๔.วัดประตูลี้ อยู่ด้านทิศใต้ วัดทั้งสี่มุมเมืองนี้เป็นแหล่งกำเนิดกรุพระเครื่องอันมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองลำพูน และยังเป็นหนึ่งในสุดยอดเบญจภาคีพระเนื้อดิน อันเป็นที่ปรารถนาของนักสะสมพระเครื่อง มาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีราคาสูงถึงเลข๗ หลักมานานแล้ว คือ พระรอด กรุวัดมหาวัน นั่นเอง นอกจากนี้ยังมี พระคง พระฤา (ลือ) พระบางชุดดังกล่าวมีรูปแบบของศิลปะทวาราวดี และศิลปะศรีวิชัยซึ่งสร้างขึ้นในยุคสมัยของนครหริภุญไชย มีอายุราว ๑,๓๐๐ ปี
เมืองลำพูน แห่งนี้ นอกจากมีพระเครื่องเนื้อดินหลักที่นิยมกันมากแล้วพระพิมพ์อื่นๆ ของเมืองนี้ กลับได้รับความนิยมน้อยลงซึ่งพระบางพิมพ์ของทางหัวเมืองเหนือนี้ บางพิมพ์มีความงดงามอลังการในด้านพุทธศิลป์มีรายละเอียดวิจิตรบรรจง อ่อนช้อยสวยงาม โดยส่วนมากจะเป็นพระที่มีพิมพ์ค่อนข้างใหญ่โตพอประมาณเช่น
พระยอดขุนพล กรุถ้าขุนตาล จ.ลำพูน
พระพิมพ์นี้พบที่บริเวณในถ้ำขุนตาล หากเดินทางขึ้นเหนือ เมื่อผ่าน จ.ตากไป จ.ลำปาง-เชียงใหม่ จะผ่าน ศาลเจ้าพ่อขุนตาล บริเวณตรงนั้นชาวบ้านเคยเรียกกันว่า บ้านตาล ในอดีตเป็นจุดที่นักรบผู้กล้าหาญซึ่งเป็นเจ้าเมืองถูกประหารชีวิตต่อมากลายเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองลำพูน มีประวัติความเป็นมาน่าประทับใจ คือ หลังจากที่ พญาเม็งรายเจ้าแห่งหัวเมืองเหนือ สร้างเมืองเชียงรายเมื่อ พ.ศ.๑๘๐๕ แล้ว พระองค์ได้เริ่มรวบรวมแว่นแคว้น พร้อมทั้งหัวเมืองต่างๆให้เป็นอาณาจักรรวมกัน ในเวลานั้นยังมีเมืองที่เข้มแข็งมากอยู่อีก ๒ หัวเมืองที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ คือ เมืองหริภุญไชย และเมืองพะเยา
เมืองพะเยากับเมืองเชียงรายนั้น เกื้อหนุนเกื้อกูลและเป็นมิตรสหายกันคงเหลือเพียงเมืองหริภุญไชยเท่านั้นที่ยังอยู่นอกเหนืออำนาจของพญาเม็งราย อีกทั้งเมืองหริภุญไชยเป็นอาณาจักรใหญ่เก่าแก่แต่ดั้งเดิมมาอีกทั้งมีความเข้มแข็งในด้านสรรพกำลัง จึงยากต่อการตีเมืองเพื่อยึดครอง
ต่อมาขุนนางของเมืองเชียงราย ชื่อ ขุนฟ้าจึงเสนออุบายแยบยลที่จะไปโค่นล้มเมืองหริภุญไชย อาสาไปรับราชการเป็นไส้ศึก กับพญายีบา เจ้าเมืองหริภุญไชย ขุนฟ้าอยู่นานถึง ๗ ปี โดยการทำอุบายยุยงให้พญายีบากดขี่ราษฎร ขาดทศพิศราชธรรม จนราษฎรเกลียดชังขาดความสามัคคีในการต่อสู้ป้องกันเมือง พญาเม็งรายจึงสามารถตีหริภุญไชยได้อย่างง่ายดายพญายีบาแพ้สงครามหนีไปอยู่กับ พญาเบิก ลูกชาย ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าเมืองลำปาง พญาเบิกเตรียมซ่องสุมกำลังพลอยู่ ๑๔ ปี พร้อมยกทัพกลับมาหมายยึดตีเมืองหริภุญไชยคืนให้กับบิดา
ด้านเมืองเชียงราย พญาเม็งรายเจ้าเมืองให้ ขุนสงคราม โอรสออกมายันทัพและกระทำยุทธหัตถีกับพญาเบิก ที่บ้านขัวมุงขุนช้าง ใกล้เวียงกุมกาม (สารภี) พญาเบิกพลาดพลั้งถูกหอกแทงบาดเจ็บ ได้ตีฝ่าออกมาตั้งทัพที่บ้านตาน ขุนสงครามตามมาสู้รบกันต่อ จนสามารถจับตัวได้ และให้ประหารชีวิตพญาเบิก แต่ชาวบ้านชื่นชมในความกล้าหาญและกตัญญูของพญาเบิก จึงได้สร้างศาลให้ และขนานนามว่าศาลเจ้าพ่อขุนตาล
ปัจจุบัน หากเดินทางโดยรถไฟผ่านลำปาง มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเชียงใหม่มีเส้นทางสุดแสนประทับใจให้นักเดินทางได้ย้อนยุคพบกับประวัติศาสตร์ นั่นคือได้ลอดถ้ำขุนตาล
อุโมงค์ถ้ำขุนตาล เกิดจากการตัดเส้นทางรถไฟหลังการขุดเจาะอุโมงค์ที่ถ้ำขุนตาลแล้วเสร็จใน พ.ศ.๒๔๖๑ ที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากความต้องการไม้สักของ บริษัทบอมเบย์เบอร์ม่า ซึ่งเป็นบริษัททำไม้ของประเทศอังกฤษนอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางลำเลียงไม้สัก ข้าวและถ่านหุงต้มในเขตตำบลทาปลาดุกลงไปยังตลาดภาคกลาง ได้สะดวกรวดเร็ว
พระยอดขุนพล กรุถ้ำขุนตาล จ.ลำพูน มีหลายพิมพ์ คือพิมพ์ใหญ่
พิมพ์กลาง
พิมพ์เล็ก และ
พิมพ์ยืน
ที่ขุดพบมีเนื้อชินปนตะกั่ว
และเนื้อดิน
พระบางองค์มีทองเก่าปิด
บางองค์ทาชาดสีแดงสดทับมาเดิมจากในกรุ
จำนวนพระที่พบมีมากพอประมาณ พุทธลักษณะ พิมพ์ใหญ่ องค์พระมีพระพักตร์คมชัดพระเนตรยาวเรียว
-พระขนง(คิ้ว)สองข้างโค้งแบบปีกนก
-พระเกศแบบเปลวเพลิงสูงเรียวยาว
-พระกรรณยาวลงมาจรดพระอังสาทั้ง ๒ ข้าง
-ประทับนั่งปางมารวิชัยอยู่ในซุ้มเรือนแก้วแบบใบเสมาทรงสูงซึ่งซุ้มด้านบนมีลักษณะโค้งมนซ้ายขวาทั้งสองข้าง เหนือซุ้มเรือนแก้วด้านบนมีเส้นลายขีดละเอียดมากมายขึ้นไปจรดขอบบน
-ในบริเวณเสาซุ้มเป็นแบบกนก ทั้ง ๒ เสา มีลวดลายเป็นขีดร่องทำให้เสาดูแข็งแรงเข้ารูปทรงสวยงามยิ่ง
-องค์พระประทับอยู่บนฐานบัวเล็บช้างสองชั้นซึ่งแต่ละชั้นมีดอกบัวฐานละ ๕ ดอก
พิมพ์กลาง มีพุทธลักษณะเหมือนพิมพ์ใหญ่ทุกประการ แต่มีขนาดย่อมลงมาส่วน พิมพ์เล็ก ต่างจากพิมพ์ใหญ่และพิมพ์กลาง คือซุ้มเรือนแก้วด้านบนมีลักษณะต่างกันคือ ไม่โค้งมนแต่มีลักษณะเป็นยอดแหลมแบบใบเสมาทั่วไป และด้านล่าง ประทับอยู่บนฐาน ๒ ชั้นแบบไม่มีบัวเล็บช้างเหมือนพิมพ์อื่นๆ
พระยอดขุนพล กรุถ้ำขุนตาล ด้านหลังบางองค์เรียบตรงบางองค์มีลายเสี้ยนแบบกาบหมาก ถึงแม้จะเป็นพระค่อนข้างใหญ่ แต่พิมพ์เล็กก็มีขนาดพอควร กว้าง ๓.๕ ซม. สูง ๖.๓ ซม.ส่วนพิมพ์ใหญ่และกลางมีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์เล็ก เล็กน้อย ตามลำดับ
พุทธคุณ ดีทางแคล้วคลาดปัจจุบันในสนามพระพอที่จะหาชมและเช่าบูชาได้ไม่ยากนัก ราคาเช่าบูชาหลักพันกลางถึงพันปลายๆ องค์ปิดทองและมีชาดแดงสด สมบูรณ์เต็มๆ ราคาขึ้นหมื่นกว่าๆ แบบชนิดที่หาของสวยยากสมตามราคาที่แพงมากขึ้น
ชาวเหนือแท้ๆนิยมเก็บพระพิมพ์นี้ไว้บูชาประจำบ้าน เพราะเชื่อในความศักดิ์สิทธิว่า สามารถขอพรให้ลูกหลานเกิดสิริมงคล และดลบันดาลให้เกิดความกตัญญูต่อบุพพการีเหมือนเจ้าพ่อขุนตาล เมื่อปฏิบัติดี มีจิตใจดีงาม ก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นและมีความสุขกันทั้งครอบครัว



คำว่า "ชิน" ตามพจนานุกรมแปลว่า"แร่ตะกั่วชนิดหนึ่ง" เป็นที่ยอมรับกันว่า
พระเนื้อชินเป็นโลหะผสมมีแร่ตะกั่วผสมอยู่ด้วย
เนื้อชินแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดคือ
1. เนื้อชินตะกั่ว หมายถึง
พระเนื้อชินที่มีส่วนผสมของแร่ตะกั่วมากกว่าแร่อย่างอื่นหรือตะกั่วล้วนๆ
พระประเภทนี้ถ้ามีอายุมากๆจะเกิดสนิมในรูปของอ๊อกไซด์ปกคลุมส่วนบนของพระ
มีลักษณะเป็นคราบสนิมสีแดงๆ
พระบางองค์มีการปะทุระเบิดของเนื้อจากภายในออกมาภายนอกในลักษณะธรรมชาติ
เรียกว่า "แตกรานแบบใยแมงมุม"ส่วนพระที่มีอายุน้อย จะมีจุดแดงเรื่อๆ
จับอยู่บนผิวพระเป็นหย่อมๆหรือเป็นสนิมเกาะเพียงบางๆ
2. เนื้อชินเงิน
หมายถึงพระเนื้อชิน ทีมีเนื้อในมีสีขาวคล้ายสีเงินยวง
ซึ่งมีส่วนผสมของตะกั่วและดีบุกเป็นหลัก
โดยจะมีดีบุกมากกว่าตะกั่วและผสมปรอทลงไปจุดประสงเพื่อให้เนื้อชินที่กำลังร้อนวิ่งเร็วติดรายละเอียดของแม่พิมพ์พระดีชึ้น
พระเนื้อชินประเภทนี้มี
ส่วนผสมหลายสูตรพระแต่ละกรุแต่ละเมืองจึงไม่เหมือนกัน
แตกต่างกันในรายละเอียดของส่วนผสมสามารถแยกได้คร่าวๆ
ตามลักษณะของสนิมที่ผิวพระและสีที่พบเห็นท่วไป
มี3 ลักษณะ
- เนื้อชินเงินผิวขาวหรือผิวปรอทผิวพระแลดูสีขาว เหมือนของใหม่
แต่ถ้าดูให้ดีแล้วจะพบว่าเป็นของเก่าลักษณะผิวจะดูแห้งผาก
มีพรายปรอทเป็นเม็ดเล็กๆเกาะที่ผิวหน้าผสมกับคราบกรุ
เมื่อใช้กล้องขยายส่องดูก็จะมองเห็นสีของปรอทเป็นประกายแวววาว
-เนื้อชินผิวดำหรือสนิมตีนกาพระเนื้อชินพระเภทนี้ผิวมีสีดำหรือสีน้ำตาล คือบนผิวพระจะมีคราบกรุจับเกาะอยู่และสนิมเริ่มทำลายเกาะกินเนื้อโลหะบาง ส่วนแล้วถ้าเป็นของเก่าประการแรกเนื้อหาจะต้องมีความแห้งประการที่สองจะต้องมีรอยลั่น ปริแยกหรือผุกร่อนในลักษณะของธรรมชาติ คือการปริแยกจะต้องเกิดจากภายในออกมาภายนอกไม่ใช่จากภายนอกลงไปภายใน แบบเขาเอาน้ำกรดมาหยอดไว้ให้แลดูเป็นจุดๆประการที่สามผิวพระจะไม่เรียบตึงประการที่สี่ขอบข้างองค์พระจะไม่คม แต่ถ้าเป็นของปลอมหรือทำใหม่จะมีลักษณะตรงกันข้ามกับของจริงทุกประการ
- เนื้อชินเกล็ดกระดี่พระเนื้อชินประเภทนี้บางคนก็เรียก "ชินกรอบ"
เพราะแลดูผิวภายนอกกรอบไปหมด
ผิวพื้นพระผุกร่อนมากแลดูคล้ายเกล็ดปลากระดี่หรือเกล็ดพิมเสน
เนื่องจากโลหะหมดยางแล้ว นักสะสมเนื้อชินรุ่นเก่าจึงตั้งชื่อชินชนิดนี้ว่า
"ชินเกล็ดกระดี่" หรือ "ชินกรอบ"
3. เนื้อชินเขียว
หมายถึงพระเนื้อชินที่มีส่วนผสมระหว่างแร่ตะกั่วกับแร่สังกะสี
ผิวพรรณองค์พระออกไปทางสีเขียวปนดำหรือปนสีเทา คนรุ่นก่อนเรียกว่า "
ชินสังฆวานร" เพราะเคยมีผู้พบตะปูชินสังฆวานรบรรจุอยู่ในกรุพระเครื่อง
ถ้าเป็นของเก่าโบราณมีอายุมากแล้วเนื้อพระจะดูแห้ง
ผิวพระจะเป็นสีดำปนเทาเหนือผิวพระขึ้นมาเป็นสนิมไขสีขาวขุ่นส่วนบนใส
ฝังตัวจับกันแน่นหนาซับซ้อนทับถมกันขึ้นมาในลักษณะธรรมชาติ
คล้ายๆกับการงอกของเนื้อจากภายในออกมาภายนอก
นอกจากนี้ถ้าเป็นพระลงกรุจะมีคราบขี้กรุด้วย
พระบางองค์มีฝ้าขาวและคราบสีเหลืองปรากฎตามซอกส่วนที่ตื้น
พระเนื้อชินเขียวของเก่าจะต้องมีสนิมที่เรียกว่า"สนิมไข่แมงดา" บ้าง "
สนิมไขวัว" บ้างและพื้นผิวองค์พระเป็นตะปุ่มตะป่ำ
โดย Peter Drive 08 เมษายน 2552