|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ZERO to ONE by Peter Thiel
ช่วงนี้พยายามหาหนังสือที่เกี่ยวกับ Startup มาอ่าน เนื่องจากอยากให้ลูกศิษย์รุ่นใหม่ ได้เป็น Startup ในอนาคต แต่ไอ้ตัวเราเองก็ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ดีก็แต่ว่ามหาลัยใส่วิชา"การทำธุรกิจ"ลงเป็นวิชาบังคับให้ทุกสาขาวิชาได้เรียนกัน เมื่อก่อนก็ไม่เคยสนใจว่าเค้าสอนอะไรยังไง ได้แต่อุดหนุนลูกศิษย์บ้าง...อะไรบ้าง
แต่ปีนี้จะลองให้ลูกศิษย์เขียนแผนการตลาดสำหรับโครงงานของตัวเอง แล้วให้อาจารย์ที่สอนวิชาแผนธุรกิจได้วิจารณ์-ประเมิน น่าจะได้ไอเดียดีๆ ในการเป็น Startup ต่อไป
ส่วนตัวเราเลยพยายามหาแนวคิดอื่นๆ ที่จะช่วยให้ลูกศิษย์สามารถ spin off ให้เป็น Startup ได้จริง เลยเสาะหาหนังสือที่เกี่ยวกับ Startup มาอ่าน เห็นคุณ A-academy แจกหนังสือเล่มนี้เป็นรางวัล ก็เลยสนใจซื้อมาอ่านดู
จึงพบว่า หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ผู้ก่อตั้ง PayPal และนักลงทุนคนแรกของ Facebook (บังเอิญได้ดูหนัง the Social Network อีกรอบพอดี เลยได้รู้ว่าเขาเป็นใคร)
หนังสือเริ่มต้นด้วยคำถาม "มีเรื่องอะไรบ้างที่สำคัญและเป็นความจริง แต่ไม่ค่อยมีใครเห็นด้วยกับคุณ" ที่จะฟูมฟักความคิดของเราให้ก่อร่างผลิตภัณฑ์ที่สามารถเปลี่ยนโลกได้
-ผลิตภัณฑ์ของคุณจะประสบความสำเร็จอย่างยาวนาน ก็ต่อเมื่อมันทำให้เกิดการผูกขาดทางการค้า (Google ผูกขาด Search Engine) -การผูกขาดทางการค้า ควรเริ่มจากการผูกขาดกับตลาดเล็กๆก่อน แล้วจึงขยายใหญ่ (Facebook เริ่มจาก Harvard ที่เดียวก่อน) -ผลิตภัณฑ์ของคุณจะผูกขาดทางการค้าได้ ต้องดีกว่าคนอื่น 10 เท่า (Google Search Engine) -การแข่งขันในตลาด นำไปสู่ความพินาศ แต่การผูกขาดที่สร้างสรรค์อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เกิดการพลิกโลก -บริษัทที่ดีจะได้กำไรดีกว่าบริษัทที่เหลือรวมกัน ดังนั้น ถ้าคุณเป็นนักลงทุน จงลงทุนกับบริษัทที่ดี ไม่กี่บริษัท ดีกว่าลงทุนไปทั่วๆ -จงเลือกผู้ร่วมก่อตั้งที่รู้จักกันมานาน มีทิศทางเดียวกัน และพร้อมที่จะทุ่มเทเพื่ออนาคตระยะยาว -ควรมีคณะกรรมการบริษัทไม่เกิน 3-5 คนเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง (อย่าจ้างพนักงานชั่วคราว ที่ปรึกษา หรือให้ทำงานที่บ้าน เพราะจะทำให้เกิดทิศทางที่ไม่สอดคล้องกัน ความไม่ทุ่มเท และเกิดความขัดแย้งได้ง่าย) -ควรให้ผลประโยชน์กับทีมงานโดยที่ผูกกับความสำเร็จของบริษัท เช่น หุ้น (ไม่ใช่เงินเดือน) -ทีมงานต้องมีสัมพันธ์ที่แนบแน่น -เมื่อจะรับคนเข้าทำงาน ให้ถามว่า "ทำไมบริษัทจึงเหมาะกับเขามากๆ" -มอบหมายงานที่ต่างกันให้แต่ละคนในทีมงาน จะได้ไม่มีการแข่งขันกัน -สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุ่มเท -การขาย มีตั้งแต่ การขายแบบซับซ้อนให้กับเจ้าของกิจการ การขายแบบประกบตัว การตลาดและการโฆษณา และการตลาดแบบไวรัล เลือกวิธีขายที่ดีที่สุดกับผลิตภัณฑ์ของคุณเพียงแบบเดียว
คำถาม 7 ข้อที่บริษัทเปิดใหม่ต้องตอบ - คุณสร้างเทคโนโลยีที่สั่นสะเทือนวงการหรือไม่ (ดีกว่าคนอื่น 10 เท่า)
- ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่
- เริ่มต้นด้วยการยึดครองตลาดขนาดเล็กหรือไม่
- มีทีมงานที่เหมาะสมหรือไม่ (วิศวกรและนักขาย)
- มีวิธีส่งมอบ(ขาย)ให้ถึงมือลูกค้าที่เหมาะสมหรือไม่
- รักษาตลาดได้ในอีก 10-20ปีหรือไม่
- คุณมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็นหรือไม่
สุดท้าย Peter Thiel ทิ้งท้ายไว้ว่า ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร "อย่าทึกทักเอาเองว่าอนาคตจะดีกว่าปัจจุบัน ...เราต้องลงมือสร้างมันตั้งแต่วันนี้"
Create Date : 09 สิงหาคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 9 สิงหาคม 2558 10:04:05 น. |
Counter : 3087 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
วันธรรมดาเป็นอาจารย์ที่น่ารัก วันหยุดพักเป็นสาวโสดโหดติงต๊อง เวลาว่างชอบอ่านหนังสือกับดูมะกันฟุตบอล ไม่ก็นอนเกาพุงป๊ะป๋าหม่าม๊าดูทีวี...
|
|
|
|
| |
|
|