Millennum Patong โรงแรม + ห้าง ในภูเก็ต
วันแรกที่มาถึงภูเก็ต หลังจากเสร็จงานก็ check in ที่โรงแรมเลย ตามแผนจริงๆแล้วต้องนอนที่ Mercure Patong แต่วันนั้นโรงแรมเค้ามีกรุ๊ปลง ห้องเต็มก็เลยได้มานอนที่ Millennium Patong แทน มาถึงรอเช็คอิน ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องรอห้องเลยเดินถ่ายรูปแถวล๊อบบี้เล่นไปพลางๆ จากล๊อบบี้มีทางเดินออกมาที่ห้าง Jungceylon จริงๆตัวห้างจะอยู่ตรงกลาง แล้วโรงแรมจะอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ข้างก็เลยจะมี 2 วิง เวลาขึ้นตึกจึงต้องต่อลิฟท์ให้ถูกฝั่งเพื่อจะไปถึงห้องพักของตัวเองได้ถูก หลังจากได้ห้อง เจ้าหน้าที่พาขึ้นมาด้านบน และพามาที่ห้องพักค่ะ จากรูปเป็นตึกของทั้ง 2 วิง เอาของมาเก็บที่ห้องแล้วก็ออกไปทานข้าวเลย กลับมาอีกทีก็มือแล้ว เลยได้รูปในห้องเป็นแบบไฟสลัวๆ ห้องอาบน้ำ เป็นแบบ shower ค่ะ หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว เพื่อนชวนลงไปเดินเล่นที่จางซีลอน ข้ามไปถึงฝั่งที่เป็น walking street ด้วย ดูท่าจะอยากเที่ยว แต่ไปถึงแล้วไม่ใช่แนวเลยต้องกลับมานอน บอกเพื่อนว่านอนเถอะไม่กี่ ชม ก็เช้าแล้ว ช่วงเช้าตื่นมาก็ลงไปทานข้าว แล้วก็ต้องรีบเช็คเอ้าท์ เพราะมีแพลนที่จะไปอีกหลายที่เลย อาหารเช้าเสริฟที่ห้องอาหารชั้น 2 ของโรงแรม อาหารก็หลายหลายพอใช้ได้ แต่ว่ายังเช้าอยู่เลยรู้สึกไม่ค่อยหิว ทานแต่น้ำผลไม้ ขนมปัง และผลไม้อีกเล็กน้อย ห้องพักสไตล์เหมืองแร่ที่ Indigo Pearl
หลังจากกลับจากทริป inspection เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รูปที่ถ่ายมาส่วนนึงก็อยากที่จะเอามาลงไว้ในบล๊อก อย่างน้อยก็ช่วยเตือนความจำให้กับตัวเองว่าเราได้ไปที่ไหนมาบ้าง แล้วห้องของแต่ละโรงแรมเป็นแบบไหนบ้าง จุดเด่นของแต่ละโรงแรมที่ไม่ค่อยเหมือนใครก็อาจจะจำรายละเอียดได้เยอะหน่อย แต่ส่วนใหญ่ข้อมูลของแต่ละโรงแรมก็คล้ายๆกันเยอะมาก ยากที่จะแยกแยะได้จริงๆ ลงจากเครื่องปุ๊บก็ตรงดิ่งไปที่โรงแรมนี้เลย Indigo Pearl อยู่ที่หาดนายยาง ซึ่งห่างจากสนามบินภูเก็ตแค่ 10 นาที จริงๆแล้วที่หาดนี้มีโรงแรมเยอะที่เดียว แต่ Indigo Pearl เป็นหนึ่งใน list ที่เราต้องไปนั่นเอง ด้วยพื้นที่ๆเป็นเหมืองแร่เก่า ทางเจ้าของโรงแรมก็เลยใช้ concept ของโรงแรมเป็นแบบเหมืองแร่ เก๋ทีเดียว เข้ามาถึงเจอ reception และ lobby area แค่สีของโซฟาก็ชนะเลิศ > ภายในโรงแรมก็จะตกแต่งด้วยของเก่าๆ ให้คงสไตล์ที่เจ้าของต้องการ เดินเข้ามาเจอตัวตึกที่ใหม่เอี่ยม แต่ก็ตั้งใจทำให้ดูเก่าอีก ห้องแรกที่มาดูเป็นห้องที่อยู่ในโซน building เรียกว่าห้อง pearl bed suite มีทั้งโซฟาในห้องและริมระเบียง อีกด้านนึงของห้องจะเป็นห้องน้ำ พื้นที่ห้องน้ำมีขนาดใหญ่มาก และยังไม่มีประตูทึบ ทำให้ห้องดูกว้าง ในห้องน้ำก็จะเป็นสไตล์ปูนดิบ แต่ก็ดูสวยและกว้างขวางเชียว ถัดจากห้องบนตึง คราวนี้มาดูห้องที่เป็นหลังๆ บ้าง ห้องนี้เรียกว่า plantation villa ค่ะ เปิดประตูเข้ามาในวิลล่าก็จะเจออ่างอาบน้ำ outdoor อยู่หน้าห้องเลย เข้ามาในส่วนห้องนอน มองลึกเข้าไปก็เป็นห้องน้ำ ไม่มีประตูอีกแล้ว เป็นแค่ไม้กั้นไม่สามารถเลื่อนปิดได้ ห้องน้ำก็จะมีส่วนที่เป็น ourdoor shower ไม่เหมือนใครตรงที่ฝักบัวเป็นถังไม้อย่างที่เห็นในรูป หมดจากส่วนห้องพักแล้วก็เดินชมบรรยากาศรอบๆโรงแรมมาถึงสระน้ำ แต่เท่าที่จำได้ เค้าจะมีสระใหญ่อีกด้านนึงที่ห้ามเด็กลงเล่นน้ำด้วย มาถึงด้านหลังโรงแรมส่วนที่เกือบจะติดๆหาดก็จะมีบาร์ของโรงแรม ชื่อว่า Tongkha ตอนที่ไปเค้าไม่เปิดบริการเพราะยังเป็นช่วงเช้าๆอยู่เลย มาครั้งนี้ได้ดูห้องแค่ 2 แบบ แต่จริงๆ โรงแรมยังมีห้องสวยๆที่เรายังไม่ได้เห็นอีกหลายแบบเลย ทั้งห้องที่อยู่บนตึก และห้องที่เป็น villa ต่างๆ ไร่องุ่น Silver Lake & สวนเสือศรีราชา
ช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ผ่านมา พอมีเวลาว่าง 1 วันที่ๆจะไปก็คงจะเป็นใกล้ๆนี่แหล่ะ จากบางนาขับชิลล์ๆไปเรื่อยประมาณ 2 ชม. ไปถึงก็เกือบๆเที่ยง แวะเข้าวงอมาตย์ ไปทานอาหารกลางวันที่ร้านส้มตำป้าประไพก่อน ไปถึงก่อนเที่ยงคนเลยไม่เยอะ ทานเสร็จก็มุ่งหน้าไปที่ไร่องุ่นกันเลย ไปถึงประมาณบ่ายโมง แดดกำลังร้อนได้ที่เลย ลงไปถ่ายรูปเล่น แต่อยู่ได้ไม่นานเพราะทนความร้อนไม่ไหวจริงๆ มาถึงทันดูโชว์จระเข้รอบบ่าย คนเยอะมากๆ ไม่มีที่นั่งเลย จบจากโชว์จระเข้ ก็มาดูโชว์เสือ น่ารักมากกก เชื่องทุกตัวเลย แถมกลัวครูฝึกสุดๆ จบจากโชว์เสือ ออกมาเดินเล่น ถ่ายรูป ก่อนกลับมีโชว์สุดท้ายเป็นโชว์การแสดงของช้าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่ตั้งใจมาดู แสนรู้น่ารักอีกเหมือนกัน เที่ยวได้แป๊บเดียวก็หมดวันแล้ว วันนี้อากาศอบอ้าวก็เลยทำให้เพลีย เหนื่อยแต่ก็สนุกมากมายค่ะ concert ริมหาด Honda Summer Fest @ Hua Hin
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปงาน honda summer fest @ Hua Hin ที่จัดขึ้นที่เขาตะเกียบมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนจะเยอะมหาศาลขนาดนี้ เห็นเค้าว่าๆ กันมาว่าประมาณ 8 หมื่นคน คนเต็มหาดเขาตะเกียบตลอดทั้งความยาว 3 กม. ร้านอาหารที่หาดก็คนเยอะทุกร้าน อาหารเครื่องดื่มไม่พอขาย โดยเฉพาะห้องน้ำเข้าคิวกันทีครึ่ง ชม. เลย ทาง RS fresh air ที่เป็นผู้จัดงานคาดไม่ถึงว่าจะมีคนมาดูคอนเสิร์ตเยอะขนาดนี้ เราไปถึงที่งานประมาณ 6 โมง เลี่ยงตัวเมืองหัวหินมารถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ ไปถึงที่งานเค้ามีที่จอดรถจัดไว้ให้ที่วัดลั่นทม ไปถึงพร้อมๆกับกลุ่มแรลลี่ของ honda พอดีเลย เป็นช่วงเวลาที่คนเริ่มทยอยกันมาแล้วก็เดินตามเค้าไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีมาถึง ซ.4 ต้องเดินกลับเพราะของเราต้องเข้าซอย 2 มัวแต่เดินไม่ได้ดู เข้าไปถึงลงทะเบียนรับเบาะลมก่อน มาถึงหน้างานแล้ว ตลอดทางในงานมีซุ้มอาหารของ sponsor และก็ซุ้มเกมส์ต่างๆ อยากเล่นแต่เข้าไม่ถึงเพราะคนเยอะ เข้ามาถึงจัดแจงหาที่นั่ง ยังมีที่ว่างอยู่เยอะพอสมควรเลยได้นั่งใกล้เวที ฝนปรอยเป็นระยะๆ ทำให้คอนเสิร์ตเลื่อนเวลามาเยอะมาก เพราะไม่สามารถเล่นต่อได้ ต้องเบรกให้ DJ. เปิดแผ่น เราเลยทันได้ดูพีท พีระ เพราะกำหนดการเล่น 4 โมง แต่เล่นจริงประมาณ 1 ทุ่ม ในโซนที่กั้นนั่งกันเรียบร้อย กลุ่มที่มาแรลลี่เค้าแจกเสื้อกันฝนให้ด้วย ไม่ต้องกลัวเปียกเลย ส่วนด้านนอกเต้นไปเล่นน้ำไป น่าสนุกเหมือนกัน อันนี้เป็นช่วงที่คนยังไม่เยอะมาก แต่หลังจากนี้ด้านนอกแทบไม่มีที่ยืนเลย พอฝนหยุดคอนเสิร์ตก็เล่นไปเรื่อยๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ตั้งใจจะไปดู MR.Z กรื๊ดได้อีกเพราะมี โบว์ TK มาร้องเพลงผ้าเช็ดหน้า และโป้ โยคีเพลบอยมาร้องอีก 2 เพลง แล้วก็คั่นด้วยวง Swan อีกครึ่ง ชม. ตามด้วยวงที่ทุกคนรอคอย Goove riders บุรินทร์ GR ขึ้นปุ๊บคนกรื๊ดกันสนั่น ช่วงนี้แหล่ะที่เค้าเริ่มกั้นคนไม่อยู่ คนที่อยู่นอกโซนทะลักเค้ามายืนกันเต็มหน้าเวที นั่งดูไม่ได้เพราะโดนบังหมดเลย จบจาก groove riders ตามมาด้านจ๊อบ บรรจบ คราวนี้คนเข้ามาเต้นกันเยอะมาก เรากับเพื่อนๆเริ่มไม่ค่อยสนุกเพราะไม่ชิลล์แล้ว จากที่ตั้งใจว่าจะรอดูโมเดิร์นด๊อกที่กำหนดเล่นตอน 5 ทุ่มครึ่ง ก็เลยเปลี่ยนใจกลับเข้าที่พักดีกว่า สังเกตุว่าตอนเดินออกมาประมาณช่วงใกล้ๆ ตี 1 คนกลับเยอะมาก รถเริ่มติดอีกครั้ง ตอนเดินออกมาแล้วยังได้ยินเสียงจากเวที ลิเดียขึ้น ตามด้วยลิปตาแต่ไม่ทันแล้วแหล่ะ กลับไปก็ไม่มีที่ยืน ได้ยินมาว่า modern dog ขึ้นประมาณตี 4 คอนเสิร์ตเลิกตี 5 เล่นกันจนฟ้าสว่างเลย สุดยอดเจงๆ ไหว้หลวงพ่อโต + เที่ยวตลาดโบราณ บางพลี
วันนี้มีโอกาสได้ไปสักการะหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบางพลี ชาวสมุทรปราการ เคารพนับถือ จึงอยากจะขอนำตำนานที่กล่าวถึงหลวงพ่อโตมาเล่าสู่กันฟัง "เมื่อประมาณ 200 กว่าปีมาแล้ว มีพระพุทธรูปสมัยล้านช้าง 3 องค์ ประกอบด้วยหลวงพ่อวัดบ้านแหลม (ปางอุ้มบาตร) เป็นองค์พี่ หลวงพ่อโสธร (ปางสมาธิ) เป็นองค์กลาง และ หลวงพ่อโต (ปางสมาธิ) เป็นองค์ใหญ่ที่สุด แต่เป็นองค์น้องสุดท้อง พระพุทธรูปทั้งสามได้แสดงปาฏิหาริย์ โดยการลอยน้ำมาจากทางเหนือ ล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงตำบลหนึ่งก็แสดงองค์ ให้ประชาชนเห็น ประชาชนมีความศรัทธา จึงอาราธนาพระพุทธรูปทั้งสามขึ้นจากน้ำ ด้วยการพร้อมใจกันฉุด แต่ฉุดเท่าไรก็ไม่ขึ้น จนต้องเกณฑ์จำนวนคนมาช่วยกันฉุดถึงสามแสนคน พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ก็ไม่ยอมขึ้นจากน้ำ ต่อมาตำบลนี้จึงได้ชื่อว่า ตำบลสามแสน แล้วกลายมาเป็นสามเสนในปัจจุบัน ประชากรหมดหวังที่จะนำพระพุทธรูปทั้งสามขึ้นจากน้ำ จึงปล่อยให้ลอยน้ำต่อไปอีก จนถึงแม่น้ำบางปะกงเข้าไปถึงคลอง บางพระ จังหวัดฉะเชิงเทรา ประชาชนที่นี้อาราธนาท่านขึ้นมาจากน้ำอีกครั้ง ท่านก็ยังไม่ขึ้นลอยน้ำต่อไปอีกเรื่อยๆจนในที่สุด องค์พี่ คือ หลวงพ่อบ้านแหลมลอยไปตามแม่น้ำแม่กลอง แล้วขึ้นประดิษฐานที่วัดบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทรวรวิหาร) จังหวัดสมุทรสงคราม องค์กลาง คือ หลวงพ่อโสธรกลับลอยทวนน้ำไปถึงวัดเสาทอน ริมทฝั่งแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วขึ้นประดิษฐานที่วัดนี้ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโสธร (วัดโสธรวรารามวรวิหาร) ส่วนองค์สุดท้อง คือ หลวงพ่อโต ลอยเข้าไปในคลองสำโรง แม่น้ำเจ้าพระยา ประชาชนจึงทำแพผูกติดกับองค์ท่าน แล้วใช้เรือพายจูงไปตามลำคลอง เมื่อถึงวัดบางพลีใหญ่ใน ท่านก็แสดงปาฏิหาริย์อีกครั้ง คือ จะพายเรือจูง ท่านไปอย่างไร ท่านก็ไม่ไป ประชาชนอาราธนาขึ้นประดิษฐานที่วัดบางพลีใหญ่ใน (วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม) จังหวัดสมุทรปราการ" (ข้อมูลจาก ผจงวาด กมลเสรีรัตน์. นิทานพื้นบ้านภาคกลาง.กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น, 2543) นอกจากการมากราบไหว้หลวงพ่อโต ที่วัดบางพลีใหญ่ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็คือ ตลาดโบราณ บางพลี ตลาดที่แสดงถึงวิถีชุมชนของชาวบ้านได้เป็นอย่างดีและน่าสนใจมากจริงๆ โดยเฉพาะตอนนี้ทางตลาดฯได้จัดงาน ย้อยรอย 150 ปี ตลาดโบราณ บางพลีขึ้น ก็เลยขอเก็บภาพบางส่วนมาให้ได้ดูกันค่ะ จากวัด เดินทางมาทางลานจอดรถ สังเกตง่ายๆคือจะมีของขายตลอดทาง เดินมาไม่ไกลก็จะเห็นสะพานและป้ายทางเข้าตลาดโบราณนี้ค่ะ ตลอดทางจะเป็นร้านค้าขายของต่างๆ มีทั้งอาหาร ขนม เครื่องใช้ เครื่องสังฆภัณฑ์ ร้านนวดแผนโบราณ ห้องโหราศาสตร์ ทำนายโชคชะตา แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ ของที่ขายเป็นของที่เราเห็นแล้วนึกถึงความทรงจำเก่าๆ ขึ้นมาได้ทันที เช่น ของเล่นและขนมต่างๆพวกนี้ อืม ถ้าทันได้เห็นได้กินก็เดาๆ ได้เลยว่ารุ่นไหน อิอิอิ เดินเข้ามาเรื่อยๆจะเจอห้องสมุดของตลาดฯ เค้าจักนิทรรศการ "ภาพเก่าเล่าเรื่อง" มีประวัติของตลาดฯ ลองเดินเข้าไปดูภาพเพลินๆได้ เดินเข้าไปไกลพอสมควร นึกว่าจะสุดทางแล้ว แต่ยังค่ะ ยังมีป้ายบอกทาง ข้ามสะพานอีกทอดนึงเพื่อเข้าไปร้านต่างๆ ด้านในอีก ด้านในก็จะมีขายของคล้ายๆกัน และมีจุดแวะพักให้เราได้ชมบรรยากาศริมคลอง ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่ยังรักษาวิถีชาวบ้านให้คงอยู่ได้ ต้องขอชมชาวบ้านริมคลองสำโรงแห่งนี้จากใจจริง ที่สามารถรักษาวัฒนธรรมของท้องถิ่นได้อย่างดีเยี่ยมจริงๆค่ะ |
Diamond_N
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |