สวัสดีค่ะ

หลังจากนอนที่ซัปโปโรมา3คืน สายๆนี้เราจะออกเดินทางไปปักหลักนอนที่อะซาฮิคาว่า3คืนค่ะ

1/7/2558  - กินเนื้อย่างยามาดะโดริ - ดื่มกาแฟที่ The Forest Clock - เดินเที่ยวตลาดหิ่งห้อย Ningle Terrace

เราซื้อตั๋วเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยซื้อตั๋วแบบ Economical Ticketไปกลับคือประมาณว่าถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวไปที่เดียวภายในระยะเวลาไม่เกิน6วันและเดินทางกลับก็สามารถซื้อตั๋วนี้ได้ ลองเข้าไปดูเงื่อนไขได้ที่ www2.jrhokkaido.co.jp ราคาถูกกว่าเกือบครึ่งค่ะ ดีสำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อ JR.Hokkaido Pass

จากซัปโปโรไปสถานีอะซาฮิคาว่าใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ง่ายต่อการเดินทางไปเที่ยวที่ฟุราโนะและประหยัดเวลา ประหยัดค่ารถถ้าจะเที่ยวที่ฟุราโนะนี้สองสามวัน

มาถึงเกือบสิบเอ็ดโมงค่ะ เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมรูทอินอะซาฮิคาว่าก่อน เดินกลับไปที่สถานีอะซาฮิคาว่าขึ้นรถไฟสายฟุราโนะ (Furano Line) นั่งชมวิวไปเรื่อยๆประมาณชั่วโมงค่ะ

มาถึงสถานีฟุราโนะ ก่อนที่จะเดินไปกินมื้อเที่ยงก็ดูตารางเวลารถบัสก่อนว่าจะไปรอบไหน

 เรามาถึงเที่ยงกว่าๆก็เลยจะไปรอบ 14.40 ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 ค่ะ

ดูมาจากเว๊บไซต์การท่องเที่ยวของฟุราโนะว่าแถวนี้มีร้านเนื้อย่างน่านั่งอยู่ร้านหนึ่งชื่อ ยามาดะโดริ (Yamada Dori) เดินมาจากสถานีฟุราโนะประมาณห้านาที

จากสถานีฟุราโนะเดินมาได้หลายทางระยะทางพอๆกันค่ะ ไม่ไกล

เมนูและราคาประมาณนี้นะคะ 

เป็นร้านเนื้อย่างอร่อยที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีฟุราโนะค่ะ โครงสร้างของร้านเป็นหินที่ปลูกสร้างมานาน 

บ่ายสองโมงสี่สิบเดินกลับมาขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 ค่ะ จุดหมายคือโรงแรม นิวฟุราโนะปริ้นซ์ (New Furano Prince Hotel) อย่าลงผิดนะคะ เพราะจะถึงโรงแรมฟุราโนะปรินซ์ก่อน แต่เราจะลงนิวฟุราโนะปรินซ์ รถบัสพามาส่งถึงหน้าโรงแรมเลยค่ะ 

ใครจะมาออนเซ็นอาบน้ำแร่ที่โรงแรมนิวฟุราโนะปริ้นซ์นี้ก็ได้นะคะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นแขกของโรงแรม เพราะออนเซ็นที่นี่เขามีชื่อเสียงค่ะ โดยเสียค่าเข้า 1500 เยน 

แต่วันนี้ที่มาถึงที่นี่เพราะเราตั้งใจจะมาตามรอยภาพยนตร์เรื่อง ยาซาชิจิกัง (Yasashii Jikan) ภาษาอังกฤษว่า Gentle Time มีใครเคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้บ้างหรือเปล่าคะ ถ้าเคยดูคิดว่าต้องชอบและอยากมาแน่ๆเลยค่ะ

ต้องเดินผ่านร้านค้าต่างๆที่นิงเกิล เทอเรซเข้าไปค่ะ ตอนที่ไปฝนตกพรำๆตลอดค่ะ

เดินเข้าไปในป่านี้ล่ะค่ะสมกับชื่อร้านเลยค่ะ ชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Mori no Tokei ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษร้านชื่อ  "The Clock Forest" ถึงแม้ฝนจะตกปรอยๆ แต่ด้วยความช่างคิดความละเอียดของคนญี่ปุ่นค่ะ พื้นทางเดินไม่มีลื่นเพราะเขาเอาเปลือไม้มาโรยไว้ตลอดทาง เวลาเดินจึงไม่ลื่น ทำทางไว้ซะเนียนเชียว

เดินเข้าไปกินกาแฟในป่าเนี่ยะนะ ใครเขาจะไปกัน แทบไม่เจอะเจอผู้คน สงสัยไม่มีใครเขามากันหร๊อก 

จากโรงแรมเดินมาถึงหน้าร้านไม่ไกลมากค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินไม่ไหว เดินประมาณ 10 นาทีได้ค่ะ  

เรื่อง" Yasashii Jikan" เป็นภาพยนตร์แนวดราม่ามี 11 ตอนค่ะที่สร้างในปี 2005 ใครสนใจสามารถดูในยูทูปได้นะคะ มีซับภาษาอังกฤษค่ะ หนังเรื่องนี้ใช้โลเคชั่นแถบบิเอะ ฟุราโนะค่ะ 

ที่ไหนได้พอเปิดประตูเข้ามาด้านใน คนเต็มร้านเลยค่ะ มีคนมาตามรอยเหมือนดิฉันเพียบ ต้องรอคิวค่ะ

แฟนคลับหนังเรื่องนี้เยอะแฮะ

คือปรกติเราก็ไม่ได้เป็นพวกบ้าดารา หรือตามรอยภาพยนตร์นักนะคะ แต่เรื่องนี้อินเป็นพิเศษค่ะ ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้และไปร้านนี้เราจะอินกับมุมต่างๆภายในร้านค่ะ 

คนเต็มร้านเลยค่ะ 

ขากลับเดินดูของที่นิงเกิล เทอเรซ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันค่ะ แต่ฝนตกเดินไม่ค่อยสะดวกเลยค่ะวันนี้ ร้านก็ขายของกระจุ๊กกระจิ๊ก แต่ละร้านขายไม่เหมือนกันเน้นเป็นงานแฮนด์เมดค่ะ 

ที่ร้านนี้มีสินค่้าและของที่ระลึกเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง Yasahii Jikan ด้วยค่ะ

กลับมาขึ้นรถบัสที่นี่ค่ะ อยู่ตรงหน้าโรงแรมนั่นล่ะค่ะ จะกลับไปลงที่สถานีฟุราโนะและรอรถไฟกลับไปลงที่สถานีอะซาฮิคาว่าเหมือนตอนขามาก็ได้

แต่เราดูเวลาแล้วนั่งรถบัสยาวไปลงที่สถานีอะซาฮิคาว่าเลยดีกว่า ถึงแม้จะใช้เวลามากกว่านั่งรถไฟ แต่จะไปถึงก่อน เพราะไม่ต้องไปเสียเวลานั่งรอรถไฟเที่ยว 18.00 เปลี่ยนวิวด้วยค่ะ

มาถึงสถานีอะซาฮิคาว่าเร็วกว่าการจะกลับด้วยรถไฟนิดหน่อย ไปเดินเที่ยวต่อที่ห้างอิออนที่อยู่ติดกับสถานีเลย เดินสำรวจราคาสินค้าก่อนค่ะ 

ฟู๊ดคอร์ทที่นี่ราคาไม่แพงเท่าไหร่ค่ะ ชุดนี้ราคาไม่ถึงหนึ่งพันเยน 

ให้ชมภาพภายในห้องเตียงคู่ของโรงแรมรูทอินอะซาฮิคาว่าค่ะ

โรงแรมรูทอินระดับราคาก็ใกล้เคียงกับโตโยโกะอินล่ะค่ะ รูปแบบโรงแรมก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่แต่รูทอินสาขาอะซาฮิคาว่านี้ชั้น B มีห้องอาบน้ำแบบออนเซ็นและพื้นที่ทานอาหารเช้ารูทอินดีกว่าค่ะ 

ขอบคุณนะคะที่ร่วมติดตาม

พบกันใหม่บล๊อกหน้านะคะ

สวัสดีค่ะ