มิถุนายน 2556

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
All Blog
เดินเที่ยวศาลเจ้าดาไซฟุที่ฟุกุโอกะ

สวัสดีค่ะพี่ๆและเพื่อนๆ วันนี้เป็นบล๊อกสุดท้ายของทริปเที่ยวเทศกาลน้ำแข็งที่ฮอกไกโด(ก.พ 2013) ด้วยเราซื้อตั๋วการบินไทยแบบสามารถstopได้หนึ่งครั้ง เราเลยจำเป็นต้องเดินทางออกจากประเทศที่ญี่ปุ่นที่ ฟุกุโอกะ (FUKUOKA) วันนี้(17/2/2013)เริ่มต้นจากโรงแรมที่อยู่ในสถานีชิโตเส่ะ เมื่อคืนหิมะคงจะตกหนักเพราะทำให้รถไฟที่จะไปสนามบินมาช้าไป 15นาที

อยู่หนาวๆเย็นๆมาหลายวัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วรู้สึกคิดถึงเหมือนกันค่ะ ชอบค่ะ ชอบหิมะซะแว้ว(ชอบแบบขอมาเที่ยวนะคะ ถ้าให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยทุกวันก็คงจะลำบากอยู่เหมือนกัน)

เราเดินทางจากเกาะเหนือสุดไปเกาะใต้ด้วยANAซึ่งตอนนั้นมีโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยว บินภายในประเทศเพียง10000เยนค่ะ เราจึงมาขึ้นเครื่องที่สนามบินนิวชิโตเสะ (New Chitose Airport) เป็นสนามบินที่เหมือนห้างสรรพสินค้ามากๆค่ะ มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อของซื้อของขายเยอะดีค่ะ

เราลองแวะทานซูชิที่สนามบินดูค่ะ ระบบจัดการของร้านทันสมัยมาก ให้ลูกค้ายืนทานเป็นเคาท์เตอร์อยากสั่งอะไรทานก็จิ้มเอาตามภาพที่ขึ้นบนหน้าจอ แจ้งราคาและรวมบิลให้เสร็จ หน้าจอของใครของมันค่ะ

มาถึงสนามบินฟุกุโอกะประมาณห้าโมงเย็นค่ะ เราเลือกพักโรงแรม Hakata Green Hotel Annex ทำเลดีอยู่ข้างสถานีHaKata พักที่นี่สองคืนค่ะ

วันแรกที่ฟุกุโอกะ มาถึงก็เย็นแล้วเลยเพียงเอากระเป๋าไปเก็บ ออกไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้าค่ะ ที่นี่อุณหภูมิสิบกว่าๆ ฝนตกปรอยๆ คนเยอะแบบเมืองใหญ่ๆ (คิดถึงหิมะขาวๆ หนาวจัดๆSmiley) กลับมากินของโปรดก่อนนอน ซื้อมาจากห้าง AEON ที่สถานีชิโตเสะเห็นวางแผงมีอยู่สองพันธุ์เลยจัดการชิมทั้งสองพันธุ์ ความหวานและความหอมแตกต่างกันค่ะ

 18/2/2013 หลังจากทานอาหารเช้าของโรงแรมเราก็เดินทางไปเที่ยวศาลเจ้าดาไซฟุค่ะ (Dazaifu Tenmangu) ตั๋ว JR.ใช้ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะต้องนั่งรถไฟของสายเอกชนไปค่ะสาย Nishitetsu Omuta line ซึ่งเรานั่งจากHakataไปลงที่Tenjinแล้วเดินตามป้ายนี้ไปเลยค่ะ

ไปไม่ถูก ไม่แน่ใจ ไม่ต้องอายนะคะ ถามเจ้าหน้าที่ตามสถานีเขาได้ค่ะ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองยังเห็นถามกันเป็นแถว เพราะเขาก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า (เพราะบางขบวนต้องลงเปลี่ยนสายด้วยนะคะ)

มาสุดสายที่ Dazaifu ค่ะถนนทางเข้าเป็นร้านขายของที่ระลึกทั้งสองฝั่ง มีทัวร์เกาหลีสองสามกลุ่ม ฝนเริ่มตกปรอยๆค่ะ วันนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

บ้านเราสมัยก่อนว่า"โง่เป็นวัวเป็นควาย" (สมัยนี้คงไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้แล้ว) แต่ที่นี่มีรูปปั้นเทพเจ้าวัว นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่จึงมักนิยมมาลูบหัว ลูบท้อง ลูบขา (สังเกตุจากความมันเงาตามจุดต่างๆ) นัยว่าให้ปัญญาดี แข็งแรงสุขภาพดีค่ะ เราลูบสองมือเลยค่ะ ช่วงหลังหลงๆลืมๆบ่อยๆ

ต้นไม้ใหญ่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี

บรรยากาศภายในศาลเจ้าดาไซฟุ กว้างขวาง ร่มรื่นศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนนักศึกษา สำหรับผู้ที่ต้องการมีปัญญาดีค่ะ เพราะสร้างอุทิศให้กับนักปราชญ์และกวีคนสำคัญในอดีตของญี่ปุ่น ซึ่งต่อมาท่านได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษาค่ะ

เราไม่ค่อยเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ๆแบบนี้ในสถานที่สำคัญๆของบ้านเรานะคะ

ตามธรรมเนียมปฏิบัติของญี่ปุ่นค่ะก่อนเข้าวัดหรือศาลเจ้าต้องชำระล้างมือ-ปากให้สะอาด ซึ่งมีวิธีที่ถูกต้องนะคะ สังเกตุจากคนอื่นก็ได้ค่ะว่าเขาทำกันอย่างไร

ฝนตกปรอยๆตลอดเลยค่ะ

บริเวณประตูปากทางเข้าศาลเจ้าสีสันสวยงาม โคมแดงอันใหญ่เป็นสัญลักษณ์

พบเห็นเกือบทุกศาลเจ้านะคะต้องมีไหเหล้าหรือสาเกที่นำมาถวายเทพเจ้า เทพเจ้าญี่ปุ่นดื่มหนักกว่าเจ้าที่บ้านเราเยอะนะคะ บางที่ก็เห็นเป็นไหไวน์เลยค่ะ ยกเบียร์มาถวายกันเป็นลังๆก็มีค่ะ

บริเวณด้านข้างศาลเจ้ามีขายของที่ระลึก ใบเซียมซี ถุงเครื่องราง ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวพอสมควรค่ะ

ในขณะที่ทางเหนือบนเกาะฮอกไกโดหิมะยังตกอยู่แต่ตอนใต้บนเกาะคิวชูนี้ดอกบ๊วยบานแล้ว

ต้นพลัมต้นนี้ก็กำลังบานแล้วเหมือนกันค่ะ

นักบวชกำลังทำพิธีอะไรบางอย่างให้กับหนุ่มสาวสองคนดูแล้วขลังดีค่ะ (เขาเรียกว่านักบวชหรือเปล่าไม่แน่ใจนะคะ ถ้าผิดขออภัยด้วยนะคะ)

ความนิยมดูได้จากจำนวนของแผ่นป้ายที่เขียนคำอธิษฐานค่ะ มากมายทีเดียว

เคยอ่านเจอมาว่าถ้าช่วงที่อากาศอบอุ่นแล้วบริเวณศาลเจ้านี้จะงดงามมากด้วยความงามของดอกบ๊วยและดอกของต้นพลัม

ออกจากศาลเจ้าดาไซฟุมาเดินเล่นช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึกกันที่ถนนตรงทางเข้าศาลเจ้ากันดีกว่าค่ะ

ได้ผ้าเช็ดหน้าลายกลีบดอกซากุระ เหมียวกวักพลังงานแสงไฟ(ที่สุวรรรภูมิขายตัวละ1200บาทเชียวนะคะ) ชิมขนมที่เหมือน ขนมเข่งทอดบ้านเรา แต่บ้านเขาทำอร่อยกว่าจึงทำขายกันเป็นล่ำเป็นสันมีอยู่หลายร้านทีเดียวค่ะ

ขอถ่ายรูปกับเจ้าถิ่นที่นี่ก่อนนะคะ

กลับจากศาลเจ้าไปเดินเล่นต่อที่ห้างชื่อดังของเมืองนี้ค่ะ Canal City ตอนเย็นหกโมงจะมีการแสดงแสงสีเสียงบริเวณน้ำพุตรงนี้ค่ะ ประมาณว่าคล้ายๆหน้าสยามพารากอนที่บ้านเราน่ะค่ะ

น้ำพุเต้นรำประกอบเพลงค่ะ

เดินช้อปปิ้งจนหิว (ได้เฟอร์บี้มาสองตัวค่ะ เพื่อนฝากซื้อ) ขึ้นไปที่ชั้น 5 มีศูนย์รวมร้านราเม็งอยู่ค่ะ

มาแถวนี้ต้องชิมฮากาตะราเม็ง เส้นจะเล็กเหนียวนุ่มค่ะ น้ำซุปเข้มข้นค่ะ เราเลือกร้านที่หลังเสื้อดูเหมือนรูปถ้วยนี่แหละค่ะ โห..อร่อยอะค่ะ อยากกินอีกจัง บรรยากาศภายในร้านก็ครึกครื้นสนุกดีค่ะ

19/2/2013 จบทริปครั้งนี้วันนี้แล้วค่ะ เราต้องเดินทางกลับวันนี้แล้ว โดยที่เรานั่งรถจากสถานี Hakata มาสนามบินแค่ประมาณ5 นาที โดยเราต้องใช้บริการ shuttle bus ของทางสนามบินไปอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ

 

ขอบคุณนะคะที่ร่วมติดตามมาด้วยกัน เพียงแต่เข้ามาชมก็แอบนิยมอยู่ในใจ เอิ๊ก เอิ๊ก Smiley สโลแกนนี้คุ้นๆเนาะ พบกันใหม่บล๊อกหน้านะคะสวัสดีค่ะ

SmileySmileySmileySmileySmiley 

 




Create Date : 26 มิถุนายน 2556
Last Update : 4 กันยายน 2556 19:03:47 น.
Counter : 7972 Pageviews.

3 comments
  
เมืองสะอาดมาก และความปลอดภัยก็น่าจะมีสูงด้วย ขอบคุณครับที่เอาภาพแง่มุมต่างๆในญี่ปุ่มมาให้ได้ชม
hellojaae Travel Blog
โดย: Insignia_Museum วันที่: 27 มิถุนายน 2556 เวลา:21:32:51 น.
  
สวัสดีตอนค่ำๆ ครับคุณจ๊ะเอ๋ .....

ศาลเจ้าไดซาฟุ สวยงาม สงบ ร่มรื่นมากๆ เลยล่ะครับ ชอบตรงต้นไม้ใหญ่ๆ นี่แหละ แถมยังมีดอกบ๊วยและดอกพลัมสวยๆ ให้ชมอีกด้วย นี่ถ้าเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวอากาศดีๆ น่าจะคนเยอะจนดูไม่สงบเท่านี้นะครับ .....

โดย: NET-MANIA วันที่: 27 มิถุนายน 2556 เวลา:21:40:30 น.
  
เมื่อไหร่จะได้ไปหนอ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 มิถุนายน 2556 เวลา:16:56:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hellojaae
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



เขียนบล๊อกเพราะอยากเขียน อยากแบ่งปัน ใช้วิธีจิ้มดีดจึงมีผิดๆถูกๆ (แม้จะพยายามตรวจทวนทุกครั้ง) เป็นบล๊อกอนุรักษ์รูปแบบเดิมๆคือเขียนไล่เรียงลงมา เพราะทำรูปแบบอื่นไม่เป็น 555 ยังเขียนต่อไปเพราะเห็นว่าก็ยังมีคนหลงๆเข้ามาอ่าน 555 สวัสดีและขอขอบคุณทุกคนค่ะ
Website counter