Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
All Blog
♡ Review ♡ Cute Press Calming Cica Sleeping Mask..มาสก์เจลสู้สิว ผิวแข็งแรงชั่วข้ามคืน



ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวขึ้น ไหนจะยัง PM2.5 ที่ยังไม่จากไปไหนเลยทำให้ผิวของเราเริ่มมันและสกปรกจากมลภาวะ ปัญหาที่ตามมาก็ไม่พ้นสิวนั่นเอง! (เป็นเศร้า..หลังจากไม่เป็นสิวมานาน ; _ ;)

 

 วันนี้เลยหยิบผลิตภัณฑ์ตัวนึงจาก Cute Press เพื่อมาช่วยกู้ผิวนั่นก็คือ"Calming Cica Sleeping Mask" นั่นเอง เมื่อคราวที่แล้วเคยพูดถึง 8hrs Full Night Sleep Overnight Mask มาสก์เจลใสที่ช่วยในเรื่องผิวฟูอิ่มน้ำไปแล้ว วันนี้มาดูกันว่า Calming Cica Sleeping Mask ตัวนี้จะเป็นยังไงบ้าง มาติดตามไปพร้อมๆกันเลยนะค้าาา

"วันนี้ไม่ได้มาคนเดียว พาพี่หมีมาด้วยค่าา > _ <"

♡ Cute Press Calming Cica Sleeping Mask ♡

(10g./ 39THB)


 

♡ Ingredients ♡


ขอพูดถึงส่วนผสมให้เพื่อนๆรู้จักซักนิด สำหรับมาส์กสีเขียวตัวนี้ประกอบด้วย

  • Hyaluronate & Trehalote ที่คุ้นเคย เพราะมีอยู่ในมาสก์เจลใสหลอดฟ้าตัวดังช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ

  • Cica (Centella Asiatica) ช่วยในเรื่องปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นแต่เชื่อว่าเพื่อนๆคงคุ้นๆกันบ้างแล้วแน่นอนเพราะช่วงนี้แบรนด์ต่างๆได้นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลายๆตัวเลย เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่กำลังเป็นที่นิยมกันในตอนนี้เลยค่ะ

  • นอกจากนี้ยังมีTeaTree Oil & Neem Extract เพื่อนซี้ระดับตำนานที่คอยช่วยดูแลเรื่อง"สิวๆ"อย่างอ่อนโยน ^^

อ่านกันมาถึงตรงนี้คงอยากลองใช้กันแล้วเนอะ
 

  Let's Try it! มาลองใช้กันเถอะ


 

จริงๆแล้วผลิตภัณฑ์นี้เค้าทำออกมาทั้งหมด 2 ขนาดเลย ได้แก่แบบซอง และกระปุก

 ซึ่งขนาดซองแบบนี้เหมาะมากกับการพกพาไปไหนมาไหนมากๆ ประหยัดเนื้อที่ในกระเป๋าสุดๆ ฝาเกลียวก็ออกแบบมาดีค่ะปิดสนิทไม่หกเลอะเทอะแน่นอนค่ะ


 

   ♡ REVIEW TIME ♡   

Personal Skin Problem and Expectation*

สำหรับสภาพผิวและปัญหาผิวในช่วงนี้ก็คือ "สิว"และความแห้งกร้านของผิวเนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างร้อน(แดดแรงม๊ากกก) ความคาดหวังถึงผลลัพธ์ในมาส์กซองเขียวตัวนี้ก็คงจะเป็นในเรื่องของสิวและความชุ่มชื้นค่ะ

 

 สี/เนื้อสัมผัส : เนื้อเจลสีเขียวอ่อนๆ (ทางแบรนด์เคลมว่า Synthetic Color-free หรือปราศจากการใช้สีสังเคราะห์นั่นเอง)

 กลิ่น :มีกลิ่นหอมอ่อนๆของTea Tree Oilที่คุ้นเคย ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย ใดๆก็คือเป็นกลิ่นหอมๆจากน้ำมันหอม Tea Tree ไม่ได้เพิ่มเติมน้ำหอมใดๆนะคะ สาวๆที่กังวลเรื่องน้ำหอมไม่ต้องกังวลนะ :)

  ความรู้สึกเมื่อใช้ทันที : เนื้อเจลเย็นเกลี่ยง่ายรู้สึกสบายผิวม๊ากก + กลิ่นหอมของ Tea Tree Oil เข้าไปที่เครียดๆเหนื่อยล้ามาจากสภาพอากาศและการทำงานบอกเลยว่าสบ๊ายย (ความสุขเล็กๆก่อนนอน <3)  แนะนำว่าถ้าต้องการความเย็นสดชื่นให้นำไปแช่เย็นก่อน สบายเพิ่มขึ้นแน่นอนค่ะ อ้อ..เนื้อเจลจะไม่ซึมลงผิวทั้งหมดในทันทีนะคะ เน้นอยู่บนผิวเพื่อให้ผิวเรามีความชุ่มชื้นตลอดทั้งคืนมากกว่า สำหรับชอบโบกให้ชุ่มฉ่ำๆเลยตื่นมาผิวจะได้ไม่แห้ง





 

 ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากตื่นนอน : ตื่นมาพบว่าบนผิวยังมีเนื้อมาสก์เคลือบอยู่บนผิว ผิวมีความชุ่มชื้นดี แต่แอบรู้สึกว่าน้องไม่ชุ่มชิื้นเท่ามาส์กฟ้าค่ะ คาดว่าน่าจะเพราะผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาสำหรับคนที่ผิวเป็นสิว และผิวมัน เลยไม่อยากให้หน้ามันจนเกินไป ในเรื่องของความชุ่มชื้นทางเราเลยเทใจไปที่น้องมาสก์ฟ้ามากกว่า สำหรับเรื่องสิวนั้นพบว่าสิวไม่ได้ยุบลงทันทีเหมือนใช้ยาแต้มสิวแรงๆที่ตื่นมาแล้วสิวยุบจริงแต่ผิวบริเวณนั้นจะแห้งผากและเป็นขุยไปเลย สำหรับCalming Cica Sleeping Mask เค้าช่วยปลอบประโลมผิวบริเวณที่เป็นสิวให้การอักเสบมันลดน้อยลง และค่อยๆยุบๆไปเอง สิวเม็ดนี้เราใช้เวลาประมาณ 2-3 วันถึงสงบลงค่ะ สมชื่อ 'Calming' อยู่น้า :)



จะเห็นได้ว่าสิวเริ่มแห้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ยุบในทันทีค่ะ"

♡ TIPS for ACNE-FREE ♡

แอบฝากไว้นิดนึงว่าจริงๆแล้วนอกเหนือจากความมันบนใบหน้าและมลภาวะจาก PM2.5 แล้วอย่าลืมเรื่อง"ความสะอาดบนอุปกรณ์ต่างๆ"ด้วยนะคะ เช่น โทรศัพท์มือถือคีย์บอร์ด และปลอกหมอน หมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ ที่กล้าแนะนำแบบนี้ก็เพราะว่าประสบการณ์ตรงนี่แหละ ช่วงที่เป็นสิวเยอะๆจนผิดปกติก็เลยสังเกตว่าเกิดจากอะไรบ้างก็ถึงบางอ้อว่าเราคุยโทรศัพท์ทั้งวันเลยนี่นา...ลองเอาทิชชู่เปียกมาเช็ดเท่านั้นล่ะ รู้เรื่องเลยลามไปเช็ดคีย์บอร์ดรวมถึงปลอกหมอน ตอนนี้สิวก็ไม่ขึ้นอีกเลย เขินจัง > ///// <
 

สรุปคือ Cica Calming Sleeping Mask ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดีๆที่ช่วยเรื่องสิวอย่างอ่อนโยน เหมาะแก่การพกพา ราคาก็ดี เพราะซองนี้ราคาเพียง 39.- บาทเท่าน้านน แถมหาซื้อได้ง่ายที่ 7-11 วันก่อนไปเดินซื้อของใน 7-11 แถวบ้านก็เจอน้องเข้าอยู่บนชั้นละ ดีใจสุดๆเลย > _ <

 สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจก็ลองซื้อขนาดซองแบบนี้มาลองใช้ดูก่อนนะ ถ้าใช้แล้วถูกใจขึ้นมาค่อยไปถอยไซส์กระปุก (50ml./390บาท) มาทีหลังก็ได้เนอะ
 

ไว้พบกันใหม่กระทู้หน้านะคะ สวัสดีค่าา :-)




Create Date : 05 พฤษภาคม 2564
Last Update : 5 พฤษภาคม 2564 17:58:08 น.
Counter : 3401 Pageviews.

0 comment
♥ REVIEW ♥ "Fresh Anti-Pollution Experts" 2 ตัวช่วยกอบกู้ผิวและปกป้องผิวจากมลภาวะ



เมื่อเดือนก่อนแบรนด์ fresh ได้ส่ง Set ผลิตภัณฑ์มาให้เราได้ทดลองใช้ 2 ตัว

 ทางแบรนด์เรียกคู่นี้ว่าเป็น"Anti-Pollution Experts" ที่จะฟื้นบำรุงและปกป้องผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้นจากการที่ถูกมลภาวะต่างๆทำร้ายไม่ว่าจะเป็น PM2.5 ( ซึ่งช่วงนี้หนักหน่วงมากๆ! เหมือนมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเลย) แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ (เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย!) รวมถึงพวกฝุ่นจากพรม เครื่องปรับอากาศต่างๆก็เป็นตัวการที่ทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดริ้วรอยและแก่ก่อนวัย

วันนี้ได้โอกาสมาพูดถึงผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวให้ทุกคนรู้จักกันนะคะ บอกเลยว่าถ้าเพื่อนๆได้รู้จักแล้วจะต้องสนใจและอยากลองแน่ๆค่ะ ^^



"ไซส์ที่ได้มาจะเป็นไซส์ to-go สำหรับพกพาขนาด 50ml.และ 75ml.ค่ะ"

  ♡ FRESH Kombucha Cleansing Treatment ♡   

"ขจัดมลภาวะตกค้างพร้อมฟื้นบำรุงเพื่อผิวกระจ่างใสเนียนละเอียด"
 (75ml. - 900 THB)


 

แรกพบสบตาผิวเผินจากรูปร่างหน้าตาและชื่อผลิตภัณฑ์เหมือน 'Kombucha Cleansing Treatment'  ขวดนี้จะเป็น Cleansing Water เหมือนตัวอื่นๆที่เคยเห็น ด้วยความไม่แน่ใจ (เพราะคิดว่า FRESH ต้องมี Something different แน่ๆ) เลยต้องพลิกอ่านข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่กล่องและข้างๆขวดเพิ่มเติมจึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วขวดนี้ไม่ใช่ Cleansing Water แต่เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวในหนึ่งเดียว! ที่พิเศษคือไม่ต้องล้างออกด้วยโฟมหรือน้ำเปล่าเลยค่ะ (แค่อ่านก็รู้สึกว่าเจ๋ง!)




แล้ว 
Kombucha Cleasing Treatment ขวดนี้ดียังไงน้าา? ทางแบรนด์เคลมว่าทรีทเมนต์ขวดนี้จะช่วยขจัดมลภาวะและสิ่งสกปรกต่างๆ รวมถึงเครื่องสำอางและครีมกันแดด (เรียกว่าหมดจดกันเลยทีเดียว) เท่านั้นยังไม่พอทรีทเมนต์ตัวนี้ยังช่วยบำรุงผิวด้วย 'Prebiotic Inulin' ซึ่งเป็นส่วนผสมพิเศษที่ช่วยคงความสมดุลย์ของผิว ทำให้ผิวแข็งแรง มีสุขภาพดี และสามารถต่อต้านการทำลายของปัจจัยแวดล้อมต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะหรือสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เราใช้



 

   ♡ ACTIVE INGREDIENT ♡   

พูดเรื่องส่วนผสมกันซักหน่อยว่า "Kombucha Cleansing Treatment"  ขวดนี้มีส่วนผสมหลักๆอะไรบ้าง


❤ Prebiotic inulin .. ส่วนผสมธรรมชาติที่สกัดจากรากชิโครีซึ่งเป็นอาหาร สำหรับไมโครไบโอต้า (กลไกการปกป้องผิวตามธรรมชาติ) เพื่อให้จุลินทรีย์บนผิวคงความสมดุลย์และ สามารถต่อต้านการรุกรานจากมลภาวะแวดล้อมภายนอกได้ดียิ่งขึ้น

 

อธิบายให้ลึกลงไปหน่อยภายในผิวของเรานั้นมีจุลินทรีย์ที่ชื่อว่า 'Microbiota'  ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ปกป้องผิวตามกลไกธรรมชาติ เมื่อใดก็ตามจุลินทรีย์บนผิวมีความไม่สมดุลย์ก็จะทำให้ผิวของเราอ่อนแอลง จนทำให้ผิวขาดน้ำและขรุขระไม่เรียบเนียนPrebiotic Inulin จึงเป็นอาหารผิวชั้นดีที่จะทำให้ Microbiota บนผิวของเราแข็งแรงนั่นเอง!
 

❤ Kombucha .. "ชาดำหมัก" ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวให้เรียบเนียน, เพิ่มความกระจ่างใส และปกป้องผิวจากมลภาวะและสารอนุมูลอิสระ

❤ Soap Berry Peel Extract (Sapindus Mukorossi) ..สารสกัดจากเปลือกประคำดีควาย อุดมไปด้วยสารซาโปนินเข้มข้น ซึ่งเป็นสารจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองที่ตกค้างบนผิวได้ อย่างหมดจดและอ่อนโยน
 



"Active Ingredients ของ fresh Kombucha Cleansing Treatment ขวดนี้นี่เอง!"
 

 ♡ Brand's Promise ♡ 

   

ทางแบรนด์ได้เคลมว่าหลังใช้ผลิตภัณฑ์ Kombucha Cleansing Treatment  แล้วผิวจะมีความสมดุลขึ้นทันทีเมื่อใช้ ผิวโดยรวมจะดูกระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนมีขนาดเล็กลงและผิวเรียบเนียนขึ้น แต่ทั้งนี้จะเห็นผลชัดเจนก็ต่อเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ
 

 ♡ HOW TO USE ♡ 

 

สำหรับ Treatment Cleansing ขวดนี้สามารถใช้ได้2แบบเลยค่ะ ได้แก่

  1. ใช้ "double cleanse ผิว" หลังจากที่ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าเรียบร้อยแล้วทั้งนี้เพื่อขจัดมลภาวะตกค้างและบำรุงผิว จากนั้นจึงบำรุงต่อด้วย Toner และ Essence ตามลำดับ ทางแบรนด์แนะนำว่าให้ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ด้วยสำลี และหากลงตัวนี้ลงบนผิวแล้ว ตัวต่อๆไปไม่ควรใช้สำลีอีกเนื่องจากจะเป็นการเช็ด Inulin ที่เป็นอาหารผิวออกไป ดังนั้นหากลงสกินแคร์ตัวอื่นๆให้ใช้เพียงมือตบๆเบาๆแทนนะคะ ^^

     

  2. ใช้เป็น "Leave-on Cleansing"สำหรับวันที่เร่งรีบ หรือช่วงเวลาที่ไม่สะดวกในการล้างหน้าครบขั้นตอน สามารถใช้ตัวนี้ทำความสะอาดผิวตัวเดียวได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก แอบอ่านรีวิวของพี่ Nettytitiya แนะนำว่าใช้สำหรับล้างหน้าในช่วงเช้าโดยไม่ต้องใช้น้ำเปล่าและโฟมล้างหน้าได้ด้วยค่ะ


  ♡ REVIEW "Kombucha Cleansing Treatment"♡  

 

กลิ่น : มีกลิ่นหอมเบาๆเหมือนกลิ่นผลไม้สดชื่นๆ อ่านที่ส่วนผสมเห็นว่ามีใส่น้ำหอมเข้ามาด้วย ใครระคายเคืองง่ายอาจจะต้องระวัง แต่เราใช้แล้วไม่เป็นอะไรค่ะ

เนื้อสัมผัส : เนื้อน้ำบางเบา ทาลงบนผิวแล้วเย็นสบายผิว

ความรู้สึกระหว่างใช้ : กลิ่นหอมอ่อนๆทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เราใช้วิธีหยดลงบนสำลีให้ชุ่มๆแล้วค่อยๆไล่ๆเช็ดไป เนื้อเขาจะลื่นๆทำให้เกลี่ยง่าย ใช้ปริมาณเพียงนิดเดียวก็ทั่วหน้าแล้วค่ะ

ความรู้สึกหลังใช้ทันที : อันดับแรกคือเรื่องของความชุ่มชื้น เราได้ทดลองใช้ Kombucha Cleansing Treament ทั้ง 2 แบบเลยคือใช้เป็น Cleansing ในช่วงเช้าโดยไม่จำเป็นต้องล้างออกด้วยน้ำและใช้เป็น Double Cleanse ในการคลีนผิว ที่ผ่านมาเวลาใช้ Water Cleansing  ทำความสะอาดผิวหน้าจะทำให้ผิวหน้าแห้งแต่พอได้ใช้ Cleansing ตัวนี้แล้วผิวชุ่มชื้นขึ้นทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ แตะๆที่ผิวจะรู้สึกเย็นๆสบายผิว เอาจริงๆให้ฟีลเหมือนทา Essence แล้วอันดับต่อมาคือเรื่องของความสะอาด รู้สึกเบาสบายผิวมากๆเลยเหมือนสิ่งสกปรกทุกอย่างได้ถูกเคลียร์ออกไปหมดเลย เราลองใช้เป็นตัวคลีนผิวในช่วงเช้าก็รู้สึกว่าผิวสะอาดดี มีความชุ่มชื้นเหลืออยู่มากกว่าการล้างด้วยโฟม แต่ก็ไม่ทำให้สิวขึ้นค่ะ

 

♡ FRESH Kombucha Facial Treatment Essence ♡

"ปกป้องผิวจากมลภาวะรอบด้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
 (50 ml./ 1,350THB)

มาถึงคุณพี่คนที่สอง สารภาพว่าก่อนหน้านี้ยังไม่เคยรู้จัก Kombucha Facial Treatment Essence มาก่อนเลยทั้งๆที่พอไปเสิร์ชดูกลับพบว่า Essence ตัวนี้เป็นEssence หรือน้ำตบตัวแรกของทางแบรนด์แถมมีพี่ๆน้องๆรีวิวตัวนี้กันเยอะมากกกก (นี่เราไปอยู่ไหนมานะ = _ =; สงสัยมัวแต่ไปวอแวกับน้อง Fresh Rose Deep Hydration Facial Toner (โทนเนอร์กลีบกุหลาบสุดฮิต) เลยไม่เห็นพี่ Kombucha เลย ไม่งอนนะคะ :P)


"กล่องสวยมากๆ อดไม่ได้ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย ^^"

  ♡ ACTIVE INGREDIENTS ♡  

สำหรับพี่ Kombucha Esssence ขวดนี้ประกอบไปด้วย

❤ Kombucha ชาดำหมัก..ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้เรียบเนียน เพิ่มความเปล่งประกาย และปกป้องผิวจากมลภาวะและสารอนุมูลอิสระ จะเห็นได้ว่า Kombucha จะอยู่ทั้งใน Essence และ Treatment Cleansing เลยค่ะ ^^

 Hyaluronic Acid..กรดไฮยาลูรอนิค มอบและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน อ่อนนุ่ม

❤ Citrus Unshiu Peel Extract.. สารสกัดจากเปลือกส้มแมนดารินช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและมีสีผิวที่สม่าเสมอ

❤ Kigelia Africana Fruit Extract.. สารสกัดจากผลคิจีเลียแอฟริคานาช่วยคืนความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนให้กับผิว



 

  ♡ HOW TO USE ♡  

หลังจากเช็ดผิวด้วย Kombucha Cleansing Treatment เรียบร้อยแล้วเราก็จะหยด Kombucha Facial Treatment Essence Essence ลงบนฝ่ามือและกดให้ทั่วบริเวณผิวหน้าและคอเพื่อเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมต่อการลงเซรั่ม และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตัวอื่นๆต่อไป โดยสามารถใช้ได้ทุกวันทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืนเลยค่ะ

 

  ♡ REVIEW "Kombucha Facial Treatment Essence"♡  

 

กลิ่น : ครั้งแรกที่ได้ใช้กลิ่นใบชาลอยขึ้นมา + กลิ่นผลไม้ๆให้ความรู้สึกสดชื่นอ่านที่ส่วนผสมเห็นว่ามีใส่น้ำหอมเข้ามาด้วย ใครระคายเคืองง่ายอาจจะต้องระวัง แต่เราใช้แล้วไม่เป็นอะไรค่ะ

เนื้อสัมผัส : เนื้อน้ำบางเบา ทาลงบนผิวแล้วเย็นสบายผิว เอสเซนต์จะมีความหนืดกว่าตัว Cleansing Treatment เล็กน้อย (เดี๋ยวรอดูรูปเปรียบเทียบข้างล่างนะคะ) แต่ก็ไม่ได้เหนียวเหนอะหนะ ซึมเข้าผิวได้ดีค่ะ

ความรู้สึกระหว่างใช้ : กลิ่นหอมอ่อนๆทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เราใช้วิธีหยดลงฝามือแล้วค่อยๆตบเบาๆให้ทั่วหน้า ตบไปดมกลิ่นไป ฟินมาก รู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน

ความรู้สึกหลังใช้ทันที : รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้นทันทีที่ใช้ ฟีลเดียวกับ Cleansing Treatment เรียกได้ว่าใช้คู่กันก็ยิ่งทวีความชุ่มชื้นไปอีก

 ♡ OVERVIEW  & RESULT ♡ 

หลังจากเจาะลึกข้อมูลผลิตภัณฑ์และผลการใช้เบื้องต้นไปแล้ว เดี๋ยวเรามาดูภาพรวมของผลิตภัณฑ์และผลลัพธ์หลังการใช้กันนะคะ

 PACKAGING  เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไซส์นี้เป็นขนาดเดินทาง บรรจุภัณฑ์ของเค้าเลยทำมาจากพลาลาสติกที่มีความหนาและแข็งแรง สารภาพว่าเราทำ Treatment Essence หล่นพื้นด้วย ตอนแรกใจหล่นเลยคิดว่าน้องจะเป็นอะไร แต่ปรากฏว่าไม่เป็นอะไร การันตีได้เลยว่าเหมาะสำหรับการพกพาไปยังที่ต่างๆค่ะ


"วัสดุดีมากก ไม่ก๊องแก๊งค่ะ"
 

 COLOUR  ลองเอามาเปรียบเทียบให้ดูกันเฉยๆว่าผลิตภัณฑ์ 2 ตัวนี้ถึงแม้ว่าจะมีความใกล้เคียงกันทั้งในเรื่องของแพคเกจจิ้ง และ ลักษณะผลิตภัณฑ์แต่สีของทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่หยิบผิดตัวแน่นอน



"ตอนตั้งอยู่เฉยๆน้องไม่มีฟองแต่พอขยับไปขยับมาน้องก็มีฟองขึ้นมาเหมือนสบู่เลยล่ะ"


 

♡ TEXTURE♡ ผลิตภัณฑ์ของทั้งสองมีลักษณะใกล้เคียงกันคือเป็นน้ำๆทั้งคู่ แต่ Cleansing Treatment จะมีความเบาบางและเป็นน้ำมากกว่า Treatment Essence ค่ะ จะเห็นได้ว่าพอขยับแขนนิดเดียวผลิตภัณฑ์ก็ไหลแล้ว




"ทั้งสองผลิตภัณฑ์มี Texture ที่บางเบาสบายผิวด้วยกันทั้งคู่เลย แต่ Cleansing Treatment จะมีความเบาและเหลวกว่า Treatment Essence ค่ะ"
 

 ♡ RESULT  ♡ 
 

  • หลังจากใช้มา 7 วันส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าผิวใสขึ้น ผิวดูเนียนสีผิวเสมอกันมากขึ้น และรูขุมขนก็เล็กลง ถ้าใช้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆหลายสัปดาห์คาดว่าผลลัพธ์ต้องดีขึ้นมากแน่ๆ...ผ่านไป 1 เดือนจากผิวที่กร้านๆก็เริ่มมีความเนียนละเอียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ

  • รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น จากเดิมเราเป็นคนผิวแห้งสุดๆเลยเรียกได้ว่าโบกสกินแคร์ไปเท่าไหร่ผิวก็ดูดไปหมดเลย แต่หลังจากได้ใช้คู่หู Anti-Pollution เรารู้สึกว่าผิวเราชุ่มชื้นมากขึ้นด้วยเพราะว่าทั้งสองตัวทิ้งความชุ่มชื้นไว้บนผิวไม่ซึมหายไปทั้งหมด

  • จากรูปจะเห็นว่า Day1 ผิวเราดูกร้านๆ และรูขุมขนชัดม๊วกก เห็นจุดๆบนจมูกมั้ย .. ตอนนั้นจับๆหน้าก็รู้สึกว่าผิวยังแห้งๆอยู่ เทียบกับอีกรูปที่ผ่านมา 1 เดือนผิวเราเนียนละเอียดมากขึ้น จับๆไปแล้วมันมีความชุ่มชื้นแบบมีน้ำที่ผิว และเด้งๆ นานแล้วที่ไม่ได้สัมผัสผิวตัวเองแล้วรู้สึกแบบนี้

  • ในมุมมองของการปกป้องผิวจากมลภาวะที่เราเห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของ PM2.5 ในช่วงที่ผ่านมาเรามักจะคันที่ผิวบริเวณช่วงกรอบหน้า เปลือกตาและลำคอแต่หลังจากได้ใช้รู้สึกว่าผิวเราคันน้อยลงทั้งๆที่ก็ออกจากบ้านปกติ ประทับใจในข้อนี้มากๆเลยค่ะ ^^
    อีกเรื่องนึงก็คือเรื่องของสิว ช่วงนั้นสิวมาจากไหนไม่รู้และไม่มีวี่แววว่าจะหยุดขึ้น แต่พอผ่านมา 1 เดือน ตอนนี้ไม่มีสิวขึ้นใหม่แล้วค่ะ สงครามจบลงแว้วว :-)

  • ในส่วนของการลดเลือนริ้วรอยร่องลึกยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนอาจจะต้องให้เวลาเยอะๆหน่อยจึงจะบอกได้ค่ะ :


หลังจากที่ได้รู้จักคู่หูทั้งสองแบบละเอียดและเห็นผลลัพธ์กันแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ ชอบมั้ยๆ? ทางเรารู้สึกประทับใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและคิดว่าหากใช้หมดแล้วซื้อมาใช้ต่อแน่ๆเลย

มีเพื่อนๆคนไหนได้ลองใช้กันบ้างหรือยัง มาเมาท์มอยกันได้น้าา




Create Date : 08 มีนาคม 2564
Last Update : 8 มีนาคม 2564 23:16:40 น.
Counter : 245 Pageviews.

0 comment
Review : กระทู้แรกของปีกับ HUXLEY Holiday Collection set ; Hand and Body

Happy New Year 2021 สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2020 ขอให้เป็นปีที่ดีขึ้นกว่าเดิม ร่าเริง สดใส แข็งแรง ปลอดภัยจาก COVID นะคะ สำหรับกระทู้นี้ก็เป็นกระทู้แรกของปีเลย ฝากเนื้อฝากตัว อยู่ด้วยกันไปอีก 1 ปีนะคะ ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นทักทายกันมาตลอดน้าา แก้เหงาไปได้เยอะเลยค่ะ ปีนี้ตั้งใจว่าจะแว้บเข้ามาตั้งกระทู้บ่อยๆมากขึ้นน้า ^^

 


สำหรับช่วงเมื่อท้ายปีที่ผ่านมาก็มีโอกาสได้เข้าไปเดินเล่นใน Eveandboy แล้วก็สะดุดตากับกล่องนี้!


ทางเราก็เดินๆเข้าไปดูๆ ดมๆ เดินวนอยู่พักนึงก็พาน้องไปจ่ายเงิน กล่องนี้คือ "HUXLEY Holiday Collection; Hand and Body" ในราคา 990 บาท จาก 1,950 บาทค่ะ รู้สึกคุ้มจังเลย เพราะปกติแค่ Body Oil ขวดเดียวก็พันห้าแล้วน้า แต่เซ็ตนี้มาพร้อมกับ Hand Cream ด้วย
ไม่มีอะไรจะเหมาะกับการดูแลผิวในสภาพอากาศแห้งๆเย็นๆแบบนี้เท่ากับ Body Oil กับ Hand Cream ดีๆซักเซ็ตแล้วล่ะ :)

 

 

 



"มาเปิดดูข้างในการเลยดีกว่า"

What's in this Holiday collection 

มีอะไรอยู่ในกล่องนี้บ้างนะ

?

 

ใน Holiday Collection set นี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 2 ชิ้น คือ

  • HUXLEY Secret of Sahara Body Oil; Morocco Gardener (100ml.)

  • HUXLEY Secret of Sahara Hand Cream; Velvet Touch (30ml.)
     

HUXLEY Secret of Sahara Hand Cream; Velvet Touch



 

Key Ingredient
 

ในแฮนด์ครีมหลอดนี้มีส่วนผสมหลักคือ Prickly Pear Seed Oil ตอนอ่านก็งงๆว่าคืออะไรน้าา พอไปเสิร์ชดูรูปก็อ๋อ..มันคือน้ำมันจากเมล็ดของผลกระบองเพชรชนิดหนึ่งนั่นเอง ซึ่งเขาช่วยในเรื่องของ ความแข็งแรงของผิว และ ช่วยคงความชุ่มชื่นให้กับผิวค่ะ ลองจินตนาดูในสภาพอากาศที่ร้อนและแห๊งแห้ง ตกกลางคืนก็เย็นยะเยือกของทะเลทรายซาฮาร่ายังไม่สามารถทำอะไรเจ้าพืชชนิดนี้ได้ ถ้ามาอยู่ในแฮนด์ครีมหลอดนี้แล้ว มือของเราก็จะต้องชุ่มชื่นไม่แพ้กันแหละเนอะ ว่ามั้ยคะ?

 

อ่านเพิ่มเติมจากข้อมูลในเว็บของแบรนดว่าน้ำมันชนิดนี้มีวิตามิน E สูงกว่าน้ำมันมะกอกถึง 400 เท่าเลยล่ะ ชุ่มชื้นสุดๆไปเลย!  




"กลัวเพื่อนๆนึกหน้าตาของน้องไม่ออก ขอบคุณรูปจากเว็บของแบรนด์ HUXLEY ค่ะ"


REVIEW

  • กลิ่น : เปิดฝามาปุ๊บสิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือกลิ่นที่ลอยออกมา หอมมากกก กลิ่นเดียวกับ Body Oil เอาจริงๆก็ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน พอมาอ่านฉลากก็เห็นว่าเป็นกลิ่น Signature ของทางแบรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจมากจากสวนในโมรอ็กโกนั่นเอง สำหรับเรากลิ่นนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ให้กลิ่น นวลๆกรุ่นๆ ไม่ฉุนเลยค่ะ พอไปอ่านในเว็บแบรนด์ก็เห็นว่าเขากลิ่นของเขายังมีระดับเป็น TOP Middle แล้วก็ Base เหมือนน้ำหอมเลย
     

  • เนื้อสัมผัส : เนื้อครีมเข้มข้น คงตัว ไม่เหลว ตอนแรกเราคิดว่าแย่ละ เหนียวแน่ๆ แต่แล้วเมื่อได้ลองสัมผัสดูปรากฎว่าเนื้อครีมกระจายตัวได้เร็ว เกลี่ยง่าย ให้สัมผัสที่เนียนนุ่มเหมือนกำมะหยี่ตามชื่อผลิตภัณฑ์ 'Velvet Touch' ^^




 
  • การซึม / ความเหนอะหนะ : เชื่อว่าหลายๆคนไม่ชอบฟีลเวลาทาครีมที่มือแล้วมันไม่ยอมซึมซักที หยิบจับอะไรก็เลอะเทอะไปหมด เราเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่สำหรับแฮนด์ครีมตัวนี้ไม่เป็นน้าา ทาแล้วทิ้งไว้ซักพักก็สามารถหยิบโทรศัพท์มาไถต่อได้สบายๆค่าา จุดนี้ประทับใจมากค่ะ

  • ความชุ่มชื้น  : หลังจากทาแล้วปล่อยให้เนื้อครีมเข้าสู่ผิวซักพักแล้วรู้สึกเลยว่ามือที่แห้งกร้านจากการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์บ่อยๆมันชุ่มชื้นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลยค่ะ ปกติเราชอบทาแฮนด์ครีมไว้หนาๆก่อนนอน ตัวนี้เราก็เลยลองทา ตื่นมามือนุ๊มนุ่มมม เนื้อครีมซึมไปหมดแล้ว พอไปล้างมือก็จะรู้สึกได้ว่ายังมีเนื้อครีมบางส่วนเคลือบอยู่ที่มือเรา แถมยังมีกลิ่นหอมจางๆติดอยู่ด้วย

สรุปสั้นๆ ก็คือ แฮนด์ครีมตัวนี้ หอมมม เนื้อเข้มข้นแต่ซึมเร็วไม่เหนอะหนะผิว เปลี่ยนมือแห้งกร้านของเราให้ชุ่มชื้นได้ในทันที แถมทาทิ้งไว้ตื่นมามือก็นุ๊มนุ่มมม ขอไม่หักซักคะแนน หมดหลอดนี้แล้วซื้อต่อแน่นอนค่ะ!

 

HUXLEY Secret of Sahara Body Oil; Moroccan Gardener





 

Key Ingredient 
 

ในเว็บไซต์ของแบรนด์ให้ Prickly Pear Seed Oil เป็นส่วนผสมหลักๆของออยล์ตัวนี้ แต่ตามที่เราอ่านจากส่วนผสมตัวแรกของบอดี้ออยล์ขวดนี้คือ Sweet Almond Oil ค่ะ นอกเหนือจากนี้จะมีน้ำมันดอกทานตะวัน โรสฮิปออยล์ แล้วก็ชาเขียวด้วยน้า เรียกได้ว่าเป็นบอดี้ออยล์ที่มีน้ำมันจากหลายๆชนิดมารวมกันในหนึ่งขวดเลย

REVIEW

  • กลิ่น : ตกหลุมรักกลิ่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ Test ในร้าน ดมแล้วดมอีกจนตัดสินใจซื้อกลับมา มันเป็นกลิ่นที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนหอมมากกก จะดอกไม้ก็ไม่ใช่ จะสมุนไพรก็ไม่เชิง เหมือนมีหลายๆอย่างผสมอยู่ในนี้จนแยกไม่ออกว่าเขาคือกลิ่นอะไร รู้แต่ว่าหอมจังเลย ให้เป็นบอดี้ออยล์ที่มีกลิ่นหอมที่สุดตั้งแต่เคยใช้มาค่ะ ^^  (พิมพ์มาขนาดนี้แล้วทุกคนคงอยากดมขึ้นมาเลยใช่มั้ยคะ อิอิ)
     

  • เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นน้ำมันเนื้อบางเบา แต่ก็ไม่ได้เหลวขนาดเป็นน้ำเปล่าขนาดนั้น




 
  • การซึม/ ความเหนอะหนะ : ด้วยความที่เนื้อออยล์บางเบาทำให้ซึมเร็ว ไม่รู้สึกหนักผิว และไม่เหนอะหนะด้วย *อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศตอนนี้ที่ค่อนข้างแห้งและไม่ร้อนเหมือนตอนหน้าร้อนด้วยค่ะ เหมาะกับการใช้ในสภาพอากาศเย็นๆและแห้งๆแบบนี้แหละ

    ปล. แนะนำว่าให้ทาตอนที่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆผิวของเรายังเปียกอยู่จะทำให้เกลี่ยออยล์ได้ง่ายและซึมเร็วกว่า เคยทดลองทาตอนผิวแห้งแล้วนอกจากจะเกลี่ยยากกว่าแล้วยังต้องหยดผลิตภัณฑ์มากกว่าเดิมแถมยังรู้สึกว่าซึมได้ไม่ดีเท่าผิวเปียกๆค่าา

  • ความชุ่มชื้น : ให้ความชุ่มชื้นดีแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วให้ลุคผิวเงาๆฉ่ำๆสุขภาพดีค่ะ แต่ที่จะแอบหักคะแนนนิดนึงคือในส่วนที่ผิวมีความแห้งกร้านมากๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คือ ข้อศอก ที่อาจจะต้องใช้เวลาไปอีกซักพักถึงจะกลับมานุ่มชุ่มชื้นเหมือนผิวส่วนอื่นๆ

 

สรุปคือ ชอบกลิ่นหอมๆที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นบอดี้ออยล์ที่หอมที่สุดตั้งแต่ใช้มา ให้ความชุ่มชื้นได้ดี ลุคผิวที่ได้วาวๆเงาๆดูสุขภาพดี ติดนิดเดียวตรงที่ยังไม่บำรุงส่วนที่แห้งกร้านมากๆอย่างข้อศอกได้ .. 



 

หลังจากที่ได้ลองใช้แล้วศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ของทางแบรนด์แล้วก็รู้สึกชอบและสนใจแบรนด์นี้มากขึ้น จนอยากกลับไปซื้อสกินแคร์ตัวอื่นๆของเขามาเพิ่มเติมเลยแหละ แต่จะบอกว่าสิ่งที่ซื้อมาในครั้งนี้ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ (ก็ตอนไปเขาลดราคาทุกชิ้นจนทางนี้ก็เลือกไม่ถูกเลย5555) เรายังซื้อมาสก์ตัวดัง และ โฟมล้างหน้ามาด้วย เดี๋ยวมาเขียนรีวิวให้อ่านกันแน่นอน (สปอยล์เล็กน้อยว่าใช้แล้วชอบจนต้องมารีวิว)

 

สำหรับกระทู้นี้ก็จบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และอ่านจนถึงตรงนี้เลยน้าาา ไว้มาอ่านกันใหม่นะคะ <3




Create Date : 13 มกราคม 2564
Last Update : 13 มกราคม 2564 11:22:11 น.
Counter : 1460 Pageviews.

0 comment
❤ Review ❤ กักตัวอย่างมีสุนทรียภาพด้วยเทียนหอม
 

กราบสวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกคนนะคะ
หลังจากที่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลาเกือบ 1 ปี วันนี้กลับมาแล้วค่ะ
ไม่รู้มีใครจำกันได้มั้ยน้าา.. อิอิ 128

ที่หายไปน๊านนานเพราะเราได้สละเวลาไปให้กับการทำงานประจำอันหนักหน่วงทั้งหมดเลยค่ะ
พอถึงเวลาได้พักก็อยากอยู่เงียบๆ ชาร์จพลังให้ตัวเองมากกว่าเลยไม่มีโอกาสมาทักทายเพื่อนๆในนี้เลย วันนี้นึกคอนเทนต์ได้เลยถือโอกาสดีมาทักทาย และ รีวิวไปในตัวไปเลยค่า

อย่างที่เราทราบกันดีว่าสถานการณ์โรคติดต่อ COVID-19 ได้แพร่ระบาดมากขึ้น
จนประเทศของเราก็มีนโยบายสำหรับการกักตัวเพิ่มขึ้น ไหนจะ WFH ไหนจะการ์ฟิลด์ เอ้ย เคอร์ฟิลด์ เอ้ย ถูกแล้ว! 555555
เราเชื่อว่าต้องมีใครหลายๆคนแน่ๆที่อยู่บ้านแล้วจิตตก หดหู่ หงอยเป็นหมาโดนขังแน่ๆเลย หนึ่งในนั้นก็คือเรานี่แหละค่ะ ปกติจะได้ออกบ้านทุกๆวันนี่เนอะ

 

 วันนี้เราก็อยากจะมาแชร์หนึ่งตัวช่วยในการช่วยลดความเครียด เพิ่มความผ่อนคลายให้กับตัวเราเองกันนะคะ
เราใช้วิธีนี้ตั้งแต่ก่อนมีโควิด ด้วยตอนนั้นเราเครียดเรื่องงานมากเลยคิดว่ากลิ่นหอมๆน่าจะช่วยบำบัดเราได้ แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ เราเลยซื้อเทียนมาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้

มีอะไรบ้างเดี๋ยวมาดูกันเล้ยยย119

 

 

 UNKNOWN CANDLE ❤ 
 

จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการเทียนหอมก็คือน้องกระปุกนี้เลยค่ะ เพื่อนซื้อมาให้เราเพราะเห็นว่าเป็นกลิ่นมิ้นท์ เพื่อนลองดมแล้วกลิ่นค่อนข้างชัดและคิดว่าเราน่าจะชอบเลยซื้อมาให้เราค่ะ
ที่เราใส่ว่า UNKNOWN เพราะจนบัดนี้เรายังไม่รู้เลยว่าเทียนนี้ของร้านไหน แล้วจะตามหาซื้อได้อีกจากไหนค่ะ 55555555

 


"Mint is my favourite scent <3"
 


"You'll find that life is still worhwhile, if you just smile :)"
 

 REVIEW 

♡ ความหอมของกลิ่น♡ 

หอมมิ้นท์มากๆ ไอเลิ้บบบ ตอนจุดครั้งแรกคืออเมซเลย ไม่คิดว่าห้องเราจะกลายเป็นกลิ่นขนมไปได้ขนาดนี้ แถมแสงจากเทียนยังทำให้ผ่อนคลายอีกด้วยค่ะ นี่เป็นจุดเริ่มต้นเลยที่ทำให้เราตกหลุมรักเทียนหอม
 

♡ ความฟุุ้งของกลิ่น ♡ 

เห็นกระปุกเล็กแบบนี้แต่กลิ่นฟุ้งจริงค่ะ เกือบทั่วห้องเลย เปลี่ยนความคิดที่เคยมีกับเทียนหอมกระปุกเล็กๆแบบนี้ไปเลย เมื่อก่อนจะคิดว่าเทียนไม่ค่อยมีกลิ่นหอมออกมาเท่าไหร่หรอก ไม่จำเป็นต้องมี อยากมีก็ซื้อสเปร์ยมาฉีดดีกว่า...
 

♡ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์♡ 

กลิ่นดีมากก กระปุกเล็กๆแบบนี้แต่ให้กลิ่นค่อนข้างชัด ถ้าหาซื้อกระปุกใหญ่ๆได้กลิ่นก็คงจะฟุ้งมากกว่านี้ แค่นึกก็ฟินล้าว

 

ข้อควรระวัง ด้วยความที่กระปุกเทียนเล็กจุดไปไม่นานเทียนจะละลายเป็นน้ำจนท่วมไส้เทียนทำให้เทียนค่อยๆอ่อนลงๆและดับไปก่อนเวลาที่เราจะอยากให้ดับค่ะ


 ORGANIKA 

                 หลังจากตกหลุมรักเทียนหอมเข้าใจก็เริ่มมองหาเทียนหอมดีๆอีกซักอัน ตอนแรกเราก็ตั้งใจว่าจะซื้อ Diptiqye หรือ Jo Malone ที่ฮิตๆกันนี่แหละค่ะ
แต่ดูราคาแล้วก็ชั่งใจว่านี่เราต้องซื้อเทียนหอมราคา 2 พันเกือบ 3  พันเลยหรอ เราก็เลยเสิร์ชหาตัวเลือกอื่นๆไปด้วย จนได้มาเจอแบรนด์นี้ (เพิ่งรู้ว่าแบรนด์นี้เป็นของคุณศรีริต้า)
นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆ เขายังมีสปา และยังมีคาเฟ่อีกด้วยย (เราไปลองทานอาหารที่คาเฟ่มาแล้ว บอกเลยว่าเด็ด!
เสียดายช่วงนี้ร้านปิดเพื่อนๆอ่านเจอคงยังไม่สามารถไปได้ในตอนนี้ ไม่เป็นไรนะทุกคน โควิดหายแล้วค่อยไปลองชิมกัน)


 

♡  Pure Aroma Massage Candle — Ocean Of Dream ♡  
(80mL./ 595THB)
*ถ้ามีบัตรสมาชิกลดก็ลดไปอีกนะ ตอนนั้นเขาเชียร์ให้เราสมัครเลยได้ส่วนลดเพิ่มด้วย*

 


"แพคเกจสวยงามมากค่ะ ถ้าเป็นไซส์ใหญ่กว่านี้จะมีโดมแก้วไว้ครอบด้วยนะคะ"
 

ตอนซื้อก็ให้ทางพนักงานขายช่วยแนะนำกลิ่นให้ โจทย์ของเราคืออยากได้กลิ่นมิ้นท์ หรือกลิ่นเย็นๆสบายๆ จนได้กลิ่น Ocean Of Dream กลับบ้านมาด้วย
จริงๆพนักงานขายจุดให้ดมทุกกลิ่นเลย น่ารักมากๆ จริงๆมีอีกกลิ่นนึงเป็นกลิ่นดอกไม้ทางพนักงานขายบอกว่าเป็นกลิ่นที่คุณริต้าชอบที่สุดเลย เราดมแล้วก็อืมมม...กลิ่นช่างหอมหวานเหมาะกับคุณเค้าจริงๆนั่นแหละ  



ลองไปหลายกลิ่นสุดท้ายได้กลิ่น "Ocean of Dreams" กลับมา

 

 REVIEW 

♡ ความหอมของกลิ่น♡ 

กลิ่นออกเย็นๆ สดชื่น มีความเป็นธรรมชาติ ตอนเราดมเราไม่สามารถแยกกลิ่นได้ว่าเขาใส่อะไรลงไปบ้างนะ จนต้องเสิร์ชหาข้อมูลก็พบว่าเป็นการรวมตัวกันของลาเวนเดอร์, โรสแมรี่, ส้ม, ยูคาลิปตัน, มะนาว และ วานิลลา พออ่านแล้วนึกกลิ่นออกขึ้นมาแล้วใช่ไหมคะว่ากลิ่นผ่อนคลาย นวลๆ และเย็นเพียงใด แต่ต้องยอมรับว่าพอกลับมาจุดที่บ้านแล้วยังรู้สึกว่ายังไม่ใช่กลิ่นที่ตามหาค่ะ จึงเป็นที่มาของการรีวิวตัวต่อๆไป
 

♡ ความฟุุ้งของกลิ่น ♡ 

แม้ว่าขนาดที่เราซื้อมาจะเป็นขนาดเล็ก แต่เมื่อจุดแล้วกลิ่นฟุ้งกระจายค่อนข้างดีเลยค่ะ แบบว่าวางไว้ห่างๆหัวนอนก็ยังได้กลิ่นค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดฟุ้งไปทั่วห้อง
 

♡ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
เทียนทำจากถั่วเหลือง พนักงานขายเคลมว่าอ่อนโยนต่อผิวสามารถนำน้ำตาเทียมที่ละลายมาทาบนผิวได้ เราได้ทดลองทาบนผิวแล้วไม่แพ้ค่ะ เนื้อเทียนอุ่นๆทาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้ทำให้ผิวชุ่มชื้น แถมกลิ่นติดทน แต่..เราไม่ทำบ่อยๆนะ
เปลือง5555
 



 DIPTYQUE 

 

หลังจากได้ทดลองเทียนหอมของ Organika ไปแล้วรู้สึกว่ายังไม่สุด มันน่าจะต้องมีกลิ่นที่หอมมากกว่านี้สิ เราเลยตัดสินใจว่าเอาวะ ไหนๆก็ไหนๆมันต้องลองของแพงดูซักครั้ง เอาให้สุดว่าเขาหอมสมคำรีวิวจริงๆหรือเปล่า 

 

แล้วเราก็ค้นพบว่า..โดนเข้าให้แล้วววว

"แพคเกจจิ้งคือดียยย์"

♡  Diptyque Scented Candle - BAIES (BERRIES) ♡  
(190g./ 2,550 THB)



"ไซส์นี้จุดได้ประมาณ 60 ชม.เลยค่ะ"


 REVIEW 

♡ ความหอมของกลิ่น♡  เต็ม 10 ไม่หัก

ไม่ผิดไปจากที่อ่านรีวิวเลยค่ะ นี่มันเทียนอะไรเนี่ย ทำไมมันหอมแบบนี้! เขาใส่อะไรลงไปบ้าง รู้ว่าเป็นกลิ่นดอกไม้แต่ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นอะไร เป็นความหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน หาข้อมูลก็พบว่าเป็นกลิ่นของเบอร์รี่, แบลคเคอเรนท์ แล้วก็กุหลาบบัลแกเรีย ค่ะ
 

ฟีลแรกที่ได้หลังจากกลับมาจุดที่ห้องครั้งแรกคือ นี่มันกลิ่นของคนดี ได้กลิ่นแล้วอยากเป็นคนดีจังเลย นี่ไม่เว่อนะ รู้สึกแบบนั้นจริงๆ หลังจากนั้นเวลาจุดเราจะรู้สึกว่าเราอบอุ่นและปลอดภัย
 

♡ ความฟุุ้งของกลิ่น ♡  เต็ม 10 ไม่หัก

นั่งๆอยู่กลิ่นหอมๆจะลอยตามลมมาเตะจมูกเรื่อยๆเลยค่ะ ขนาดไม่ได้จุดตั้งไว้ใกล้ๆก็ยังได้กลิ่o ฟุ้งกระจายทั่วห้องดีงามมากจริงๆค่ะ และขนาดกล่องเทียนที่บรรจุเทียนมาตอนแรกเปิดดมก็ยังมีกลิ่นของเทียนติดอยู่ในกล่อง รวมไปถึงการตั้งแก้วน้ำดื่มไว้ข้างๆเทียน (ตอนที่ดับเทียนไปเรียบร้อยแล้ว) ตื่นมาดื่มน้ำปรากฎว่ามีกลิ่นติดอยู่ในน้ำด้วย 
 

♡ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

เทียนทำจากพืชและขี้ผึ้งชั้นดี ไส้เทียนทำจากผ้าฝ้ายอย่างดี กลิ่นที่หอมแบบหอมเกินบรรยาย ต้องให้ทุกคนได้ดมด้วยตัวเอง นอกจากนี้ในใบฉลากแนะนำว่าเราสามารถจุดผสมกับกลิ่นอื่นๆได้ด้วย สำหรับกลิ่น BAIES เขาแนะนำให้จุดคู่กับ ROSE  ค่ะ แค่นึกกลิ่นตามก็ลอยไปอยู่บนสวรรค์แล้วค่ะ น่าจะหอมมากๆๆ

 
 


" ได้เทคนิคมาจากทาง BA ที่เคาน์เตอร์ว่าทุกๆครั้งที่เราจะใช้ให้เราตัดไส้เทียนออกให้เหมือนตอนแรกที่ซื้อมา"

 


"และในการจุดแต่ละครั้งต้องรอจนกว่าหน้าเทียนจะละลายทั่วถึงเพื่อป้องกันการเกิดหลุม"


"Heaven on earth 140"



 

 SUMMER STUFF MARINE 

หลังจากได้ลองของแพงไปเรียบร้อยแล้วก็เริ่มสนุก คราวนี้อยากลองเทียนใหม่ๆไปเรื่อยๆแล้วค่ะ เราเจอร้านนี้โดยบังเอิญใน IG  ตื่นตาตื่นใจกับความหลากหลายของกลิ่น และ แพคเกจที่น่ารักตะมุตะมิเหมือนขนม



เทียนของทางร้านจะทำจากถั่วค่ะ
 


"วางรวมๆกันแล้วน่ารักมากๆ <3"
 

♡  Mint Chocolate Chip Ice-Cream♡  
(20mL./ 60 THB)

ตัดสินใจสั่งซื้อโดยไวเพราะเลื่อนมาเจอกลิ่นนี้เลยค่ะ กลิ่นมิ้นท์เป็นกลิ่นที่เราชอบมากๆๆโดยเฉพาะเมื่อมันมาอยู่ในชอคโกแลตและไอติม ซึ่งอ่านชื่อกลิ่นแล้วเรานึกถึงไอติมเนสเล่ ไอติมบาสกิ้นอะไรแบบนั้นเลย..



 

พอได้ลองใช้กลิ่นเป็นไปตามคาดเลยค่ะ หอมเหมือนไอติมมิ้นท์จริงๆ แต่ถ้าเทียบความแรงของกลื่นจะไม่เท่ากระปุกที่เพื่อนซื้อมาให้ (เดี๋ยวต้องไปถามละว่าที่เพื่อนซื้อมาให้ของร้านไหน)


เขาออกแบบฉลากได้น่ารักมากๆเลย เดี๋ยวลองดูฝาลายอื่นๆกันนะคะ

น่าร๊ากกกก



♡  Mini Latte Ice-Cream ♡  
(20mL./ 60THB)

กลิ่นต่อมายังคงอยู่ในซีรีส์ของ Ice-Cream ค่ะ ตามชื่อเล้ยย น้องเป็นกลิ่นลาเต้นั่นเอง เวลาจุดก็จะได้ฟีลเหมือนอยู่ร้านกาแฟชิลล์ๆ :)




"Latte Ice-Cream"

 



♡  Mini Chocolate Mousse ♡   
(60mL./ 60THB)

กลิ่นนี้เราชอบจุดคู่กับ Mint Chocolate Chip เพื่อทำให้กลิ่นแรงขึ้นค่ะ จุดเดี่ยวๆก็ได้นะ แต่กลิ่นนี้มีข้อตินิดนึงตรงที่เราแอบได้กลิ่นน้ำหอมเจือๆออกมาจากกลิ่นชอคโกแลต
จริงๆก็ใช่แหละ เขาใช้การสังเคราะห์กลิ่นจนเกิดเป็นกลิ่นชอคโกแลต  แต่ถ้าเขาตัดกลิ่นน้ำหอมส่วนนั้นออกไปได้จนได้กลิ่นแต่ชอคโกแลตจะฟินมากๆขึ้นไปอีก

ล่าสุดเราเพิ่งสั่งกลิ่นชอคโกแล็ตนูเทลล่า เดี๋ยวต้องลองดูว่าจะเนียนกว่าอันนี้หรือเปล่า
แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังนะทุกคน...ใครมีเทียนหอมกลิ่นชอคโกแลตแนะนำบอกเราด้วยเด้อ






"น่ารักไม่หยุดไม่หย่อน"



♡  Mini Creamy Peach Pie ♡  
(20mL./ 60THB)

กลิ่นสุดท้ายของไซส์มินิที่เราซื้อมา กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่เราจุดน้อยที่สุด น่าจะเป็นเพราะเราใช้ไม่ทัน 5555 ตอนที่อ่านชื่อแล้วจินตนาการเราคิดว่ากลิ่นนี้น่าจะเป็นกลิ่นขนมอบหวานๆ มีวานิลลา มีพีชที่ถูกอบมาสุกแล้ว
แต่พอได้จุดจริงๆกลิ่นเขาเหมือนพีชสดๆมากกว่า กลิ่นออกเปรี้ยวๆ สดชื่น ไม่ค่อยมีกลิ่นของพวกวานิลลาหรือครีมอะไรแบบเนี้ยย 





"Don't eat me. I'm just creamy peach pie scented candle."




 REVIEW
สรุปภาพรวมของเหล่า Mini Soy Wax Candles
♡ ความหอมของกลิ่น♡
กลิ่นเป็นไปตามชื่อของเขาเลย ทุกกลิ่นเปิดมาดมก็คือไม่มีสงสัยเลยว่าทำไมถึงชื่อกลิ่นนี้ จะมีแค่บางกลิ่นที่รู้สึกว่าสามารถไปได้สุดมากกว่านี้เช่น กลิ่น Chocolate Mousse แล้วก็กลิ่น Creamy Peach Pie แต่โดยรวมชอบมากค่าา > _ < ชอบความครีเอทของร้านมากๆ

♡ ความฟุ้งของกลิ่น ♡  
เรื่องความฟุ้งแอบผิดคาดไปนิดนึงเนื่องจากเราคาดหวังว่ากลิ่นจะฟุ้งเหมือนกระปุกที่เพื่อนเราซื้อมาให้ แต่พอได้ลองจุดปรากฎว่ากลิ่นไม่ฟุ้งเท่าค่ะ แต่โดยรวมเราว่าดีค่าา เพราะนั่งๆนอนๆก็ได้กลิ่นลอยมาเรื่อยๆค่ะ แก้ไขปัญหาโดยการจุดผสมๆกันก็ได้อยู่น้า..คราวหน้าตั้งซื้อไซส์ใหญ่ๆให้ทัน หรือไม่ก็ต้องซื้อมาหลายๆอันแล้วจุดพร้อมกันน่าจะเวิร์คอยู่ค่ะ

♡ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์♡
สำหรับร้านนี้จุดเด่นของเขาก็คือความหลากหลายของกลิ่น ที่มีให้เลือกเยอะมากก และกลิ่นใหม่ๆจะมีมาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับกลิ่นเดิมๆก็จะมีจำนวนจำกัด เรียกได้ว่าเป็น Limited Editon เลยค่ะ ถ้าเขาออกกลิ่นใหม่มาปุ๊บแล้วเราชอบเราต้องซื้อไซส์เลย เพราะต่อไปเขาจะเหลือขายแค่ไซส์จิ๋ว
และความน่ารักของแพคเกจที่มีการออกแบบให้แตกต่างกันออกไปตามแต่ละกลิ่น แค่ตั้งไว้เฉยๆก็มีความสุขแล้ว เพราะมันน่าร๊ากกกก + หิวในเวลาเดียวกัน

 


"Good mood, Good vibe"



ยังคงน่ารักเหมือนเดิมออกแบบเหมือนขนมอีกแล้วน้าา



"เปิดฝามาใช้ช้อนตักเข้าปากได้เลย ง่ำๆ ..อะ ล้อเล่น 121"
 
 

 REVIEW 

♡ ความหอมของกลิ่น♡  เต็ม 10 ไม่หัก

กลิ่นเหมือนสบู่นมขัาวที่เคยใช้ตอนสมัยเด็กๆ พอจุดไปเรื่อยๆกลิ่นจะออกแนวแป้งเด็ก สะอาดๆค่ะ หอมง่าาาา
 

♡ ความฟุุ้งของกลิ่น ♡  เต็ม 10 ไม่หัก

พอเป็นไซส์ที่ใหญ่ขึ้น กลิ่นก็เริ่มแรงขึ้นแล้วค่ะ..สรุปว่าหากต้องการให้กลิ่นแรงขึ้นต้องสั่งไซส์ที่ใหญ่ๆหน่อย กระปุกเล็กๆเหมาะสำหรับจุดในห้องขนาดเล็กมากกว่า

 




 Feel The Candle 

เป็นอีกร้านที่เจอพร้อมกับร้าน Summer Stuff Marine ก็เลยสั่งมาพร้อมกันเลยค่ะ ที่ตัดสินใจซื้อเพราะกิมมิคของเขาเลยล่ะ
เพราะสามารถเลือกสี กลิ่น และใส่ดอกไม้เพิ่มเติมได้อีกด้วย และที่พิเศษสุดๆก็คือร้านนี้เขามีไส้เทียนแบบไม้แทนไส้เทียนแบบปกติด้วยล่ะ!





"ไส้เทียนทำจากไม้แทนผ้า"
 
 REVIEW 
♡ ความหอมของกลิ่น♡  
กลิ่นที่เราสั่งมาคือกลิ่น ชาเขียว + ใส่ดอกกุหลาบ ที่เราจินตนาการไว้คือกลิ่นมัชฉะอะไรแบบนั้นเลย แต่พอเราลองจุดจริงๆก็คือรู้สึกได้ถึงกลิ่นดอกไม้บางๆเบาๆ ล่องลอยมาตามลม นึกออกแล้ว..แล้วกลิ่เหมือนเวลาเราชงชาเชียวแบบถุง (ที่ไม่ใช่มัจฉะ)แล้วมีดอกไม้ผสมด้วยนั่นแหละค่ะ กลิ่นเบาเบา...  

♡ ความฟุ้งของกลิ่น ♡  
กลิ่นอ่อนมากๆเลยค่ะ ไม่ฟุ้ง จะได้กลิ่นแค่บางช่วงเท่านั้น ตอนที่ได้กลิ่นก็จะเป็นกลิ่นเบาๆ แตะจมูกเบาๆ ถ้าใครคาดหวังเรื่องความฟุ้งของกลิ่นต้องบอกลาน้องคนนี้ไปเลยค่ะ

♡ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์♡
ถึงแม้ว่าเรื่องกลิ่นจะไม่โดดเด่นเท่าตัวอื่นๆที่เราได้พูดถึงไป แต่รับรองว่าสิ่งที่เรากำลังจะเขียนนั้นสู้กับตัวอื่นๆได้แน่นอน นั่นก็คือ...การที่เขาใช้ไส้เทียนเป็นไม้นั่นเอง! มันดีหรือมันแตกต่างยังไงน่ะหรอ? ก็เพราะว่าการที่ไส้เทียนเป็นไม้แบบนี้ระหว่างที่จุดจะมีเสียงแตกของไม้ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ ซึ่งเป็นเสียงที่ช่วยผ่อนคลายได้ดีมากเลยค่ะ รวมไปถึงการให้แสงก็จะมีความวูบวาบ วูบวาบมากกว่าไส้เทียนแบบผ้าที่จะให้แสงค่อนข้างนิ่งกว่า ช่วยผ่อนคลายได้ดีเหมือนกันเลยค่ะ และจุดเด่นอีกอันของไส้ไม้ก็คือไม่มีเขม่าค่ะ ไม่ว่าจะระหว่างจุด หรือเวลาดับก็ไม่มีเขม่าค่ะ สรุปว่าเทียนนี้ให้สุนทรียภาพทางการได้ยินและการมองเห็นมากกว่าค่ะ สำหรับเราถ้ากลิ่นฟุ้งกว่านี้อีกซักนิดนะ เลิศ!


"เสียงไม้แตกเปรี๊ยะ เปรี๊ยะ ช่วยผ่อนคลาย"

หมดแล้วค่ะสำหรับเทียนหอมที่เรามีโอกาสได้ลองใช้ คาดว่าเราจะยังไม่ออกจากวงการนี้ง่ายๆแน่นอนเพราะมันช่วยผ่อนคลายเราได้ดีมาก
ไม่ว่าจะตอนที่เครียดจากงาน หรือตอนที่กักตัวอยู่บ้านเหงาๆ ยังมีกลิ่นหอมๆ แสงไฟสวยๆเป็นเพื่อน
หากเพื่อนคนไหนมีเทียนหอมกลิ่นอื่นที่อยากแนะนำสามารถแนะนำเราได้เลยนะคะ คิดว่าอันต่อไปที่จะซื้อก็คงเป็นของ Jo Malone ค่ะ แต่ว่าขออ่านรีวิวอีกซักนิดนุงก่อน

สำหรับกระทู้นี้ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกคนมากค่ะ ขอให้เพื่อนๆกักตัวอย่างมีความสุข และจิตใจเบิกบาน เราจะได้มีกำลังใจต่อสู้กับเจ้า COVID-19
เราจะผ่านมันไปด้วยกันน้า 152

 

 



Create Date : 05 เมษายน 2563
Last Update : 5 เมษายน 2563 17:45:11 น.
Counter : 2183 Pageviews.

0 comment
♥ Review ♥ กรุน้ำหอมเล็กๆแบบฉบับสาวเพิ่งหัดใช้น้ำหอม



สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จะมาเปิดกรุน้ำหอมเล็กๆตามแบบฉบับมนุษย์เพิ่งเริ่มใช้น้ำหอมจริงจัง พร้อมเล่าเรื่องราวกว่าที่จะตัดสินใจซื้อน้ำหอมไซส์จริงมาใช้กับเค้าซักที (มันเหงาอะ ขอชวนเมาท์มอยซักหน่อย)

ที่ผ่านมาเราเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของการฉีดน้ำหอมซักเท่าไหร่ ตอนนั้นคิดว่าแพงก็แพง ฉุนก็ฉุน แถมพอซื้อมาก็เห่อฉีดอยู่ไม่นานแล้วก็เบื่อจนเลิกฉีด ไม่เคยจะใช้หมดซักที เลยทำให้เราไม่ค่อยสนใจที่จะใช้น้ำหอม


จนกระทั่งไปเจอกลิ่นที่ถูกใจหลังจากไซส์ทดลองก็เปลี่ยนมาเป็นไซส์จริงฉีดไปทุกวันๆก็ยังไม่เบื่อเลย คราวนี้ก็เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้นแล้วว่าชอบกลิ่นแบบไหน กลิ่นไหนคือกลิ่นที่ใช่สำหรับเรา สำหรับวันนี้ก็เลยจะมาเปิดกรุเล็กๆให้สาวๆได้ชมกันค่าา



"นี่ก็เป็นน้ำหอมที่เรามีอยู่ในครอบครอง ตอนนี้มีไซส์จริงอยู่แค่ 2 ขวดเอง นอกนั้นก็เป็นไซส์ทดลองหมดเลย"



น้ำหอมแบ่งขาย จุดเริ่มต้นสู่การใช้น้ำหอม


หลังจากไม่ได้ใช้น้ำหอมมานานก็เลือกไม่ถูกว่าจะลองตัวไหนก่อนดีนะ มันเยอะแยะไปหมด ก็เลยใช้วิธีซื้อแบบแบ่งขายมาลองใช้ดูก่อน ร้านนี้เป็นร้านที่รู้จักมานานและเคยซื้อมาบ้างแล้ว ไว้ใจได้ว่าของแท้แน่ๆ


  • BVLGARI Omnia Amethyse  : ซื้อเพราะเห็นรีวิวของเมอาร์เลยว่าหอม แล้วก็เป็นกลิ่นยอดฮิต กลิ่นนี้ค่อนข้างโตเป็นสาวแล้ว หอมแบบสะอาดๆ หอมนะ แต่ทางเรารู้สึกว่าฉุนไปนิด แล้วคนใช้เยอะมากกก ทั้งบนรถไฟฟ้ายันห้องเรียนภาษา เราเลยเบื่อกลิ่นไว รู้สึกยังไม่ค่อยโดนซักเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ใช้แล้ว

  • Versace Bright Crystal : ตอนแรกๆชอบมากเลยนะ เราว่ากลิ่นนี้ดูเป็นกลิ่นคุณหนูที่ยังเป็นวัยรุ่น เปรี้ยวซ่าแต่ก็มีความหวานอยู่ในตัว เพราะมีกลิ่นฟรุตตี้ สดชื่น แต่ก็เบรคความซ่าด้วยกลิ่นดอกไม้ เราดมทีไรนึกถึงบาร์บี้ทุกที แต่พอใช้ไปเรื่อยๆแล้วเบื่อกลิ่นบวกกับคิดว่ากลิ่นเขาเด็กไปสำหรับเราแล้วนะ น่าจะเหมาะกับวัยมหาลัยมากกว่า เราก็เลยไม่ได้ใช้แล้วเช่นกัน

  • My Burberry : นี่แหละน้ำหอมที่ใช่สำหรับเรา! เดี๋ยวเก็บไว้บรรยายต่อด้านล่าง

ข้อดี ของการซื้อน้ำหอมแบบแบ่งขายก็คือเราสามารถทดลองกลิ่นที่หลากหลายได้มากกว่า เพราะขวดนึงก็100-200 บาทเอง และด้วยปริมาณ 3-5 mL. ทำให้เราได้ทดลองใช้ไปหลายๆวันจะได้รู้ตัวว่าเราชอบกลิ่นนี้จริงหรือเปล่าได้กลิ่นแล้วเวียนหัวไหม แล้วกลิ่นน้ำหอมมันเข้ากับกลิ่นตัวของเราหรือเปล่า ดีกว่าไปลองที่เคาน์เตอร์แค่ไม่กี่นาทีแล้วตัดสินใจซื้อเลย บางทีซื้อกลับมาฉีดจริงแล้วปรากฎว่าไม่ถูกใจก็เสียดายเงินแย่

ข้อเสีย ของแบบนี้มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย สำหรับเราข้อเสียคือขวดแบบแบ่งขายแบบนี้มันไม่สามารถป้องกันอากาศเข้าได้เท่ากับขวดน้ำหอมจริงๆ อากาศเข้าไว สีเปลี่ยน กลิ่นเปลี่ยน เพราะฉะนันวิธีนี้เหมาะแค่ช่วงทดลองเท่านั้น ถูกใจแล้วก็ไปซื้อขนาดจริง ไม่ถูกใจก็พอ จบ แยก อ้อ..อีกข้อที่ต้องระวังคือ เลือกร้านดีๆนะจ๊ะ ระวังเจอของปลอม





LEVEL UP! เมื่อแบ่งขายขวดไม่สวย ซื้อไซส์ทดลองขนาดจิ๋วดีกว่า


อัพเลเวลขึ้นมาอีกหน่อย หลังจากซื้อน้ำหอมแบบแบ่งขายมาแล้วรู้สึกว่ามันไม่สวยเลยอะ เลยลองซื้อแบบขวดจิ๋วๆมาใช้ดูละกัน หมดแล้วก็เก็บขวดไว้ตกแต่งได้อีก สำหรับขวดแบบนี้สามารถป้องกันอากาศเข้าได้ดีกว่าขวดแบ่งขายทำให้สีไม่เปลี่ยน กลิ่นไม่เปลี่ยนแม้ตั้งทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ แต่ขวดแบบนี้ก็ราคาแพงกว่าแบบแบ่งขายเราซื้อมาขวดละ 400+


"จริงๆมีริบบิ้นที่ขวดด้วยนะ แต่เราถอดออกไปแล้วดั้น..หาไม่เจอ"
  • MY Burberry : หลังจากที่ใช้ขวดแบบแบ่งขายหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่พร้อมจะซื้อไซส์จริง (มันแพงง่ะ ทำใจลำบาก) ก็เลยซื้อขวดเล็กๆมาใช้ต่อ แถมขวดก็เหมือนไซส์จริงเด๊ะเลย ทั้งฝาขวดทั้งริบบิ้น สำหรับกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ชอบมาก ปกติเป็นคนเบื่อกลิ่นง่ายมาก แต่เราสามารถใช้กลิ่นนี้ได้เรื่อยๆเลยอะ ทางแบรนด์นิยามว่ากลิ่นนี้คือกลิ่นของสวนในลอนดอนหลังฝนตกใหม่ๆ สำหรับเรากลิ่นนี้นี้ความหอมจากดอกไม้ ใบไม้ และไม้ (ก็จริงของแบรนด์แฮะ เวลาฝนตกเสร็จเราก็จะได้กลิ่นพวกดอกไม้ ต้นไม้ ใบไม้) ฉีดแล้วกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สวยอบอุ่น ดูภูมิฐานและยังใจดีโอบอ้อมอารีอีกต่างหาก ฉีดตอนหน้าหนาวนี่ทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นมาหนึ่งระดับเลย เด็กๆสาวๆน่าจะรู้สึกว่ากลิ่นนี้แก่ไป แต่สำหรับพี่ กำลังพอดีเลย พี่ใช้แล้วชอบ

  • MY Burberry Blush : หลังจากที่ตกอยู่ในวังวนของ Burberry แล้ว พอเขาออกกลิ่นใหม่มาอีกก็ต้องขอลองอีกซักครั้ง ในส่วนของแพคเกจยังเป็นทรงเดิม เพิ่มเติมคือสีชมพูน่ารักอ่อนหวาน ดูแล้วรู้เลยว่ากลิ่นนี้ต้องเด็กลงกว่าเดิมแน่ๆ ทางแบรนด์ให้นิยามว่ากลิ่นนีี้คือกลิ่นแสงแรกยามเช้าดอกไม้ดอกแรกบานในสวนลอนดอน อื้อหืออ... พอได้ลองก็พบว่ากลิ่นนี้แตกต่างกับ MY Burberry ตรงที่กลิ่นนี้ทำให้รู้สึกเป็นสาวๆวัยสดใส เด็กกว่า แต่ยังคงความรู้สึกว่าใช้แล้วฉันสวย และรวยมากและยังเป็นคนอบอุ่นอีกต่างหาก ถ้าให้เห็นภาพก็เหมือน MY เป็นแม่ ส่วน BLUSH เป็นลูก ช่วงแรกของกลิ่นให้ความรู้สึกสดชื่นนน มีกลิ่นผลไม้ๆเปรี้ยวๆแทรกด้วยดอกไม้ พอผ่านไปซักพักความฟรุตตี้จางไปแทนที่ด้วยกลิ่นฟลอรัล และสุดท้ายคือกลิ่นดอกไม้หอมๆเบาๆนวลๆ เป็นกลิ่นที่ชอบมากกกกก ยังไงก็ต้องมีขนาดจริงไว้ในครอบครองอย่างแน่นอนนนน!

  • Chole โบว์ครีม : รุ่นทอปฮิตอีกหนึ่งตัวของสาวๆเราก็ขอลองซักหน่อย หอมนะ หอมหวานเป็นสาวหวาน น่าทนุถนอมเลยอะ ถ้าเรามีแฟนคงได้ใส่กลิ่นนี้ไปอ้อนคุนแฟน (ถ้าคุณแฟนจะไม่มึนดอกไม้ไปซะก่อนอะน้า5555) เราได้กลิ่นดอกไม้ ดอกไม้ แล้วก็ดอกไม้ วันไหนอยากหวานแบบสุดๆก็จัดกลิ่นนี้เลย แต่บางทีเราก็รู้สึกว่ากลิ่นนี้ฉุนไปนิด อาจต้องเบามือกันหน่อยน้าา นี่ก็เลยพอจับทางได้ละว่าเราไม่ชอบกลิ่นที่ฉุนจนเกินไป แล้วก็ไม่ได้ชอบกลิ่นดอกไม้จ๋าาา หรือ ฟรุตตี้จ๋าาา


FINALLY, สุดท้ายฉันเองก็พ่ายแพ้ แพ้ให้ My BURBERRY ที่ไม่เคยเบื่อกลิ่นเลย


หลังจากมั่นใจแล้วว่ากลิ่นนี้เกิดมาเพื่อเรา ช่วงที่ใช้จะหมดๆรู้สึกว่าขาดไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็ซื้อไซส์จริงมาซะเลย ใช้ยาวไปๆ ฉีดได้ไม่อั้น ไม่หมดง่ายๆแน่นอน ยืนยันอีกครั้งว่ากลิ่นนี้ไม่ฉุนเลย กลิ่นไม่แรง ไม่เบื่อ ฉีดได้ทุกๆวัน



"ฝาขวดออกแบบมาให้เหมือนกระดุมเสื้อโค้ทของ Burberry"

"เพิ่มความน่ารักด้วยการติดริบบิ้นไว้ที่ขวด น่ารักจัง"

"สีน้ำหอมสวยมากเลย สีทองๆนวลๆ"

"นี่ไง..ไซส์มินิเขาเหมือนไซส์จริงเปี๊ยบ เสียดายง่ะ หาริบบิ้นไม่เจอ"

ไปให้สุด แล้วหยุดที่กลิ่นตัวหอมฟุ้ง

ขวดนี้ได้มาโดยบังเอิญ เกิดจากการแวะเข้าไปหาคุณเพื่อนสมัยมหาลัยที่ตอนนี้เป็นบีเออยู่ที่เคาน์เตอร์ Christian Dior เพื่อนแนะนำว่าน้ำหอม Christian Dior จะไฮกว่า Dior ทั้งในเรื่องของกลิ่นแล้วก็ราคา เราเองเคยมีโอกาสได้ลองน้ำหอม Dior ไลน์ Blooming Bouquet แล้ว เราชอบแพคเกจมากกก อยากจะได้มาครอบครอง แต่เราไม่ชอบกลิ่นจริงๆ รู้สึกไม่โดน มาเจออันนี้ก็คิดว่ากลิ่นคงแนวๆเดียวกันแน่เลย แต่พอเพื่อนเอามาฉีดใส่เท่านั้นแหละ...อื้อหือ หอมมม ดมแล้วดมอีกก็ยังหอม สุดท้ายก็เลยสอยขวด 30 mL. กลับมา




สำหรับกลิ่นนี้เราเข้าไปอ่านในเว็บไซต์แล้วรู้สึกว่าเขาบรรยายได้ดี เรารู้สึกเหมือนที่เขาบรรยายเลย คือกลิ่นนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนงานศิลปะที่มีหลายมิติ แบบว่าไม่ได้ฟลอรัลจ๋าและไม่ฟรุตตี้จ๋า(สไตล์นี้เลยที่เราชอบ!) ในหนึ่งกลิ่นจะมีทั้งความหอมจากผลไม้ ดอกไม้ ใบไม้ และไม้ คือไม่ต้องรอถึงช่วง Base, middle, top เลยเป็นกลิ่นที่ฉีดแล้วทำให้รู้สึกว่าเป็นผู้หญิงสวยทรงเสน่ห์ประดุจกุหลาบไม่มีหนาม มีความนุ่มนวล แต่ในขณะเดียวกันก็มีความมั่นใจในตัวเอง



"สีน่ารักเนอะ :3"

พูดถึงความคงทนของกลิ่น กลิ่นนี้ติดทนถึงเย็นเลยค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดว่าเช้าเข้มข้นยังไง เย็นก็เข้มข้นแบบนั้นนะ พอตกเย็นกลิ่นก็จะจางๆลง แต่ยังได้กลิ่นอยู่ สำหรับเรา เราชอบเพราะมันทำให้เรามั่นใจว่าเออ..ฉันตัวหอมทั้งวันเลยอะ






​ฝาขวดเขาทำเป็นแบบแม่เหล็กทำให้เปิด-ปิดได้สะดวกดีค่ะ


Happy to Smell the new scent 


หลังจากที่เจอกลิ่นน้ำหอมที่ใช่แล้วแต่ก็ยังคงมีความสุขกับการที่ได้ทดลองกลิ่นใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา อย่างเวลาไปซื้อของแล้วได้น้ำหอมทดลองมาจะตื่นเต้นมากกก มันจะลุ้นว่ากลิ่นนี้อยู่บนตัวเราจะเป็นยังไงนะ แล้วในแต่ละวันก็จะได้ใช้จินตนาการว่าเอ..วันนี้ตื่นมาอารมณ์แบบนี้เราจะใช้กลิ่นไหนดีนะ เหมือนเป็นความสนุกในชีวิตที่เพิ่มเติมขึ้นมา ถือเป็นเรื่องราวดีๆอีกแล้ว ♥️


  • Jill Stuart Crystal Bloom Snow : เป็นน้ำหอมอีกหนึ่งแบรนด์ที่ควรมีไว้ครอบครองทั้งในเรื่องของแพคเกจจิ้งและกลิ่น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทดลองใช้น้ำหอมของจิลสจ๊วต ตอนแรกคิดว่าน้ำหอมเขาคงจะกลิ่นอ่อนๆและติดไม่ทนตามสไตล์แบรนด์เครื่องสำอางญี่ปุ่น แต่ปรากฎว่าน้ำหอมของเขาติดทนผิดคาดเลย สำหรับกลิ่นที่ได้มาเราว่าก็ตามชื่อรุ่นเลยคือ Snow เหมาะสำหรับฉีดช่วงฤดูหนาว ถ้าฉีดตอนหน้าร้อนไม่เข้ากับสภาพอากาศเมืองไทยซักเท่าไหร่ หลักๆที่ได้กลิ่นเลยคือกลิ่นดอกไม๊ ดอกไม้ หอม สะอาดดีนะคะเป็นอีกกลิ่นที่รู้สึกว่าจะใช้ฉีดตอนไปเดท5555

  • Giorgio Armani Air: สารภาพว่าเคยคิดว่าจะยังไม่ย่างกรายไปทดลองน้ำหอมแบรนด์นี้เพราะคิดว่าน้ำหอมต้องออกแนวผู้ใหญ่แน่ๆเลย แต่แล้วก็ผิดคาด สำหรับรุ่นนี้เป็นกลิ่นน้ำหอมสไตล์สดชื่นเราว่าเหมาะกับการฉีดไปใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป กลิ่นได้ฟีลเหมือนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆตลอดเวลา ตอนที่ได้มาเราฉีดติดกันทุกวันจนหมดในสัปดาห์นั้นเลย แอบรู้สึกด้วยว่าคนมองตามเหมือนเค้าได้กลิ่นจากตัวเรา

  • Happy Hour Chistian Dior Perfume : กลิ่นนี้คล้ายๆ Bvlgari รุ่นที่เป็นดอกกุหลาบเลยค่ะ แต่กุหลาบเบากว่าเพราะมีกลิ่นดอกไม้อื่นๆปนด้วย กลิ่นไม่ฉุน ออกแนวแป้งๆ ฉีดได้ทุกวัน ตัวนี้ยังไม่ได้ลองใช้จริงจังเพราะว่ายังเห่อ Holy Peony อยู่เลย

  • Jasmin Des Anges ตอนอ่านชื่อกลิ่นคิดว่าเปิดมาต้องมะลิวันแม่ มะลิร้อยมาลัยแน่ๆ แต่พอได้ลองจริงๆ มันไม่ได้กลิ่นดอกมะลิซ้อนขนาดน้าน มันเป็นกลิ่นมะลิอ่อนๆ นวลๆออกแนวแป้งๆ เหมือนได้กลิ่นความหวานจากน้ำผึ้งด้วย เราใส่ตัวนี้ตอนนอนก็หอมสดชื่น นอนหลับสบายดีค่ะ แต่ยังไม่ได้ลองใส่ออกไปนอกบ้านเลย



    สำหรับกระทู้เปิดกรุน้ำหอมเล็กๆของเราก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ หากมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกจะมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันอีกนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่าา ♥️




Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2562 18:55:53 น.
Counter : 869 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  

KanKan92~
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



สวัสดีค่ะทุกคนที่คลิกเข้ามาหน้านี้นะคะ
เราเป็นคนที่ชอบเรื่องสวยๆงามๆมากกก ชอบมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้เขียนบลอคจริงๆก็ตอนนี้แหละน้า

นอกจากนี้เรายังชอบพวกงานฝีมือด้วย ถ้ามีโอกาสก็จะอัพบลอคเกี่ยวกับพวกงานโครเชต์ แท็ตติ้ง DIY ฯลฯ ค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะ (แวะเข้ามาบ่อยๆน้าาาา )ใครมีคำถามอะไรฝากไว้หลังไมค์ได้นะคะ > ___ <
New Comments