สวัสดีค่ะพี่ๆและเพื่อนๆที่น่ารักทุกท่าน ตอนนี้ผู้คนเขากำลังชื่นชมความงามของซากุระกันแล้ว บล๊อกเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวเรายังเพิ่งเริ่มเอง (ธุระเยอะค่ะช่วงนี้)วันนี้เป็นวันที่ 2 ของ ทริปฮอกไกโดในฤดูหนาว(13/2/2556) เมื่อวานเดินเที่ยวที่ซัปโปโรทั้งวันแล้ว วันนี้พาไปเดินเล่น ลุยความหนาวที่เมืองโอตารุ (Otaru) ไปด้วยกันเลยค่ะ

นั่งรถไฟไปจากสถานีซัปโปโรประมาณ 40 นาทีค่ะเป็นเมืองเล็กๆน่ารักๆ ติดใจตอนสมัยเคยมากับทัวร์ครั้งที่แล้ว มาในหน้าหนาวก็สวยงามแบบขาวโพลนไปอีกแบบ

เราเริ่มต้นที่ พิพิธภัณท์กล่องดนตรี Otaru Music Box Museumซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากๆค่ะ ใครมาเที่ยวโอตารุแล้วไม่มีใครไม่แวะเข้ามาเดินที่นี่ค่ะ

มาครั้งนี้มีความสุขมากค่ะ เดินชมกล่องดนตรี อันนั้น อันนี้ จะซื้ออันไหนดีนะคะ ชอบไปหมด สินค้าบางแบบเราก็สามารถเลือกเพลงไปใส่อันที่เราชอบก็ได้ค่ะ เอาสิ..ที่นี้ก็ยืนฟังเสียงทำนองเพลง จะเลือกเพลงไหน ใส่อันไหน สนุกดีค่ะ

นกฮูก ที่ประดิษฐ์มาจากไข่ นี่ก็น่ารักดี่นะคะ

ถนนช้อปปิ้งเส้นนี้ สองข้างทางมีร้านของที่ระลึก กับร้านขายขนมเยอะมากค่ะ ขนมของญี่ปุ่นนี่ขึ้นยิ่งขึ้นชื่อเรื่องแพคเก็จที่สวยงามมากๆ ทุกร้านจึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เราสองคนเดินกันเรื่อยเปื่อยมาถึงตรงแผงลอยเล็กๆ ที่ขายหอยเชลล์ปิ้งราดซอสหอมๆ ติดใจความอร่อยตั้งแต่ครั้งที่แล้ว มาครั้งนี้ซัดไปกันคนละ 2 ไม้ค่ะ

จากร้านหอยเชลล์ปิ้งเดินมาไม่ไกล (อยู่ฝั่งตรงข้ามเดินเลยมาค่ะ) มีร้านราเมง ให้เข้าไปทานเป็นมื้อเที่ยงและหลบความหนาวเย็นสักพักค่ะ

ไม่ต้องกังวลว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะคะ ชี้เอาตามภาพได้เลยค่ะ เพราะเราก็อ่านออกแต่คำว่าราเมงเหมือนกันแหละค่ะ

อากาศข้างนอกอุณหภูมิติดลบ ได้ซดราเมงร้อนๆ เป็นอารมณ์ที่สุดยอดทีเดียวค่ะ (ต้องซู๊ด ดังๆด้วยนะคะ เอิ๊ก เอิ๊ก)

ออกมาตะลุยหิมะกันต่อค่ะ ถุงทรายร้อนนี่ก็ช่วยได้เหมือนกันนะคะ ซื้อที่ร้านไดโซ่ะไปจากเมืองไทยนี่แหละค่ะ หิมะก็ตกบ้าง หยุดบ้าง บางช่วงก็แรงทีเดียว ช่วงไหนตกแรงๆเราก็เดินหลบเข้าไปตามร้านต่างๆสองข้างทางค่ะ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านของเขา ก็ควรจะปัดๆเศษหิมะที่ติดตามรองเท้าหรือเสื้อผ้าออกเสียหน่อยค่ะ เสื้อผ้าเราจะได้ไม่ชื้นและร้านเขาจะได้ไม่เปียก

ร้านที่อยากนำเสนอเพื่อนๆและพี่ๆ ถ้าเผื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยวกันนะคะ ร้านนี้เลยค่ะ เพราะขนมอร่อย ราคาถูก กาแฟร้อนฟรีค่ะ เมื่อเราซื้อขนมในร้านเขาอะไรก็ได้ค่ะ จะซื้อขนมที่เป็นของที่ระลึกชั้นที่อยู่ชั้นล่าง หรือจะซื้อแค่ ชูครีม ซึ่งชิ้นละ 80 เยน(อยู่ชั้น 2)ลูกค้าก็สามารถนั่งพักหรือหลบความหนาวเย็นได้ที่ชั้น 2 ค่ะ กาแฟของเขาที่เหมือนให้ฟรีนี้ ก็ไม่ได้เอากาแฟกระเลวกระราดมาให้ลูกค้านะคะ กาแฟดีทีเดียวค่ะ (### พอช่วงเย็นเราเดินไปสุดถนน เข้าไปหลบหนาวตรงท่ารถบัส กาแฟรสชาติแทบไม่ต่างกันนี้ แต่ที่นั่นขายแก้วละ 350 เยนค่ะ)

ร้านที่มีป้ายชูครีม ชิ้นละ 80 เยนนี่แหละค่ะ ชูครีมก็อร่อยค่ะ

ยังไงหลังจากดื่มกาแฟเสร็จ ก็อย่าลืมนำแก้วกระดาษและขยะไปทิ้งเองด้วยนะคะ

เราสองคนยังเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ไปเรื่อยเปื่อยค่ะ เพื่อรอเวลาดูเทศกาลหิมะของเมืองโอตารุในช่วงเย็นและค่ำนี้ค่ะ สำรวจกันเกือบจะครบทุกร้านก็ว่าได้

หนาวกันล่ะซี.....เจ้าเป็ดน้อย แหม..แหม อุณหภูมิแค่ - 6 องศา เอง

 ภาพคลองโอตารุยามบ่ายๆค่ะ

เจ้าหน้าที่ผู้จัดงานช่วยกันนำหิมะมากดลงถังพลาสติกและเจาะให้เป็นโพรงสำหรับใส่เทียนไข

ช่วงเวลาที่แสงตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า นักท่องเที่ยวก็จะเริ่มมาบริเวณนี้กันมากขึ้นค่ะ

เทศกาลหิมะโอตารุจัดเป็นประจำทุกปี ช่วงเวลาก็ใกล้เคียงกันกับเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร ถ้าบางคนเวลาน้อยก็อาจจะวางแผนเที่ยวทั้งสองแห่งในวันเดียวก็น่าจะไม่ยากนักค่ะ

 เป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกใช่ไหมคะ

จบทริปของวันนี้ด้วยการตามรอยของคุณป้าแอ๊ก ปลาทอง (เรียกตามคุณเอิงค่ะ) ไม่ผิดหวังเลยค่ะ เป็นร้านซูชิที่อร่อยขั้นเทพจริงๆค่ะ ร้านมาสะซูชิ ร้านซูชิอร่อยที่โอตารุค่ะ

เรียกน้ำย่อยกับสาเกร้อนค่ะ

เพราะเคยอ่านจากในบล๊อกของป้าแอ๊ก ในบล๊อกแกงค์นี้เราเลยพิมพ์โวชเชอร์และยื่นให้กับพนักงานร้านตั้งแต่เริ่ม เลยได้ซูชิฟรีมากันคนละคำค่ะ อร่อยมากๆค่ะ ซูชิที่อร่อยเทพเป็นแบบนี้นี่เอง

กลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง ภาษาญี่ปุ่นก็ยังระดับอนุบาล หลีกเลี่ยงปัญหานี้ด้วยการเก็บรูปไว้ในไอโฟนเลยค่ะ ว่าจะสั่งชุดนี้กับชุดนี้ สั่งแบบพื้นๆค่ะ ไม่ได้สั่งของแพง

ซูชิที่อร่อยขั้นเทพเป็นแบบนี้นี่เอง ถูกใจมากๆค่ะ

มาสะซูชิ (Maza Sushi)เป็นซูชิที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยทานมาเลยค่ะ

อิ่มอร่อยอย่างมีความสุขค่ะ ที่ร้านมาสะซูชิ ร้านอร่อยที่โอตารุค่ะ