโชคไม่ดีแน่หากไม่ตั้งสติให้ดีในการใช้ชีวิต ที่มีคำว่า "ตั้งสติ" โผล่เข้ามาได้ก็เพราะมีคำว่า careful ครับ มันต้องระวัง เพราะถ้าไม่ระวังจะโชคไม่ดี มันต้องอาศัยสติครับ เพื่อที่จะหันเข้ามาสู่ความเป็นจริง ตรงนี้เค้ากำลังเริ่มเตือนคนที่นั่งคุยกันอยู่ เนื่องจากนั่งคุยกันในเรื่องปรัชญาชีวิตหนักๆว่าเรามันก็เป็นแค่เพียงฝุ่นธุลีในอวกาศ กำลังถูกเวลาไล่ล่าเอาชีวิตอยู่ เคยค้นหาคุณค่าความหมายของชีวิตตัวเองรึยัง? เคยสมหวังในรักแล้วรึยัง? ช่วงเวลาที่ผ่านมาในชีวิตทำอะไรอยู่? ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปกับเรื่องอะไร? เริ่มมองเห็นความน่ากลัวในคำถามแล้วรึยังครับ? คำถามเหล่านี้หากใครไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน พอมาถูกถามในช่วงเวลาที่โอกาศต่างๆของชีวิตผ่านไปแล้วจะรู้สึกโศกได้มากครับ ดังนั้นจึงต้องเตือนกันหน่อยว่าอย่าโศกเศร้าไปเลย (don't you dare ) อย่าได้บังอาจเอาเรื่องที่เราคุยกันนี้ไปคิดมากจนทำให้โศกเศร้า (เรื่องที่เราคุยกันนี้มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำของเราไป) คนที่คิดมากน่ะครับ จะเอาเรื่องที่อยู่ในความทรงจำไปคิดมากเรื่อยๆ เค้าก็เตือนไว้ว่าอย่าคิดมากจนทำร้ายตัวเอง 
     
  • แต่ถ้าจะคิด ก็ให้คิดในมุมที่มันทำให้เราเปิดกว้างขึ้น ในมุมที่จะทำให้เราเบ่งบาน ในมุมที่จะทำให้เราเปล่งประกาย ในมุมที่มันหักเหจากเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี เป็นจุดที่บรรจบกันของทั้งสองเรื่อง เรื่องร้ายอย่างสิงโต เรื่องดีอย่างกวาง จุดที่บรรจบกันคือการจูบ (lion kiss a deer) เป็นจุดที่บิดปมความคิดเรา ให้เราตื่นขึ้นเพื่อแก้ไขตอนจบในหน้าหนังสือ (turn the page) ชีวิตของเราใหม่ (brand new ending) ตอนจบอย่างที่เราอาจจะได้มีความสุขด้วยกัน อย่างได้เต้นรำด้วยกันทั้งน้ำตา... ซี่งในเพลง พอถึงประโยคนี้ก็ตัดพ้อกับพระเจ้าอีก โดยการเงยหน้าขึ้นไปถามกับพระเจ้าใหม่อีกครั้ง เพลงนี้ท่อนสร้อยเลยมีความหมายเปลี่ยนไปตามสิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่ครับ ท่อนบนตัดพ้อถามพระเจ้าว่าคนมัวไปทำอะไรอยู่ เสียเวลาตามหารักแท้ ท่อนกลางคนมัวไปทำอะไรอยู่ เสียเวลาไปโดยไม่รู้ว่าตัวเองมีคุณค่าความหมายอะไร และท่อนล่างสุด เป็นการเล่นคำโดยการเอา And มาใช้ ทำให้แปลได้ว่า ในที่สุดพระเจ้าก็ได้บอกแล้ว ว่าชีวิตคนเราก็เหมือนอยู่ในฤดูล่าสัตว์ และเราก็ต้องพยายามหาตัวเองให้เจอและเปล่งประกายออกมาให้ได้
 
อ่านการแปลความหมายของเพลงนี้แล้วลองตอบคำถามของเพลงดูด้วยนะครับ เก็บคำตอบนั้นไว้ตอบตัวเองทุกวันเวลาที่ตื่นขึ้นมา เราจะได้รู้ว่าวันนี้เราตื่นขึ้นมาเพื่อทำอะไร และวันนี้เราจะกอดความหมายอะไรในชีวิตเข้านอน อย่าโศกกับช่วงเวลาที่เสียไปแล้ว และหักมุมชีวิตให้ได้ เพื่อออกแบบตอนจบของหนังสือชีวิตของเราอย่างที่เราปรารถนาให้ได้ครับ :)
 
 
Enjoy thinking krub.
 
 
 
 
ป.ล. เข้ามาแก้คำผิด & เพิ่มลิงค์เพลงในกลุ่มเดียวกัน
 
เพลงอื่นจากหนังเรื่องเดียวกันที่แปลที่นี่:
เพลงจากหนังเรื่องอื่นที่มีผู้กำกับคนเดียวกัน (John Carney):
 
 
<< เพลงที่แล้ว : Everything - Michael Buble  Roads Untraveled - Linkin Park : เพลงถัดไป >>



Create Date : 16 กรกฎาคม 2557
Last Update : 29 มกราคม 2563 16:58:30 น.
Counter : 73103 Pageviews.

44 comments
  
เดินผ่านม่านหมอกมาเรื่อยๆ จนตามาพบภาษาเขียน ภาษาดนตรี การสื่อความที่สวยงาม จนหยุดฟังและหยุดอ่านไม่ได้ ติดตามผลงาน
ขอบคุณค่ะ
โดย: กระทิ ณ.สระแก้ว IP: 223.205.28.170 วันที่: 16 กรกฎาคม 2557 เวลา:11:38:56 น.
  
แปลแบบนี้ อย่า แปลเรยครับ
โดย: กาก IP: 124.120.51.95 วันที่: 20 กรกฎาคม 2557 เวลา:2:08:28 น.
  
โอ้ววววว ไฟแรงนะพักนี้ อัพตั้งหลายวันแล้วด้วย
ยุ่งๆมาก เลยไม่ได้คิดว่าจะแวะมาที่นี่ จองที่ไว้
ก่อน ไว้กลับมาละเลียด

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
อาคุงกล่อง Art Blog ดู Blog
ALDI Food Blog ดู Blog
Karz Music Blog ดู Blog

ตุณสบายดีนะ
โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2557 เวลา:17:22:43 น.
  
ผมค้นกูเกิ้ลหาคำแปลเพลงนี้ เจอหลายเวปแปลจับใจความไม่ค่อยได้เลย คุณแปลและถ่ายทอดได้ดีมากเลยครับ ขอบคุณมากครับสำหรับความหมายและข้อคิดที่เพิ่มให้
โดย: คนหลงทาง IP: 183.89.152.63 วันที่: 20 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:37:37 น.
  
ขอบคุณค่ะ แปลได้จับใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ
โดย: Kwang IP: 158.108.136.62 วันที่: 22 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:35:45 น.
  
มันมากกว่าตัวหนังสือที่จะสื่อ แปลความหมาย สุดยอดจริงๆครับ เห้นภายเลย
โดย: Kwan IP: 110.169.219.151 วันที่: 24 กรกฎาคม 2557 เวลา:0:11:45 น.
  
ขอบคุณสำหรับความรู้เชิงปรัชญานะคะ น่ารักมั่กๆ
โดย: MakeUsDream IP: 125.26.232.200 วันที่: 27 กรกฎาคม 2557 เวลา:12:51:32 น.
  
คุณแปลได้สุดยอดมาก ชอบเพลงนี้มาก พยายามฟัง แปลและจำใจความ แต่แปลได้ไม่สวยเท่าไร ขอบคุณที่ช่วยเรียบเรียงความกมายได้สละสลวยกินใจ
โดย: baitong IP: 1.47.234.229 วันที่: 28 กรกฎาคม 2557 เวลา:3:12:55 น.
  
ชอบเพลงนี้มาก อ่านหลายที่ที่แปลก้อไม่อินเท่าอ่านของคุณ ชอบมากคะ ^^
โดย: May IP: 101.109.241.245 วันที่: 29 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:41:23 น.
  
แปลได้ลึกซึ้งมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
โดย: mika IP: 27.55.10.99 วันที่: 30 กรกฎาคม 2557 เวลา:23:06:10 น.
  
แปลได้สุดยอดมาก เห็นภาพเลย ขอบคุณนะคะ
โดย: Meannakorn IP: 61.91.110.138 วันที่: 7 สิงหาคม 2557 เวลา:13:39:10 น.
  

ขอบคุณทุกๆคนมากครับ ดีใจจัง ^____________,^

OST Begin Again ที่ผมแปลมีอีกเพลงนะครับ A step you can't take back ครับ

โดย: Karz วันที่: 10 สิงหาคม 2557 เวลา:0:07:26 น.
  
อ่านเพลินเลย คุณแปลได้ลึกซึ้งมากๆค่ะ ขอบคุณที่มาแชร์สิ่งดีๆให้พวกเรานะคะ จะรอติดตามนะคะ ^___^
โดย: kluaymai IP: 1.10.248.18 วันที่: 10 สิงหาคม 2557 เวลา:3:25:45 น.
  
โอ้ยยยยยยยย ขอบคุณสำหรับการแปลมากนะคะ
ดูการแปลเว็บอื่นงงเป็นไก่ตาแตก พอมาเจอบล็อคนี้แทบกราบหน้าคอม
ขอบคุณจริงๆคะ
โดย: eiei IP: 110.168.231.228 วันที่: 13 สิงหาคม 2557 เวลา:13:25:44 น.
  
ชอบการแปลของคุณมากๆเลยค่ะ เลอค่ามาก.....
ขอบคุณนะคะทำให้เราเข้าใจความหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
โดย: GPT IP: 1.10.218.134 วันที่: 16 สิงหาคม 2557 เวลา:15:13:26 น.
  
ขอบคุณคะ สำหรับการแปลความหมายเพลงนี้ คุณแปลได้อย่างลึกซึ้ง เข้าใจ ขอบคุณอีกครั้งคะ
โดย: dookduii IP: 180.183.241.134 วันที่: 16 สิงหาคม 2557 เวลา:17:32:41 น.
  
ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆค่ะ ^^
โดย: Jane IP: 114.109.104.134 วันที่: 16 สิงหาคม 2557 เวลา:21:27:51 น.
  
แปลและอธิบายได้สุดยอดมากค่ะ ติดตามผลงานนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
โดย: …. IP: 192.99.14.34 วันที่: 18 สิงหาคม 2557 เวลา:11:31:13 น.
  
แปลได้ละเอียดมาก อธิบายทุกจุดเลย..
โดย: Yee IP: 49.230.134.174 วันที่: 20 สิงหาคม 2557 เวลา:8:40:07 น.
  
แปลได้ละเอียดมาก อธิบายทุกจุดเลย..
โดย: Yee IP: 49.230.134.174 วันที่: 20 สิงหาคม 2557 เวลา:8:40:07 น.
  
สุดยอดมากค่ะ ทำให้เข้าใจความต้องการของคนเขียนได้ดีจริงๆ แต่ก่อนไม่เคยเข้าใจลึกซึ้งขนาดนี้
โดย: Tarn IP: 61.90.115.26 วันที่: 23 สิงหาคม 2557 เวลา:18:01:39 น.
  
ผมอ่านคำแปลมาหลายที่ ชอบของคุณมากครับ

เห็นภาพ กระจ่าง และเข้าถึง ชื่นชมครับ

ขอแชร์นะครับ ชอบมากๆๆๆๆ
โดย: joe_puttiphat IP: 192.99.14.36 วันที่: 29 สิงหาคม 2557 เวลา:11:41:55 น.
  
ผมได้อ่านที่คุณแปลไว้ทั้งหมด ชอบมากครับ ต้องขอบคุณมากครับ
ที่แปลให้อ่านกัน
โดย: วรรณ IP: 1.46.80.248 วันที่: 31 สิงหาคม 2557 เวลา:1:06:00 น.
  
เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านการแปลเพลงที่ทำให้รู้สึกถึงเนื้อหาของเพลงจริงๆเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ จากการอ่านของหลายๆที่ จนมาเจอของคุณ ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมากเลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ :)
โดย: ์Naruepat IP: 223.206.9.124 วันที่: 18 กันยายน 2557 เวลา:23:05:32 น.
  
แปลได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ ลึกซึ้งเลยทีเดียว ชอบมากกอ่ะ
โดย: nut IP: 1.10.251.4 วันที่: 28 กันยายน 2557 เวลา:21:22:10 น.
  
เจ๋ง มากคะ
โดย: ปอย IP: 1.46.99.0 วันที่: 13 ตุลาคม 2557 เวลา:8:48:03 น.
  
วิชาการ สุนทรียะ ปรัชญาชีวิต บังเกิดพร้อมๆ..ขอบคุณครับ
โดย: Jezza IP: 171.100.214.85 วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:13:49:13 น.
  
สุดยอดมากค่ะ แปลได้ตรงใจ ละเอียดมากๆ อ่านคำแปลเว็บอื่นแล้วปวดตับเปิดดิกเอาก็ได้ เลยพยายามที่จะฟังแล้วตีความเอง แต่ยังตีความได้ไม่ลึกซึ้งเท่าจขกท.เลยค่ะ

ขอบคุณที่แชร์นะคะ. ^^
โดย: pink IP: 180.183.247.164 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:4:29:32 น.
  
ไปอ่านเนื้อเพลงแล้วทำความเข้าใจยังไงก็ดูยังแกนๆ

แต่พอมาเจอของคุณนี่ แบบ
ทันใช่เลยค่ะ ไม่ใช่การแปลตรงตัว แต่เป็นการตีความ
แล้วเรียบเรียงให้เข้าใจมากขึ้น

ขอบคุณจริงๆค่ะ
โดย: mewretina IP: 27.55.196.124 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2557 เวลา:7:45:40 น.
  
จินตภาพตามบทแปลได้ต่อเนื่องไม่ทีขัดเลยค่ะ เข้าถึงอารมณ์ที่เนื้อเพลงอยากจะถ่ายทอดออกมาจริงๆได้จับใจมากๆเลยค่ะ รอติดตามผลงานต่อไปนะค่ะ สุดยอดมากจริงๆค่ะ
โดย: once.mtn IP: 27.55.222.167 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2557 เวลา:21:20:35 น.
  
แปลได้ยอดเยี่ยมมากเลยคะ
โดย: Ney IP: 27.55.225.110 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:19:08:39 น.
  
สุดยอดครับ
โดย: man IP: 182.52.84.148 วันที่: 4 มีนาคม 2558 เวลา:15:11:25 น.
  
Your critical thinking is superb! Love it!
โดย: mmm IP: 171.6.245.152 วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:23:35:01 น.
  
โห... แปลได้โดน แถมอธิบายได้ลึกมากค่ะ
เพิ่งได้ดูหนัง ไม่ได้เล่นกีตาร์มานานแล้ว ต้องหยิบมาเพราะได้ยินเพลงนี้เลยค่ะ กำลังอยู่ในช่วงถามคำถามนี้กับตัวเอง อินมาก T_T

ขอบคุณมากๆ นะคะ
โดย: mekkala IP: 223.27.199.179 วันที่: 14 กรกฎาคม 2558 เวลา:20:46:00 น.
  
ตีความได้สุดยอดเลยค่ะ อยากจะให้ช่วยตีความ เพลง Cosmic Love
ของ Florence and the Machine ฟังแล้วเพราะมาก แต่ยังงงๆ กับความหมายอยู่
โดย: ปิ๊ก IP: 58.8.154.53 วันที่: 19 ตุลาคม 2558 เวลา:1:36:54 น.
  

สวัสดีครับคุณปิ๊ก แปลให้แล้วนะครับ :)

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=karz&month=11-2015&date=03&group=7&gblog=38

โดย: Karz วันที่: 3 พฤศจิกายน 2558 เวลา:15:27:37 น.
  
ดีมากเลยครับ อ่านแล้วอนเพลงกว่าเดิ มเลย
โดย: cha IP: 180.183.206.95 วันที่: 19 มกราคม 2559 เวลา:1:42:36 น.
  
นอกจากได้ทราบความหมายเพลงแบบภาษาพูดที่เข้าใจง่าย
ยังรู้ถึงสำนวน คำศัพท์ ความหมายของประโยคที่คิดว่ายากกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจ
ฮ่าๆ ขอบคุณมากค่ะ
โดย: J (สมาชิกหมายเลข 1530583 ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:1:46:21 น.
  
ขอบคุณสำหรับคำแปลและคำอธิบายค่ะ เห็นภาพชัดมาก ๆ เลย เป็นเพลงที่ลึกซึ้งมากเลย
โดย: thanks IP: 118.175.220.211 วันที่: 16 เมษายน 2559 เวลา:2:46:04 น.
  
สุดยอดเลยค่ะ เเปลได้เก่งเเละลึกซึ้ง ตรงกับสิ่งที่เพลงสื่อออกมาได้ดี ถ้าไปอ่านหรือเเปลคตามปกติ เนื้อเพลงที่แปลออกมาจะงงๆ ทื่อๆ ไม่มีนัยยะอะไรบอก
โดย: Papawarin IP: 49.229.161.1 วันที่: 16 เมษายน 2560 เวลา:17:25:10 น.
  
ขอบคุณค่ะคุณแปลดีมากกก อธิบายละเอียดจนเข้าใจ ไปหาเว็บอื่นเขาแปลงงๆพอมาเว็บนี้เข้าใจเลยค่ะ
โดย: ฟ้า IP: 1.47.79.190 วันที่: 24 มีนาคม 2561 เวลา:20:25:31 น.
  
ขอบคุณที่เขียนบทกวีขึ้นมานะคะ :)
โดย: Just a little things on galaxy IP: 184.22.81.113 วันที่: 28 กันยายน 2561 เวลา:11:33:31 น.
  
ขอบคุณค่ะ ลึกซึ้งมาก
โดย: Jj IP: 110.168.219.5 วันที่: 4 เมษายน 2564 เวลา:6:41:07 น.
  
เพิ่งได้ดูหนังเ
โดย: nam IP: 171.99.156.109 วันที่: 6 มิถุนายน 2564 เวลา:4:29:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Karz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?]





สงวนลิขสิทธิ์
กรกฏาคม 2557

 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog