Group Blog All Blog
|
กลยุทธสำคัญกว่า ราคา,กำไรขาดทุนใกล้จะวัดผล ตลาดยังเป็นขาขึ้น (โดยกราฟดัชนี) และยืนยันด้วยวอลุ่มที่ไม่ตกลดลง แม้จะมีเครื่องมือ หลายๆ ตัว แจ้งเตือนว่า ซื้อมากเกินไป ก็ตาม แต่หากนำไปเทียบกับสมัย 1500 จุด พุ่งสู่ 1700 จุดเมื่อ หลายสิบปีก่อน ก็พอจะมีคำตอบว่า รูปแบบและกลยุทธการเข้าการออกของกระแสเงินต่างชาตินั้น เป็นวิธี ถาถมโดยไม่สนใจเครื่องมือกราฟใด ๆ หรือ ข้อมูลปัจจัยพื้นฐานเป็นที่ตั้ง แน่นอน เป็นการมองเห็นช่องทางได้กำไร ส่วนเรื่องราคาไม่เกี่ยง พื้นฐานสนใจแต่ลดลงได้
สภาวะเช่นนี้ จะทำให้ เงินในประเทศ(กองทุน รายย่อย และพรอทโบรกฯ) อาจกลัว ๆ กล้า ๆ มากขึ้นเพราะความระวังตัว และมีตัวอย่างในอดีต แต่เรื่องกลยุทธเป็นเรื่องสำคัญกว่ามาก
โดยขอฝากให้พวกเราคิดเป็นโจทย์ แบบ อกเขาอกเรา ว่า จะเข้าไปเอาเงินจากตลาดที่คนเล่นส่วนใหญ่กลัว ๆ กล้า ต้องทำอย่างใดจึงชนะเอากำไร กลับบ้านได้ สบาย ๆ โดยสามารถทำให้ คนในตลาดทุกกลุ่ม มาแย่งรับหุ้นที่ขายอย่างเต็มอกเต็มใจ เมื่อสมัย 1700 จุด กลยุทธคือ ทำให้ราคาติดเพดาน (ลิ่ง) แล้วลิ่งต่อ อย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่ขายหมู ทนไม่ไหว อยากซื้อราคาที่สูงขึ้นอีก(การปรับตัวจะไม่ลงลึกแล้วก็ดีดกลับรวดเร็วให้คนขายหมู ซื้อคืนไม่ทัน) เป็นกลยุทธโยนเผือกร้อนแบ่งกันถือ ด้วยวิธี quatitative protect risk system ราคายิ่งสูงขึ้น ต้นทุนคนทำราคายิ่งถูกลงเรื่อย ๆ และเมื่อถึงเวลา และราคาตลาดเทียบต่อราคาต้นทุนต่างกันมากกว่า 30 % ถึง 50% นั่นคือ เวลาที่ต้องขาย การขายที่ดี ไม่ใช่เททุบอย่างเดียว แต่ก็สามารถทำได้ ไม่ให้รู้สึกตัว คือ ขายวันแรกแรง ๆ มากๆ อีกวันก็ซื้อ คืน (ทำให้ผู้ที่ซื้อในวันขายแรง ยังไม่แย่งขาย เพราะต้นทุนยังสูงอยู่ แต่มองเห็นช่องทางกำไร) หากเราจะสังเกตว่า กระแสเงินไหลออกจริงหรือ ไม่ ต้องดูที่ค่าเงินบาท หากบาทนิ่ง หรือ ค่อย ๆ ลดค่าลง ก็แสดงความเสี่ยงชัดเจนขึ้น และเมื่อใดที่จะออกหรือ ขายจนเหลือในมือ น้อยมาก กระแสเงินจะหยุดซื้อหุ้น ทันที (สมัย 1700 ราคาหุ้นติดฟลอร์ 3 วัน ไม่มีแรงซื้อ คนที่ขายได้ ต้องขายวันที่ 4 คือ ต่ำลงไป 30% แล้ว สมัยนั้นเพดาน 10%) ดังนั้นการเล่นระหว่างวันกลายเป็นความปลอดภัยกว่า การถือข้ามวัน เพราะไม่มีใครทราบว่า วันรุ่งขึ้นราคาจะลงติดฟอร์ ติดกัน 3 วัน 17 มค 2556 ดัชนีปิด 1420.95 วอลุ่ม 59237 บาท |
nowya
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?] ชาวกรุงเทพฯ เล่นหุ้นมาตั้งแต่ตลาดหุ้นอยู่สยามเซ็นเตอร์ ผ่านการกำไรและเจ๊ง ครบทุกรส มองเห็นขบวนการปั่นราคา และมองเห็นรายย่อยที่เล่นเจ๊งกันต่อหน้าต่อตา ยืนอยู่หลัง ผจก ตลาดฯ สมัยมีคนจะฆ่าตัวตายที่อาคารสินธร เห็นใจรายย่อยที่เข้ามาเล่นแบบไม่รู้อะไร แต่อยากรวยเร็ว ๆ ด้วยทุนน้อยๆ อยากเก็งกำไร แต่ไม่รู้อะไรคือวิถีการเก็งกำไร จึงอยากมีส่วนในการช่วยชี้แนะบ้างเท่านั้นเอง
| ||||