Group Blog All Blog
|
พาแม่กับน้าเที่ยวโอซาก้าเกียวโตนาราชมซากุระ สวัสดีค่ะ บล๊อกนี้เราพาแม่กับน้าสาวสองคนไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ แม่อายุ 64 น้า54 กับ 52 ครั้งนี้ขออาสาพาแม่กับน้าไปตะลุยญี่ปุ่นด้วยตัวเองค่ะ เป็นครั้งแรกของแม่กับน้าทั้งสองที่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปแบบเรื่อยๆเปื่อยๆกับทริปโอซาก้า 7 วัน6 คืนค่ะ สี่สาวพร้อมตะลุยเจแปนแล้วค่ะ (หุ หุ ความสาวแทบไม่เหลือกันแล้ว) 31/3/2558 (Day 1) ดอนเมือง - สนามบินคันไซ พวกเราออกเดินทางกับหางแดงจองไว้ได้ราคาค่าตั๋วไปกลับพร้อมน้ำหนักกระเป๋าคนละ 20 กิโลรวมสั่งอาหารเฉพาะขาไปค่ะ ขากลับขึ้นมาคงง่วงนอนกันหมด เลยไม่ได้สั่งอาหารใดๆค่ะ เบ็ดเสร็จตกคนละ 13xxx บาท
วันที่เราไปเครื่องดีเลย์ไป 40 นาทีจากกำหนด 22.40 กลายเป็นถึง 23.20 ทำให้ออกไปขึ้นรถบัสฟรีของโรงแรมที่จองไว้รอบสุดท้ายไม่ทัน(23.30) เลยต้องเปลี่ยนไปเสียตังค์ขึ้นไนท์บัสค่าโดยสารคนละ 500 เยน ลงที่ป้ายสถานีอิซุมิซาโนะ(Izumisano) จากป้ายนี้นั่งแท๊กซี่ต่อไปอีก 680 เยน คือคืนแรกเราวางแผนว่านอนใกล้ๆสนามบินก่อน พอสายๆค่อยเข้าเมืองค่ะ เรานอนที่ Kansai Airport Spa Hotel Garden คืนละ 3XXX บาทค่ะ ที่นี่มีออนเซ็นให้ใช้บริการฟรีด้วยค่ะ 1/4/2558 (Day 2) สนามบินคันไซ - ที่พัก - ช้อปปิ้งชินไซบาชิ พอตอนเช้าเราก็ไปใช้บริการออนเซ็นให้สบายตัวก่อนค่ะ แล้วก็ทานอาหารเช้าของโรงแรมคนละ 12xx เยน แล้วรอรถชัตเติ้ลบัสของโรงแรมที่มีบริการไปส่งที่ฟรีสนามบิน (รถบัสนี้จอดที่หน้าสถานีรถไฟอิซุมิซาโนะและริงกุทาวน์ด้วยค่ะ)
เราต้องย้อนกลับไปที่สนามบินเพราะต้องซื้อตั๋วต่างๆที่ Travel Desk ที่สนามบินค่ะ 1. ตั่ว Haruka Icoca ของ JR. ใช้เดินทางไป-กลับ จากสนามบินคันไซ-สถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ราคา 4000 เยน 2.ตั๋ว Hankyu Tourist 2 Days Pass ราคา 1200 เยน 3.ตั๋ว Kintetsu Railway Pass ราคา 3700 เยน (อันนี้ซื้อมาแต่ใช้ไม่คุ้มค่ะ เพราะยกเลิกโปรแกรมภูเขาโยชิโนะ) หลังจากมาถึงสนามบินก็จัดการซื้อตั๋วต่างๆ สิบโมงกว่าๆเราก็พาลูกทัวร์วีไอพีขึ้นขบวนลิมิเต็ดเอ็กซเพรสฮารุกะ(ใช้บัตร Haruca)จากสนามบินคันไซมาลงที่สถานีชินโอซาก้าและต่อรถไฟสายมิโดสุจิไลน์ (สายสีแดง)เอาสัมภาระไปเก็บที่โรงแรมก็ประมาณเที่ยงพอดีค่ะ เราพักที่โรงแรมคอนสอร์ท (Hotel Consort) 5 คืนรวดราคาคืนละ 22xx บาท โรงแรมอยู่ติดสถานีนิจินากะจิมะ-มินามิกาตะ ห่างจากสถานีชินโอซาก้าสองสถานี เป็นโรงแรมที่ไม่แพง เดินทางสะดวก สะอาดและสบาย พนักงานให้ความช่วยเหลือดีมากๆค่ะ มื้อเที่ยงวันแรกพาหาอะไรทานง่ายๆที่ร้านโยชิโนะยะที่แถวๆโรงแรม ก่อนพาสาวๆไปเดินช้อปปิ้งที่ย่านชินไซบาชิค่ะ ไปไหนไม่ได้ค่ะวันนี้ฝนตกตั้งแต่ตอนถึงโรงแรม แอบหวั่นใจล่ะ ซากุระจ๋าอย่าเพิ่งพากันร่วงเสียหมดนะจ๊ะ เย็นๆเดินกันจนเมื่อยก็เลยหาซื้ออะไรไปทานที่โรงแรมพักผ่อนนอนเอาแรงกันให้เต็มที่อีกวัน
2/4/2558 (Day 3) ทีพัก - อะราชิยาม่า - ศาลเจ้ายาซากะ - สวนมารุยาม่า - วัดคิโยมิสึ วันนี้ดูพยากรณ์อากาศตอนเช้าไม่มีฝนตก เย้ ดีใจจังค่ะ (ค่อยยังชั่วหน่อย) เดินทางจากโรงแรมไปเที่ยวเกียวโตวันนี้ง่ายสุดๆ เดินมาไม่ถึงห้านาทีก็ถึงสถานีรถไฟมินามิกาตะ วันนี้เราเดินทางด้วยบัตร Hankyu Tourist Pass จากสถานีนี้เรานั่งไปประมาณ 40 นาทีเพื่อลงที่สถานีคัทสุระ (Katsura St.) ลงแล้วรีบเดินข้ามไปอีกฝั่งเพื่อเปลี่ยนขบวนไปที่อะราชิยาม่ะ (Arashiyama St.) ควรรีบเดินหน่อยค่ะจะได้ไปทันขบวนที่จอดรออยู่ แต่ถ้าไม่ทันก็ไม่เป็นไรค่ะรอขบวนต่อไป ระหว่างทางจากสถานีมินามิกาตะมาถึงสถานีคัทสุระนี้มีต้นซากุระที่กำลังออกดอกบานสวยให้ชื่นชมมากมายค่ะ แต่พอมาถึงสถานีอะราชิยาม่ะยิ่งสวยงามมากๆ มาที่อะราชิยาม่ะนี้ด้วย Hankyu Line สะดวกดีค่ะเพราะออกจากสถานีเดินไป 5 นาทีก็ถึงสวนแล้วค่ะ แม่และน้าทั้งสองปลื้มอกปลื้มใจกันมากที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกก็ได้ชมความงามของซากุระที่เคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ แต่วันนี้ได้มาเห็นตอนพีคสวยสุดๆ เรารีบคุยทับให้พวกเขาดีใจมากยิ่งขึ้น "รู้ป่าวบางคนมาญี่ปุ่นตั้งหลายครั้งยังไม่เคยเห้นซากุระกำลังบานสวยขนาดนี้นะเนี่ยะ" ปีนี้เรามาได้จังหวะดีจริงๆเป็นช่วงที่กำลังฟลูบูมทีเดียว ถ่ายแต่รูปเก็บเอามาไว้ชื่นชมนะคะ อย่าโน้มกิ่งหรือจับดอกซากุระ ปล่อยให้เขาร่วงไปเองโดยธรรมชาติ สาวๆก็เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สวยงามและอากาศที่กำลังสบาย พากันเดินข้ามสะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) มานั่งเล่นตรงริมฝั่งแม่น้ำดูเรือที่ล่องลงมา (เราเคยล่องแล้ว) ปล่อยสว.นั่งพักก่อนค่ะ มองไปทางไหนก็สะพรั่งไปหมด มองจากบนสะพานกลับไปที่สวนที่เราเดินมา ถ้าสนใจจะเช่าจักรยานปั่น มีร้านให้เช่าอยู่ที่หน้าสถานีรถไฟอะราชิยาม่าเลยค่ะ มื้อเที่ยงวันนี้ทานอุด้งร้อนๆกับร้านที่มาออกร้านกันแถวนี้ล่ะค่ะ ง่ายดี แล้วจึงกลับมาทางเดิมนั่งรถไฟจากสถานีอะราชิยาม่ามาลงที่สถานีคัทสุระแล้วต่อรถไฟไปลงสุดสายที่สถานีคาวะรามาจิ (Kawaramachi St.) เดินต่ออีกสิบนาทีก็ถึงศาลเจ้ายาซากะแล้วค่ะ (Yasaka Shrine) คนนี้แม่ดิฉันเองค่ะ หลังจากขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็พาสาวๆไปชมซากุระต่อด้านในสวนมารุยาม่า (Maruyama Park)ซึ่งอยู่ด้านหลังศาลเจ้ายาซากะ พักเบรคทานของว่างกันก่อนค่ะ ต้นซากุระพันธุ์ Shidarezakura หรือ Weeping Cherry Tree ที่ตั้งอยู่ใจกลางสวนกำลังออกดอกเบ่งบานสวยงามเด่นอลังการ สุดๆอะค่ะ นั่งพักกันหายเหนื่อยจุดหมายต่อไปก็พาสาวๆ (เหลือน้อย) เดินเลาะเรียบขึ้นเนินเพื่อจะไปวัดคิโยมิสึ ตอนนี้เริ่มมีเสียงโอดโอยค่ะ เราก็อยากให้ได้บรรยากาศแบบเกียวโต เลยไม่ได้เดินตรงริมถนนใหญ่ เริ่มมีเสียงบ่นค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า บริเวณตรอกตรงทางเข้าหน้าวัดคิโยมิสึหรือวัดน้ำใสนักท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ ไม่ต้องเดินกันทีเดียวเรียกว่าไหลเสียมากกว่าเราก็ลืมคิดไปไม่เช่นนั้นมาที่นี่ช่วงเช้าน่าะจะดีกว่ามาช่วงบ่ายผู้คนมากมายมหาศาล
มุมสำคัญของสถานที่แห่งนี้
ทริปนี้มากับผู้สูงวัยจึงเน้นไปที่สิ่งศักด์สิทธิ์ ความเชื่อ ความศรัทธาค่ะ ดังนั้นจึงไม่พลาดที่จะไปต่อแถวดื่มน้ำจากน้ำตกที่เชื่อว่าบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ขากลับเรียกแท๊กซี่จากวัดคิโยมิสีมาลงที่หน้าสถานีคาวารามาจิเพื่อเดินทางกลับที่พักค่ะ ค่าแท๊กซี่ประมาณ 1100 เยนแล้วเดินทางด้วยรถไฟด้วย Hankyu Tourist Pass เหมือนเมื่อขามา 3/4/2558 (Day 4) ที่พัก - ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ - ชมซากุระที่สถานีKeage วันนี้กลับไปที่เกียวโตอีกครั้งด้วยบัตร Hankyu Tourist Pass เพราะเราซื้อแบบ 2 วันราคา 1200 เยน เรานั่งจากสถานีใกล้ๆกับโรงแรมคือสถานีมินามิกาตะมาลงที่สถานีคาวารามาจิ(Kawaramachi)แล้วเดินไปที่สถานีชิโจ(Shijo)เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายเคฮัน (Keihan Line) ลงสถานีฟูชิมิอินาริ (Fushimiinari) ตรงสายเคฮันนี้ต้องเสียค่ารถไฟ 210 เยนค่ะ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ชาวญี่ปุ่นนับถือเทพเจ้าอินาริกันมากเชื่อว่าส่งเสริมความเจริญทั้งหน้าที่การงานและกิจการ รวมถึงทางด้านเกษตรกรรม ด้านบนมีหินเสี่ยงทาย ก็เป็นเรื่องน่าแปลกน้าเรายกเบาโหวง ในขณะที่แม่บอกหนักมากยกไม่ขึ้น ยังไงต้องไปพิสูจน์กันด้วยตัวเองค่ะ
วันนี้อากาศไม่แจ่มใสเหมือนเมื่อวานค่ะ พอช่วงบ่ายฝนก็ตกพรำๆตลอด เราต้องให้สว.สามคนรออยู่ในสถานีรถไฟ ส่วนตัวเองไม่อยากพลาดดูซากุระที่สถานีเคะอะเกะ (Keage) แอบเศร้านิดนุง ..ถ้าฝนไม่ตกคงจะดีไม่น้อย ปล.การเดินทางมาสถานี Keage ต้องเสียค่ารถไฟต่างหาก (เราใช้บัตร Icoca)โดยต้องนั่งสายเคฮันไลน์ที่สถานีเดิมคือสถานีฟูชิมิอินาริ มาลงที่สถานี Sanjo(Kyoto)แล้วเดินมาสถานี Sanjokeihan ขึ้น Tozai Line ลงที่สถานี Keage (T09) ออกทางออกหมายเลขอะไรน้าจำไม่ได้แล้วค่ะ จำได้แต่ออกผิดต้องเดินกลับไปใหม่ไม่งั้นผิดฝั่งถนนข้ามไม่ได้ พออกมาเลี้ยวขวาเจออุโมงค์ก็ถึงแล้วค่ะ กำลังสวยมาก นั่งรถไฟกลับที่พักกันดีกว่าค่ะ ไปไหนไม่ได้เลยฝนตกตลอด แวะทานข้าวกันที่ร้านแถวๆที่เราพักสถานีรถไฟนิจินาคะจิมะ - มินามิกาตะ 4/4/2558 (Day 5) ที่พัก - ไหว้พระใหญ่เมืองนารา อาหารเช้าแต่ละวันส่วนมากก็ฝากท้องไว้กับโรงแรมคอนสอร์ทนี่แหละค่ะ เขาคิดหัวละ 1000 เยนอาหารอร่อยตามมาตรฐาณโรงแรมญี่ปุ่น สะดวกดีสำหรับผู้สูงอายุ จากที่พักที่อยู่สถานีนิจินากาจิมะ-มินามิกาตะ นั่งสายสีแดงมิโดสุจิไลน์มาลงสถานีนัมบะ เดินไปขึ้นรถไฟของคินเท็ทสึ (Kintetsu Line ) โดยใช้ Kintetsu Pass 5 วัน 3700 เยน (พาสนี้วางแผนการเที่ยวและจองทำเลที่พักให้ดี คุ้มมากถูกสุดๆ) นั่งมาจากโอซาก้านัมบะ 40 นาทีก็ถึงสถานี Kintetsu Nara ปรกติถ้าเรามากับคุณแฟนก็เดินเอาค่ะ ครั้งนี้มากับผู้สูงวัยเรียกแท๊กซี่เอาโลด ฮ่า ฮ่า นั่งไปลงปากทางเข้าวัดโทไดจิก็ประมาณ 1000 เยนค่ะ
เมืองนาราเมืองแห่งกวางเมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นเมื่อ1300ปีที่แล้ว คนญี่ปุ่นเขาเชื่อว่ากวางที่นี่เป็นพาหนะของเทพเจ้าองค์หนึ่งของที่นี่ค่ะ วัดโทไดจิวัดพุทธเก่าแก่ซึ่งมีอายุมากกว่า 1200 ปี คนญี่ปุ่นจะจุดธูปคนละ 1 ดอกและผู้ที่เดินทางไปตามวัดหรือศาลเจ้ามักจะกวักควันธูปเข้าหาตัว นัยว่าเพื่อความโชคดี ปัดเป่าโรคภัย และเป็นศิริมงคล หลวงพ่อโตหรือพระพุทธรูปไดบุทสึสูง 16 เมตรหนัก 500 ตันทำจากสำริดอายุมากว่า 1200 ปี พาลูกทัวร์มาหาที่เหมาะๆนั่งพักเหนื่อยกันก่อนค่ะ
สวนซากุระที่อยู่ข้างๆวัดโทไดจินี้เป็นจุดชมซากุระที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งค่ะ และในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาชมใบไม้แดงที่นี่ก็สวยงามเช่นกัน ต้องปล่อยให้ผู้ใหญ่นั่งพักเหนื่อยก่อนค่ะ ทานของว่าง และมื้อเที่ยงตรงร้านปากทางเข้าวัดโทไดจินั่นแหละค่ะ ขากลับก็ข้ามถนนมาอีกฝั่งเรียกแท๊กซี่กลับมาลงที่สถานีรถไฟเหมือนเดิม มื้อเย้นวันนี้เราพาน้าสาวทั้งสองคนกลับไปส่งที่โรงแรมก่อนค่ะ เพราะไม่ทานเนื้อวัว ส่วนเราก็พาแม่ไปทานเนื้อย่างที่สถานีสีรุฮาชิ (Tsuruhashi) แค่ออกมาจากรถไฟก็ได้กลิ่นเนื้อย่างหอมๆลอยมาแต่ไกล อยากลองร้านใหม่ๆดูบ้าง เลยสุ่มๆเข้าไปร้านหนึ่ง อร่อยแต่ยังไม่ถูกปากเท่าไหร่ ต้องกลับมากินร้านเดิมที่เคยมากินประจำ ซึ่งร้านนี้จะมีสาขาอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกันด้วย คุณภาพเหมือนเดิม ไม่ผิดหวัง เข้าร้านนี้ตั้งแต่แรกเสียก็ดี หุ หุ โอย..เห็นแล้วน้ำลายไหล ย่างเบาๆโรยดอกเกลือนิดหน่อย แม่บอกเนื้อญี่ปุ่นนี่มันหวานและละลายในปากเนอะ
5/4/2558 (Day 6) ชมปราสาทโอซาก้า - ตลาดคุรุมง วันนี้เที่ยวอยู่ในเมืองค่ะ อากาศไม่ค่อยแจ่มใส มีฝนตกปรอยๆบ้าง สลับกับหยุด ทำเอากลีบซากุระร่วงไปเยอะ การเดินทางมาปราสาทโอซาก้าสามารถลงได้หลายสถานี เลือกเอาตามชอบเลยค่ะว่าจะเข้าทางประตูไหนแต่เราเลือกลงที่สถานี Tanimachi Yon(4)Chome ถ้าใครจะแวะเที่ยว Osaka Museum of History ก็ลงสถานีนี้เช่นเดียวกันค่ะ เราเดินเลาะด้านข้างชมซากุระไปเรื่อยๆ ที่นี่จะเจอคนไทยและทัวร์จีนเยอะมากๆ ที่เห็นและเศร้าใจคือ คนไทยบางคนที่เล่นเขย่ากิ่งซากุระเพื่อให้กลีบซากุระร่วงลงมาแล้วก้ให้เพื่อนถ่ายรูป เขย่าครั้งหนึ่งไม่พอ รูปอาจจะยังไม่สวยถูกใจ จึงเกิดอาการเขย่าแล้วเขย่าอีก เฮ้อ.... ที่ปราสาทโอซาก้านี้ต้องถือว่าเป็นจุดชมซากุระที่สวยงามอีกแห่งที่เดินทางก็ง่าย เพราะอยู่ในเมือง ต้นซากุระก็เยอะเป็นอีกแห่งที่ไม่ควรพลาดค่ะ ขออภัยบางรูปไม่ชัดดี บางรูปก็ใช้มือถือถ่ายค่ะ ช่วงบ่ายก็ไปเดินสำรวจตลาดคุรุมงค่ะ ว่าวันรุ่งขึ้นจะซื้อผลไม้อะไรกลับบ้านเป็นของฝากบ้าง 6/4/2558 (Day 7) ตลาดคุรุมง - ชินโอซาก้า - สนามบินคันไซ - ริงกุทาวน์ - Sky View Observation Hall - สนามบินคันไซ-สนามบินดอนเมือง วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วค่ะ เช้าเราก็ให้สว.ทั้งหลายรออยู่ที่โรงแรมก่อน จะได้ไม่ต้องนั่งรถย้อนไปย้อนมาให้เหนื่อย ส่วนอิชั้นก็ไปหิ้วสตอรเบอรี่ที่ตลาดคุรุมงมา 7 แพค(แพคหนึ่งมี 4ห่อ) เดินหิ้วมาตัวเอียงเลย เหอ เหอ นั่งแท๊กซี่จากโรงแรมมาที่สถานีชินโอซาก้าค่ะ ประมาณ 1100 เยนจากนั้นก็ใช้ตั๋วฮารุกะ ขากลับมาลงที่สนามบินคันไซถือว่าสะดวกมากๆค่ะ เรามาถึงก่อนเวลาเยอะเครื่องออก 00.10 แต่พวกเรามาถึงตั้งแต่บ่ายโมง ก็ปล่อยให้สว.เขาพักผ่อน นอนรอไป ฮ่า ฮ่า ดิฉันขอตัวไปช้อปปิ้งที่ริงกุทาวน์เอาท์เล็ทก่อนนะคะ จากริงกุทาวน์เอาท์เล็ทมาสนามบินคันไซมีรถชัตเติ้ลบัสบริการค่ะ เราแวะลงที่จุดชมวิว Sky View Observation Hall หรือ Kanku View Observation เคยอ่านเจอเลยอยากรู้ว่าข้างในจะเป็นอย่างไร เพราะยังมีเวลาเหลือเฟือ จากสนามบินมาที่นี่สามารถทำได้เช่นกัน มีรถจอดบริการอยู่ด้านนอกเทอร์มินัล เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆดีะนะคะ เจอครอบครัวชาวญี่ปุ่นพาเด็กๆมาดูเครื่องบินขึ้น -ลง ดูเด็กๆจะชอบกันมาก
ส่วนด้านในก็จะเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับเครื่องบิน เราเคยมีโอกาสได้ขึ้นเครื่องบินปิกะจู้นี้ด้วยนะเออ น่ารักเนอะ ที่สนามบินมีร้านอาหารที่เปิด 24 ชั่วโมงอยู่หลายร้านเหมือนกันนะคะ ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ชั้น 1 และชั้น 2 ค่ะ เราพาแม่ไปกินร้านซูชิหมุนจานเวียนที่อยู่ชั้น 1 และแกงค์เดอะก็เตรียมตัวกลับประเทศไทยค่ะ ไฟลท์ 00.10 ถึงดอนเมืองก็ประมาณตีห้ากว่าๆ ขึ้นเครื่องได้ก็หลับกันหมดค่ะ ทริปนี้ถึงแม้จะเจอฝนบ้างแต่ก็ถือว่ากะช่วงเวลาได้ดี ได้ชมซากุระช่วงที่กำลังออกดอกสวยมากๆ และเราก็ดีใจนะคะที่ได้พาแม่กับน้ามาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ขอบคุณเพื่อนๆที่ร่วมติดตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ สวัสดีค่ะ Mata Ne .......
|
hellojaae
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?] เขียนบล๊อกเพราะอยากเขียน อยากแบ่งปัน ใช้วิธีจิ้มดีดจึงมีผิดๆถูกๆ (แม้จะพยายามตรวจทวนทุกครั้ง) เป็นบล๊อกอนุรักษ์รูปแบบเดิมๆคือเขียนไล่เรียงลงมา เพราะทำรูปแบบอื่นไม่เป็น 555 ยังเขียนต่อไปเพราะเห็นว่าก็ยังมีคนหลงๆเข้ามาอ่าน 555 สวัสดีและขอขอบคุณทุกคนค่ะ Friends Blog
Link |