แปลเพลง - Fine On The Outside - Priscilla Ahn - When Marnie Was There OST


ความเปลี่ยวเหงาเดียวดาย มอบอะไรให้คุณบ้างครับ?

ผมได้มีโอกาสบำบัดน้องผู้หญิงอายุ 18 คนนึงเมื่อไม่นานมานี้ครับ ซึ่งการได้รู้จักตัวตนของเธอทำให้ผมได้รู้จักกับหนังแอนนิเมะเรื่องนี้ครับ When Marnie Was There และแน่นอนที่สุดทำให้ผมได้รู้จักกับเพลงนี้ที่เพราะเสียจนต้องปล่อยให้เพลงนี้เล่นวนอยู่อย่างนั้นรอบแล้วรอบเล่า เพลงขึ้นมาในตอนจบของเรื่องซึ่งจริงๆนางเอกของเรื่องเธอโอเคแล้ว ได้รับการบำบัดแล้ว เพลงนี้จริงๆไม่จำเป็นต้องขึ้นมาก็ได้นะ แต่ดันแกล้งปล่อยให้ขึ้นมาเรียกน้ำตากันซะได้


เพลงนี้สามารถฟังสบายๆเสพความไพเราะของมันไปโดยไม่ต้องสนใจเนื้อเพลงก็ได้ หรือจะฟังเป็นเพลงบำบัดก็ได้ครับ ซึ่งหากจะฟังเป็นเพลงบำบัด วิธีฟังเพลงนี้คือปล่อยให้ความหมายของมันจมลงไปในความรู้สึกแล้วดึงความเหงาของตัวเองขึ้นมา เราอาจจะร้องไห้ เราอาจจะเสียใจ เมื่อรู้สึกแบบนั้นได้แล้ว ขอให้ปลอบใจตัวเอง อยู่เป็นเพื่อนตัวเอง ส่งความรู้สึกดีๆให้ตัวเอง ช่วยตัวเองเรียนรู้ และช่วยตัวเองเติบโตนะครับ ฟังหลายๆรอบและเรียนรู้อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเรารู้สึกไม่เป็นไรกับเนื้อเพลงและความหมายของมันอีกต่อไป ถือว่าจบการบำบัดครับ :)



Fine On The Outside

Priscilla Ahn

Source: Anna Stein Youtube Channel



I never had that many friends growing up
So I learned to be
Ok with
Just me, just me, just me, just me
And I'll be fine on the outside

I like to eat in school by myself
Anyway
So I'll just stay
Right here, right here, right here, right here
And I'll be fine on the outside

So I just sit in my room after hours with the moon
And think of who knows my name
Would you cry if I died
Would you remember my face?

So I left home, I packed up and I moved
Far away
From my past one day
And I laughed, I laughed, I laughed, I laughed
I sound fine on the outside

Ha ha ha . . .

Sometimes I feel lost, sometimes I'm confused
Sometimes I find
That I am not alright
And I cry, and I cry, and I cry . . . 

Ha ha ha . . .

So I just sit in my room after hours with the moon
And think of who knows my name
Would you cry if I died
Would you remember my face?
ชั้นไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก โดขึ้นมาชั้นจึงเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง แค่ตัวฉัน ด้วยตัวคนเดียว แค่ชั้นคนเดียว
และภายนอกชั้นก็ดูจะไม่เป็นไร

ถึงยังไงชั้นก็ชอบที่จะกินข้าวคนเดียวที่โรงเรียนอยู่แล้ว
ชั้นก็เลยปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น
กินอยู่ตรงนี้ เหมือนเดิมอยู่อย่างนี้ อยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้
และเมื่อมองจากภายนอกเข้ามา ชั้นก็ดูจะไม่เป็นไร

ดึกแล้วชั้นทำได้เพียงนั่งใช้เวลาอยู่ในห้องกับพระจันทร์
และสงสัยว่ามีใครบ้างนะที่รู้จักชื่อของชั้น
หากชั้นตายจะมีใครบ้างหลั่งน้ำตาให้กัน
จะจำหน้าของชั้นกันได้บ้างรึเปล่า

ดังนั้นแค่เพียงซักวัน ชั้นเก็บของออกจากบ้าน
แล้วไปให้ไกลแสนไกลจากความรู้สึกแบบนี้ของชั้น
ชั้นหัวเราะ แล้วก็หัวเราะ ชั้นหัวเรา หัวเราะทั้งวัน
แล้วเมื่อมองจากภายนอกเข้ามา ชั้นฟังดูเหมือนจะไม่เป็นไร

ฮา... ฮา... ฮา...

บางครั้งชั้นรู้สึกเคว้งคว้าง บางครั้งชั้นรู็สึกสับสน
บางครั้งชั้นก็พบว่าตัวเองรู้สึกไม่โอเค
แล้วชั้นก็ร้องไห้ออกมา ชั้นได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้ออกมามากมาย
ได้แต่เพียงร้องไห้เท่านั้น

ฮา... ฮา... ฮา...

ดังนั้นชั้นทำได้เพียงนั่งใช้เวลาอยู่ในห้องกับพระจันทร์
และสงสัยว่ามีใครบ้างนะที่รู้จักชื่อของชั้น
หากชั้นตายจะมีใครบ้างหลั่งน้ำตาให้กัน
จะจำหน้าของชั้นกันได้บ้างรึเปล่านะ



อรรถาธิบาย


อารมณ์เพลงของเพลงนี้คือการรำพึงรำพันกับตัวเอง เพราะไม่มีใครครับ มีเฉพาะตัวเองเป็นเพื่อน เพลงนี้ก็ไม่มีศัพท์ยากเลยเหมือนกัน ดังนั้นคำอธิบายจึงเป็นเรื่องการตีความทางความรู้สึกครับ


  • Fine on the outside เป็นชื่อเพลงด้วย วลีนี้ต้องแปลในมุมของความรู้สึกครับ เค้าเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นจึงแคร์กับการถูกมองจากภายนอก มันจึงเป็นเรื่องของ feeling เป็นเรื่องของ inside ไม่ใช่ outside ดังนั้น "ภายนอกชั้นดูจะไม่เป็นไร" กับ "ข้างนอกนั่นชั้นไม่เป็นไร" จึงให้ความรู้สึกต่างกัน เค้าพยายามสร้างวิธีการรับมือกับความรู้สึกเปลี่ยวเหงาด้วยการ "ต้อง" อยู่คนเดียวให้ได้ และต้องทำให้คนอื่นเห็นว่าเค้าไม่เป็นไรที่เค้าไม่มีเพื่อน และเค้าก็รับมือกับมันได้ไม่ดีนัก เพราะต้องหนีจากความเป็นจริงด้วยการออกไปหัวเราะทั้งวันพาตัวเองออกจากความเปลี่ยวเหงา (far away from my past) ซึ่งก็วนกลับมาที่เดิมเพราะการทำแบบนั้น มัน sound fine on the outside แต่กระนั้นก็ยังไม่รู้สึกโอเคจนต้องร้องไห้ออกมามากมาย

  • Sound fine on the outside คำว่า sound คือ "ฟังดูเหมือน" ครับ การหัวเราะนั้นทำให้ "ดูเหมือนว่า" หรือ "ฟังดูเหมือนว่า" I'll be fine ชั้นสบายดี on the outside จากภายนอกเมื่อมีใครมองเข้ามา จริงๆแล้วเค้าไม่ได้สนใจ "ภายนอก" ด้วยตัวของ "ภายนอก" นะครับ outside ที่เค้าแคร์ไม่ใช่ "โลกภายนอก" แต่เป็น "คนภายนอก"

  • Far away from my past one day - one day ตรงนี้คือ "ให้เวลาตัวเองซักวัน" ด้วยการ "หลบหนี" ออกไป (packed up and moved) จาก "บ้าน" ซึ่งก็ความรู้สึกเปลี่ยวเหงาที่รู้สึกมาตลอดเป็นเวลานาน (past) ซึ่งพอถึงตรงนี้ก็นำมาเล่นกับท่อนสร้อยอีกครั้งนึงครับ ว่าหลบออกไปหัวเราะวันนึงคิดว่าไม่เป็นไรแล้ว แต่ก็ยังต้องกลับมานั่งอยู่ในห้องคนเดียวกับพระจันทร์

  • After hours จะแปลว่าหลายๆชั่วโมงก็ได้ จะแปลว่านอกเวลางานก็ได้ ในที่นี้เมื่อนอกเวลางานหลายๆชั่วโมงจนพระจันทร์ขึ้นมาเป็นเพื่อนได้มันจึงเป็นเวลากลางคืน มันเป็นเวลาดึกครับ ในที่นี้ผมใช้คำว่า "ใช้เวลา"

  • Think of who knows my name - Think ผม "เลือก" คำว่า "สงสัย" มาใช้ตรงนี้ เพราะมันสื่อเข้าไปได้ลึกกว่า เมื่อมองจากความรู้สึกปวดร้าวแบบนั้น เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าตายแล้วจะมีใครร้องไห้ให้กับเราบ้างมั้ย? นั่นก็คือความรู้สึก "สงสัย" ครับ

  • Feel lost - จะแปลว่ารู้สึกพ่ายแพ้ก็ได้ รู้สึกหลงทางก็ได้ ในที่นี้เป็นการอธิบายความรู้สึกของความเหงา มันเลยเป็นตัวแทนของความเคว้งคว้างครับ เพราะตัวคนเดียว เพราะเปลี่ยวเหงาไม่มีเพื่อน เพราะรู้สึกสับสน และนั่นทำให้เรารู้สึกไม่โอเคครับ เราอาจรู้สึกเจ็บปวดจนต้องร้องไห้ออกมา ร้องให้ออกมาอยู่อย่างนั้น  



When Marnie Was There เป็นหนังที่โหดร้ายและสวยงามในเวลาเดียวกัน เราอาจจะเจอเรื่องไม่ดีในชีวิต แต่ประสบการณ์ในชีวิตที่เจ็บปวดบางอย่างทำให้เราเติบโต จริงๆแล้วในยุคนี้สมัยนี้การมีตัวเองเป็นเพื่อนกลับเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะครับ เพราะในหลายๆเคสที่มาบำบัดนั้นน้อยคนมากที่จะเคยใช้เวลาอยู่กับตัวเอง รู้จักตัวเองและเข้าใจตัวเอง คนส่วนใหญ่จึงไม่เข้าใจว่าเมื่อตัวเองทำในสิ่งที่คิดที่เชื่อว่าเป็นความสุขแล้วทำไมถึงไม่รู้สึกว่ามีความสุข


มีผู้คนมากมายในโลกนี้ที่เจ็บปวดจากความรู้สึกเปลี่ยวเหงาเดียวดาย เพลงนี้เป็นตัวแทนของผู้คนที่รู้สึกเหมือนกัน เพื่อบอกกับทุกคนว่าไม่เป็นไร มีอีกหลายคนที่รู้สึกแบบเดียวกันนี้ และด้วยที่เราหลายคนก็รู้สึกแบบนั้น ดังนั้นเราไม่ได้ตัวคนเดียว จริงๆแล้วแน่นอนว่าในทางตรง มันมอบให้เรามาซึ่งความเปลี่ยวเหงาเดียวตายซึ่งบางครั้งมันนำมาซึ่งความเจ็บปวดอย่างสาหัส แต่ในทางอ้อมเราได้เรียนรู้อะไรในเชิงลึก ได้รู้จักตัวเอง ได้พิจารณาประสบการณ์ชีวิต หรือแม้แต่ได้บทเรียน ข้อสรุปและการเติบโต เพราะที่สำคัญที่สุด มันได้มอบ "เวลา" มาให้กับเรา


สำหรับน้องคนที่มาบำบัดจนทำให้ผมได้รู้จักเพลงนี้ การที่เธอบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังโปรดก็ทำให้ได้รู้จักตัวเค้ามากขึ้นว่าเค้าเป็นคนนึงที่มีความรู้สึกเปลี่ยวเหงาเช่นกันครับ ดังนั้นในการบำบัดจึงต้องฝังความรู้สึกดีในด้านสังคมให้ไป social skill ก็เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งเพราะเราต้องอยู่ในสังคม และน้องจะทำได้ดีครับ


ครั้งต่อไปที่เรารู้สึกเหงา ลองค้นหาดูนะครับว่าครั้งนี้มันจะมอบ "ประสบการณ์ทางความคิด" แบบไหน มาให้กับเรา คว้าเก็บสิ่งนั้นไว้ ขอบคุณมัน และเติบโตไปกับมันครับ


Be strong and move on krub :)

Cheers,


ป.ล. ชอบ Cover ของผู้ชายคนนี้มากเลย :)





<< เพลงที่แล้ว : Angel Eyes : Kang Mi-Jin The Scientist : Coldplay : เพลงถัดไป >>




Create Date : 20 เมษายน 2560
Last Update : 8 สิงหาคม 2560 19:22:30 น.
Counter : 4236 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณpantawan, คุณtuk-tuk@korat

  
แวะมาฟังเพลงไพเราะด้วยค่ะ

Karz Music Blog
โดย: pantawan วันที่: 1 พฤษภาคม 2560 เวลา:15:02:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Karz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?]





สงวนลิขสิทธิ์
เมษายน 2560

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog