เมื่อก่อนตอนลูกเล็กๆ เราจะเที่ยวกันบ่อยขาดเรียนได้ หลังๆพอลูกเริ่มโต เค้าไม่อยากขาดเรียน
ไม่อยากต้องกลับมาตามงานแถมวันเสาร์ ก็ต้องเรียนพิเศษอีก เราเลยได้เที่ยวกันน้อยมาก
เหลือแค่ ปีละ ครั้ง สองครั้ง ช่วงปิดเทอมแค่นั้น
ทริปนี้เราไปกับครอบครัวเพื่อนสนิท จองตั๋วไว้ตั้งแต่กุมภา จอง Singapore Airline คนละ 12000
แต่เสียเวลานิดนึงที่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงค์โปร ใช้เวลา 50 นาที เดินไปขึ้นเครื่อง ก็พอดีๆ
ปกติบินตรง 6 ชม เนอะ เราบิน 8 ชม แต่ก็ดีตรงที่ มีอาหารให้ตั้ง 2 มื้อ ขนม เครื่องดื่มมีบริการตลอดๆ
ที่สำคัญมีจอให้เด็กๆ ดูการ์ตูนกันเพลินๆ ยาวๆไป ไม่มีเบื่อ
ทริปนี้ของเรา เริ่มต้นที่โอซาก้า กลับ โตเกียว ทริปที่ไม่มีแผนอะไรจริงจัง หลวมๆ พร้อมปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
ลูกชายโตขึ้นเยอะเลย ช่วยลากกระเป๋าให้ตลอดเวลา มีกระเป๋ามา 2 ใบ 3 คน พ่อใบ ลูก ใบ แม่เลยเดินสบายเลย
เรามาถึงกันประมาณ 3 ทุ่มกว่า ฝนตกปรอยๆ ลากกระเป๋ากันยาวไปๆ รู้สึกว่าไกลมากๆๆๆ
น่าจะลงผิดสถานี 555
ห้องพักน้อยๆ ของเราใน 2 คืนแรกนี้ที่โอซาก้า คือ รร Toyoko Inn โรงแรมมาตราฐานดี ราคาถูก สะอาดสะอ้าน เครื่องใช้ภายในห้องครบครัน
ห้องพักของที่นี่ มีหลายราคา หลายแบบ เราจำไม่ได้ว่าเลือกห้องแบบไหน แต่เราดูที่ขนาดเตียง เลือกเตียงใหญ่หน่อย จะได้นอนกันสบายๆ 3 คน
ตอนจองมา ราคาอยู่ที่คืนละ 2000 กว่าบาท พอมาถึง พนักงานคิดราคาให้เหลือคืนละ 1500 บาท
อาจจะเพราะเป็นสมาชิกของรร อยู่ก่อนแล้ว เพราะเพื่อนอีกห้อง ไม่ได้ลดขนาดนี้
เหตุผลหลักๆ ที่จอง Toyoko Inn เพราะ
1 ราคาถูก
2 เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี ไม่คิดตังเพิ่ม
3 มีอาหารเช้า ประหยัดเงินในกระเป๋าไป 1 มื้อ
และเช้าวันนี้ คือ ฝนตกหนัก เลยเปลี่ยนไปเที่ยวดูปราสาทโอซาก้า แบบฟรีๆกันดีกว่า
เพราะถ้าฝนตกหนักขนาดนี้ซื้อตั๋วเข้า universal คงไม่คุ้มแน่ๆ
ไปเดินดูประสาทโอซาก้าทั้งฝนๆ กันนี่แหละ มาแล้วนี่
แวะซื้อร่มกันหน่อย ต้องใช้ร่มคนละคัน ของใครของมัน
พาไปชมปราสาทโอซาก้ากัน คือเดินไกลมาก กว่าจะเข้าไปใกล้ๆตัวปราสาท ฝนก็ตกหนัก คนก็ยังเที่ยวกันเยอะมากๆ
ดูจากเม็ดฝน ตกหนักแบบนี้ทั้งวันนะ แต่ไม่มีลม ไม่มีพายุอะไร
แต่ลูกชายก็ยังยิ้มได้ เดินเก่ง
แวะเข้าไปหลบฝนกันก่อนดีกว่า ข้างในมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกเพียบ
ของฝากที่นี่น่ารัก เป็นปราสาทโอซาก้า แต่ซื้อไปไม่ได้อ่ะ ฝนก็ตกหนัก ทั้งกางร่ม ทั้งถ่ายรูป กลัวซื้อไปมันจะเปียกหมดไปไม่ถึงบ้าน
แฮปปี้แค่ไหน ดูจากสีหน้า
หลังจากรองเท้าเปียกน้ำกันเป็นแถว จะมีก็แต่ลูกชายที่แม่มันเตรียมรองเท้าไป 2 คู่ ไม่ใช่ผ้าใบ เลยสบายหน่อย
ตอนนี้เรากำลังจะนั่งรถไฟไป Aquarium Kaiyukan หาที่หลบฝนหน่อย
คนเยอะมาก เข้าคิวซื้อตั๋วนานเลย ค่าตั๋วก็คนละ 2100 เยน (600 บาท) เด็กอายุไม่เกิน 11 ปี ครึ่งราคา
สำหรับใครที่อยากพาเด็กๆมาเที่ยว แนะนำเลยนะคะ ใหญ่โตอลังการคุ้มค่าตั๋วมาก อิอิ
เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจมากๆ
อยู่ตรงนี้นานๆ แล้วหิว อยากกินขาปูยักษ์
จุดนี้ อยู่กันนานมาก จุดขายของที่ระลึก มีแต่ของน่ารักเต็มไปหมด
ลูกชายได้ตุ๊กตาแมวน้ำมา 1 ตัว เป็นของที่ระลึก
มื้อเย็นวันนี้ คุณอูชิดะ เจ้านายเก่าของสามี พามาเลี้ยง เป็นมื้อที่อร่อยมาก แล้วก็แพงมากๆๆ เกรงใจมากๆแต่ก็ขอบคุณมากๆค่ะ น่ารักที่สุด
หลังจาก กินข้าวเสร็จก็เกือบสามทุ่ม ฝนที่ตกทั้งวันก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุด จะบอกว่า ร่มเราพังไป 2 คัน เพราะหัวค่ำลมแรงมากๆๆๆ
แต่เราก็ยังไม่เข้าห้องนะ ไปเที่ยวต่อจ้า ไปย่านโดทงโบริ ไปถ่ายรูปกะป้ายไฟกุลิโกะ กันซักหน่อย เดี๋ยวจะมาไม่ถึง Osaka
มาถึงก็เกือบ สี่ทุ่มแล้วอ่ะ ร้านค้าเริ่มปิดหมดแล้ว อยากมากินทาโกะยากิ ก็ปิด ขาปูยักษ์ ก็ปิด
นั่งรถไฟฟกลับถึงห้อง ห้าทุ่มกว่า สรุปว่า วันนี้เที่ยวตั้งแต่ 8 โมง ยัน 5 ทุ่มเลยทีเดียว
เด็กๆ ก็ถือว่าเก่งกันมาก ไปไหนไปกัน ไม่มีบ่น ไม่งอแง
เช้าวันที่ 2 นี้เราจะต้องลากกระเป๋าไปขึ้นรถไฟ ไปเกียวโต วันนี้ฟ้าใส ต่างจากเมื่อวานมาก
นั่งรถไฟไป 1 ชม ก็ถึงสถานีเกียวโต อันดับแรกก็หาล็อกเกอร์ ฝากกระเป๋ากันก่อน
สถานีนี้มีล็อกเกอร์ให้ฝากกระเป๋าเยอะมากๆ เดินเลือกเอาเลย หยอดเหรียญ ไป700เยน ได้ ล็อกเกอร์ขนาดใหญ่
สำหรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ
ถ้า 500 เยน ได้ขนาดเล็กเราสามารถเอากระเป๋าไซส์ 24 นิ้ว เข้าแนวนอนได้สบายๆ
มาถึงตรงนี้ คือ มึน งง เพราะสถานีเกียวโตใหญ่มาก กว่าจะหาจุดซื้อตั๋ว รถบัสเที่ยวในเกียวโตได้ เดินหาซะทั่ว พอได้ตั๋วมา
ต้องมายืนต่อคิวขึ้นรถบัสอีกนานมากๆ คนเยอะมาก และนี่คือคิวรอรถบัส และกว่าเราจะได้ออกเที่ยวกัน ก็บ่ายโมงแล้ว
รถบัสในเกียวโตนี่สุดยอดของความแออัด แทบจะหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว อึดอัดมาก ณ จุดนี้ต้องงัดยาดมมาดม หายใจไม่ออก
จุดหมายแรกของเราคือ วัดน้ำใส ลงรถแล้วก็พากันเดินๆๆ ไกลมากกกก
ทางขึ้นเนิน เดินไปก็หอบไป เหนื่อยกันเลย แต่ด้วยอากาศดี ประมาณ 16 องศา ก็เดินกันไม่ร้อน
ถึงแล้วจ้า เดินถ่ายรูปเล่นกัน เพลินๆ
ถ้ามาช่วง กลางเดือน พย เจอใบไม้เปลี่ยนสี คงจะสวยมากๆเนอะ
เราออกจากวัดน้ำใส ประมาณ 4 โมงแล้ว ก็เลยขึ้นรถบัสไปเดินเที่ยว แถวย่าน Gion น่าเดินเที่ยวนะ บ้านญี่ปุ่นแบบโบราณๆ
หลังจากเดินเล่นกันจน 6 โมงกว่า เราก็นั่งรถบัสกลับไปหาไรกินที่ สถานีเกียวโต แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ในนี้จนถึง 4 ทุ่มกว่า
เพื่อรอขึ้น night bus ที่นี่
อยู่ในสถานีนี้ไม่มีเบื่อ เพราะมีห้าง มีของกิน มีของช็อปเยอะมาก เดินกันจนเบื่อ
หลังสามทุ่มก็เริ่มหมดสภาพ
การจองตั๋ว night bus นั่งจาก เกียวโต ไป คาวากุจิโกะ เนี่ย จริงๆ เค้าให้จองล่วงหน้าในเวปมาก่อน 1 เดือน แต่บ้านเราแผนมันค่อนข้าง ไม่มีแผน
เลยมาจองเอาตอนอยู่โอซาก้า ค่อนข้างเสียเวลามากๆๆ เพราะต้องไปหาสถานีรถบัสเพื่อจอง ต้องรอเช็คสถานะรถว่าง ทุกอย่างมันกินเวลาเที่ยวไปหมด
แต่ก็นะ ได้ประสบการณ์ว่า ไม่เอาไม่ทำอย่างงี้แล้ว ค่าตั๋วรถบัส คนละ 1900 บาท เด็กครึ่งราคา แพง!!!แต่เราอยากเห็นฟูจิซังนี่นา ยอม
ขึ้นรถบัส 5 ทุ่ม รถที่นี่ตรงเวลามากๆๆๆ ถึงจุดหมาย แปดโมง คือตัวเราเป็นคนนอนยากอ่ะ กินยาแก้เมาเล้ย กะหลับยาว แต่ก็รู้สึกหลับๆตื่นๆตลอดๆ
ลูกชายขึ้นรถปุ๊ป หลับยาวถึง 8 โมงเลย
บล็อคหน้าเราจะพาไปชม ฟูจิซังที่โผล่มาทักทายกันตั้งแต่ในรถกันเลยทีเดียว
เอาฤกษ์เอาชัยก่อน อิอิ