ตอนที่ 145 - เกิดอะไรขึ้นกับบูอินของผม
***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย****
ที่เมืองคังนึง
ในที่สุดการถ่ายทำรายการ Infinty Girls ก็ สิ้นสุดลง ทีมงานกำลังเก็บข้าวของอุปกรณ์ต่างๆขึ้นรถ ฮยอนจุงซึ่งยืนอยู่ข้างฮวางโบกำลังกล่าวคำอำลากับทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆใน รายการ
บองซันถอนหายใจและพูดด้วยความเสียดายว่า “โอ เสียดายจังเลยนะ ที่วันนี้เวลามันหมดไปเร็วจริงๆ นี่เธออุตส่าห์มาตั้งไกลเพื่อจะเจอกับพวกเรา...คราวหน้าเธอมาเป็นแขกรับเชิญ ในรายการของเราเลยได้มั้ยจ๊ะ?
ฮยอนจุงยืนยิ้มเขินๆแทนคำตอบ...(คงไม่ไม่ไหวมั้งฮะ ผมคงแย่แน่ๆ)
ชินยังช่วยพูดตื๊อต่อไปว่า “ถ้าเธอไม่สามารถจะมาเป็นแขกในรายการละก็...ถ้าพวกเราจะชวนเธอไปกินอาหารมื้อเย็นด้วยกันละ ได้ป่ะ”
ซีอาช่วยแจมทันทีว่า “ พวกเราจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเธอเองนะจ๊ะ”
โบรัมโวยใส่เพื่อนๆขึ้นมาว่า” นี่พวกเธอ มันดูไม่น่าดูสงสารเกินไปหน่อยเหรอ...นี่เราต้องอ้อนวอนขอร้องพ่อรูปหล่อคนนี้ไปกินข้าว แล้วยังต้องเสียเงินจ่ายค่าอาหารอีกอ่ะ?”
ฮวางโบเห็นท่าทางไม่ดีกลัวคุณสามีจะถูกป้าๆรุมทึ้งจึงรีบฉุดแขนคุณสามีให้เข้ามาใกล้ๆแล้วบอกว่า “เธอปฎิเสธพวกเขาไปก็ได้นะ ถ้าไม่อยากไปน่ะ...”
ซีอาว่า “ไม่นะคะพี่ พวกเราเต็มใจเลี้ยงเขานะคะ”
เมื่อป้าๆยังยืนยันเสียงแข็ง ฮวางโบจึงเปลี่ยนแผนใหม่บอกไปว่า “ถ้างั้น ชั้นจะขอเก็บค่าตัวคนละห้าหมื่นวอน ถ้าพวกเธออยากจะไปทานข้าวกับชิลลาง”
อึนยีได้ยินก็พูดว่า “แหมคิดได้ไงเนี่ย มีความสุขมากมั้ยจ๊ะ ที่หารายได้จากการเอาแฟนตัวเองมาเที่ยวขายแบบนี้น่ะ?”
ฮวางโบสะดุ้งโหยง “โอ พระเจ้า..พี่นี่เล่นแรงอ่ะ”
ฮยอนจุงได้ยินก็อมยิ้มอยู่เงียบๆ...
อึนยีรีบหันไปพูดกับฮยอนจุงเป็นเชิงขอโทษว่า “ฮ่าฮ่า..โทษทีนะ ชั้นไม่ตั้งใจจะเธอพูดล่วงเกินอะไรเธอหรอกนะจ๊ะ เจบู (น้องเขย)”
ชายหนุ่มรีบค้อมศีรษะพร้อมกับบอกว่า “ไม่เป็นฮะ กรุณาอย่ากังวลเรื่องผมเลยนะฮะ”
ที่สนามบิน คัง นึง
คู่ผักกาดหอมนั่งคุยกันอยู่ที่บริเวณที่นั่งผู้โดยสารบริเวณประตูทางออกขึ้นเครื่อง
ฮยอนจุงว่า “วันนี้ผมมีคิวถ่ายละครแถวนี้ด้วยฮะ”
ฮวางโบถามด้วยความสนใจ “ที่ไหนเหรอ?”
ชายหนุ่มหันไปมองทางภูเขาซึ่งอยู่ด้านนอกแล้วพูดว่า “ที่สกีรีสอร์ตฮะ”
“มิน่าล่ะเธอถึงมาหาชั้นที่นี่ได้”
“……………………….”
“เธอน่าจะบอกชั้นก่อนล่วงหน้านะ...ชั้นไม่รู้เลยว่าเธอจะมาที่นี่น่ะ...”
...คุณสามีไม่ตอบแต่กลับถามด้วยน้ำเสียงที่ดูห่วงใยว่า “ คุณจะโอเครึเปล่าฮะ ถ้าต้องกลับไปอยู่ที่บ้านคนเดียวน่ะ?”
“โอเค ....ไม่ต้องห่วงชั้นหรอก”.
“...ผมได้ยินทีมงานบอกว่า ผมต้องอยู่ต่อที่นี่อีก 2 วันฮะ..”
“เพื่อถ่ายละครน่ะเหรอ?”
“ใช่ฮะ”
เธอพูดพลางหันไปจับปกเสื้อเขาขึ้นเพื่อเพิ่มความอบอุ่น “ถ้างั้น..ระหว่างที่อยู่ที่นี่ ก็อย่าลืมใส่เสื้อผ้าหนาๆให้อุ่นๆเข้าไว้นะ...จะได้ไม่เป็นหวัด”
...ฮยอนจุงมองเธอด้วยความห่วงใยแล้วก็ถอนหายใจ...(ผมเป็นห่วงคุณมากกว่าฮะ)
เธอตบหลังเขาเบาๆแล้วพูดว่า “ชั้นว่า ตอนนี้เธอน่าจะกลับได้แล้วน่ะ”...?
“ฮะ”เขาตอบแต่สีหน้ากลับดูเศร้าสร้อยเหมือนไม่อยากจากเธอไป
“ว่าแต่..เธอมาที่นี่คนเดียวโดยไม่มีผู้จัดการตามประกบมาด้วยเหรอเนี่ย?”
“อีกเดี๋ยว พี่เขาก็คงจะมาถึงที่นี่แล้วล่ะฮะ ผมแค่ล่วงหน้ามาก่อน เพื่อมาพบคุณ.”
ระหว่างนั้นก็มีเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์สายการบิน ให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปโซลขึ้นเครื่องได้แล้ว
“คุณไม่มีงานที่อื่นต่อแล้วใช่มั๊ยฮะ”
“มีแค่รายการวิทยุตอนเย็นจ้ะ.”
เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วบอกเธอ “...เอ่อ...คุณน่าจะไปที่คลินิคให้คุณหมอตรวจหน่อย...ดีมั้ยฮะ?”
หญิงสาวพูดยิ้มๆว่า..”.ชั้นไม่ได้เป็นอะไรซ่ะหน่อย…ไม่ต้องห่วงหรอกจ้า”
“คุณจะรู้ได้ไงว่าไม่ได้เป็นอะไร ผมว่า..ทางที่ดีคุณควรจะโทรไปนัดพี่ชายคุณ และก็ไปให้เขาตรวจดูจะดีกว่านะฮะ”...
“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้า...ชั้นดูแลตัวเองได้..”
“อีกสามวัน ผม...ก็คงจะกลับโซล..ยังไงคุณก็รอผมหน่อยนะฮะ”
“โอเคจ้ะ”เธอพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเพื่อให้เขาสบายใจในยามที่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน
เขามองหน้าภรรยาสุดที่รักด้วยสายตาแสดงความห่วงใย พร้อมกับถอนหายใจออกมา...
หญิงสาวพยายามทำตัวสดชื่น กล่าวอำลาพร้อมกับอวยพรคุณสามีว่า “.โชคดีนะจ๊ะ ขอให้การถ่ายทำราบรื่นด้วยดีนะ”
“...โอเคฮะ ดูแลตัวเองให้ดีดี ทานอาหารที่มีประโยชน์และมากๆ ในระหว่างที่ผมไม่อยู่นะฮะ”เขาโบกมือให้เธอและยืนส่งเธอจนลับตา
ที่อพาร์ทเม้นท์ของฮวางโบ
เมื่อ กลับมาถึงห้องหญิงสาวก็ล้มตัวลงบนเตียงนอน เพียงชั่วครู่เธอก็หลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยและเพลียจากการถ่ายทำรายการ มหาโหดที่ผ่านมา ในขณะที่ฮยอนจุงกำลังอยู่ในกองถ่ายทำละครที่สกีรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ที่เมืองปี-ยอง-ชาน ในจังหวัด กังวอนโด เกาหลีใต้
ภาย ใต้แสงไฟเจิดจ้าของกองถ่ายละคร นักแสดงต่างกำลังแสดงตามบทบาทของแต่ละคนในฉากที่กำลังถ่ายทำอยู่ ในขณะที่จะฮยอนจุงซึ่งมีแววตาที่ดูซึมเศร้าไร้ชีวิตชีวา ยืนอยู่ที่ด้านข้างกำลังยืนฟังคำแนะนำจากผู้กำกับ ระหว่างที่ฟังชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึม มีบางช่วงที่เขาหันไปมองอีกด้านนึงของฉากซึ่งมืดสนิทเหมือนกับคิดอะไร บางอย่างในใจ
เช้าวันต่อมา
ฮวาง โบตื่นนอนขึ้นมาในสภาพที่ยังดูสลึมสลือ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำตรงไปห้องครัวเพื่อเปิดตู้เย็น แต่แล้วเธอก็ยืนหยุดนิ่งอยู่ครู่ใหญ่เหมือนกับยังไม่ค่อยได้สติ ก่อนจะกระพริบตาช้าๆแล้วเอื้อมมือไปหยิบกล่องนมออกมาจากในตู้
และช่วงสายของวัน ฮวางโบก็ผลอยหลับไปอีกรอบในขณะที่นั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ยาว จน กระทั่งช่วงเย็น หญิงสาวถึงได้ตื่นขึ้นมาเนื่องจากเสียงเห่าระงมของบรรดาน้องหมาที่เธอเลี้ยง ไว้ เธอลืมตาขึ้นมาและจ้องมองที่เพดานด้วยความงุนงง
ในวันรุ่งขึ้นต่อมา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องนอนของฮวางโบ หญิงสาวรับสายในขณะที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“สวัสดีค่ะ”หญิงสาวพูดทั้งๆที่ตายังคงปิดอยู่
“คุณไม่สบายหรือฮะ?” เสียงฮยอนจุงที่ปลายถามถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง
“ชิลลาง...เหรอ?
“ใช่ฮะ”
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆก่อนจะพยายามตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ปกติว่า “ไม่จ้ะ...ชั้นแค่กำลังหลับอยู่น่ะ..เสียงมันก็เลยอู้อี้เหมือนคนไม่สบาย...”
“เมื่อคืนคุณทำอะไรอยู่ทั้งคืนหรือฮะ? ทำไมป่านนี้ถึงยังนอนอยู่?”
หญิงสาวหัวเราะคิกก่อนตอบไปว่า “เมื่อคืนชั้นออกไปข้างนอกทั้งคืนเพิ่งจะกลับมาตอนตีห้านี้เองจ้ะ...”
ชายหนุ่มได้ยินก็พ่นลมหายออกมาก่อนจะพูดแกมบ่นว่า..”.แบบนี้ไงล่ะ...ผมถึงปล่อยมือจากคุณไม่ได้ซักที คุณนี่ชอบทำให้ผมเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย ”.
“...เธอนี่ปากดีจริงนะ ได้ยินเสียงเธอแบบนี้..ชั้นก็หายคิดถึงเธอแล้วละ”
“คุณไม่เป็นไรจริงๆนะฮะ?”
“ขั้นก็แค่รู้สึกเพลียๆน่ะจ้ะ...อืม..อาจจะเป็นเพราะเป็นหวัดนิดหน่อย เพราะช่วงนี้อากาศมักจะเปลี่ยนแปลงน่ะ”
“แล้วคุณทานยาหรือเปล่าฮะ?”
“ชั้นไม่แน่ใจว่ามันจะโอเครึเปล่า ถ้าจะต้องทานยาแก้หวัดเข้าไป...ก็เลยยัง...”
“ผมว่า..คุณควรจะไปโรงพยาบาลให้เขาตรวจหน่อยก็ดีนะฮะ”
“เอาไว้ถ้าอาการมันแย่ลงกว่านี้ ค่อยไปก็แล้วกัน”
“พรุ่งนี้ผมก็จะกลับโซลแล้วนะฮะ”
“งั้นเหรอ ดีใจจังจะได้เจอชิลลางแล้ว”
“แต่หลังจากกลับมาพักที่โซลวันนึงแล้ว ผมก็ต้องไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัดอีกฮะ”
“งั้นเหรอ ”
“.........................”
“เวลาแต่ละวันผ่านไปเร็วจัง..นั่นเป็นเพราะช่วงนี้เธองานยุ่งมากๆเลยสิน่ะ...”
เขายังคงกังวลเรื่องอยู่เรื่องเดิม “ตกลงคุณจะไปโรงพยาบาลใช่มั้ยฮะ?”
“จ้า ว่างเมื่อไหร่ชั้นจะไปโรงพยาบาลนะ ส่วนเธอเองก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกัน ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน...”
“ปีนี้เป็นปีที่ยุ่งมากกว่าปีที่แล้วอีกนะฮะ ผมแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเลย”
“ใช่แล้วล่ะ...ตอนนั้น...เรื่องต่างๆมันยุ่งเหยิงจนแทบจะเป็นบ้าเลยล่ะ...”
“ยังไงซ่ะ คุณอย่าลืมไปหาหมอนะฮะ”
“จ้า ไม่ต้องห่วง วางหูได้แล้ว มันเปลือง”เธอพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ
“เดี๋ยวฮะ ผมยังไม่ได้ทักทายฮยอนซึเลย คุณช่วยเอาโทรศัพท์แนบพุงหน่อยได้มั๊ยฮะ ผมอยากทักทายแก”
“ฮ่า ฮ่า เธอนี่ขี้เห่อจริงๆเลยน่ะ ฮยอนซึตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องหรอก ฮ่า ฮ่า” เธออดขำกับว่าที่คุณพ่อขี้เห่อไม่ได้
“ไม่นะฮะ ผมเคยได้ยินมาว่า ..เด็กจะได้ยินและคุ้นเคยเสียงของพ่อตั้งแต่วันที่แกเป็นตัวเป็นตนแล้วละฮะ เร็วสิฮะ “
“โอเคจ้า ฮยอนซึจ๊ะ อัปปาฮยอนจุงจะคุยด้วยนะ” ว่าแล้วเธอก็เอาโทรศัพท์แนบกับพุงน้อยๆที่นับวันเริ่มจะโตขึ้น
“ฮยอน ซึลูกพ่อ อยู่กับแม่อย่าดื้อ อย่าซนนะ เดี๋ยวคุณแม่จะไม่สบาย ตอนนี้พ่อกำลังทำงานหาเงิน พ่อนับวันนับคืนจะได้เห็นหน้าลูก อีกไม่นานเราก็จะได้เจอกัน ลูกต้องเป็นเด็กดีและเชื่อฟังพ่อและรักคุณแม่ให้มากๆนะ” น้ำเสียงที่เขาทักทายลูก ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์
“ฮ่า ฮ่า เธอนี่ จริงๆเล้ย ขี่เห่อเป็นบ้าเลยน่ะ” ฮวางโบอดขำไม่ได้
“ก็ฮยอนซึเป็นลูกที่เกิดจากความรักของพวกเรานี่นา..”
“โอเค โอเค ชั้นไม่เถียงเธอแล้วหล่ะ ตั้งใจทำงาน แล้วก็พักผ่อนเยอะๆนะ”เธอพูดตัดบท
“ฮะ ผมคิดถึงคุณนะฮะ”
“เช่นกันจ้า” เธอพูดพร้อมกับกดสายโทรศัพท์ พร้อมถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ได้แสดงออกให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอเหมือนจะมีไข้และไม่สบาย
ช่วงเย็นของวันเดียวกัน ฮวางโบยังคงนอนอยู่เตียง โดยที่มีอึนยีนั่งอยู่ข้างๆ
อึนยีลองเอามือไปแตะที่หน้าผากของเพื่อนรุ่นร้องแล้วบอกว่า “.อืมม...ตัวรุมๆนะ...เธอมีไข้นี่นา..”.
ฮวางโบตอบน้ำเสียงแทบไม่ค่อยมี “.ชั้นเป็นหวัดน่ะค่ะ...”
“แล้วนี่..เธอทานยาเข้าไปบ้างรึยัง?”
“แล้วค่ะพี่.”
“.........................”
ฮวางโบรู้สึกเกรงใจที่ทำให้เพื่อนร่วมงานมาเยี่ยม “จริงๆ..พี่ไม่น่าลำบากมาถึงที่นี่เลยนะคะ”
อึนยีตอบทันที “ก็วันก่อนนั้น...เธอดูอาการไม่ค่อยดีเลยนะ...มันก็เลยกวนใจชั้นมาตลอดตั้งแต่กลับมา...”
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะถามกลับไปว่า...”วันนั้นชั้นทำตัวเป็นคุณหนูผู้อ่อนแอเกินไปใช่มั้ยคะพี่?”
“นี่.เธอไม่สบายตั้งแต่วันนั้นรึเปล่า?”
“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นค่ะ...”
“.........................”
“.........................”
อึนยีถามยิ้มๆว่า “แล้วฮยอนจุงเขาว่ายังไงบ้างล่ะ?”
“ พี่หมายถึงอะไรคะ?”
“เขาไม่เคยขอร้องให้เธอเลิกทำรายการ IG บ้างเลยเหรอ? “อึนยีอดสงสัยไม่ได้
หญิงสาวหันไปมองหน้าอึนยี “.ทำไมพี่ถึงพูดอย่างนั้นล่ะคะ?”
อึนยีหัวเราะคิกก่อนตอบไปว่า “คือว่า...ก็วันนั้นน่ะ...ท่าทางของเขาดู...(เหมือนอยากจะงาบหัวพวกเราทุกคนเข้าไปแล้วอ่ะ)”
“เขาเป็นยังไงหรือคะพี่?”
“ท่าทางของเขาดูจะไม่พอใจ....เอ...หรือว่าจะมีแค่ชั้นคนเดียวที่เห็นนะ? เธอได้เห็นสีหน้าของเขาด้วยรึเปล่า? เธอน่าจะรู้จักเขาดีกว่าชั้น....”
“ชิลลาง...เขาก็แค่เป็นห่วง และกลัวว่าชั้นจะหนาวจนไม่สบายน่ะคะ....”
“อืมม....เข้าใจแล้วล่ะ...”อึนยีโล่งอก
...หลังจากพยายามช่วยแก้ตัวให้คุณสามีหญิงสาวก็หลับตาลงอีกครั้ง อึนยีเห็นอาการของฮวางโบก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ชั้นว่าเธอควรจะไปโรงพยาบาลดีกว่านะ อาการเธอดูแย่จริงๆเลยอ่ะ” “...ชั้นไม่เป็นไรค่ะ” “ไม่เป็นอะไรของเธอฮึ...ดูสิหน้าตาซีด..ตัวก็ร้อน..ลุกจากเตียงแทบไม่ขึ้นแบบนี้อ่ะนะ” “จริงๆค่ะ...ชั้นโอเค...” “ดูสิเนี่ย? เธอน่ะเป็นคนประเภทที่จะไม่ยอมปริปากออกมาซักคำถึงแม้ว่าป่วยจนแทบจะหามเข้าวัดได้แล้ว” “ถ้าชั้นตายจริงๆ...ชั้นก็คงไม่สามารถพูดอะไรได้ถึงแม้ว่าอยากจะทำอย่างนั้นก็ตาม...” “ยังมีแรงปล่อยมุขอีกเหรอ งั้นชั้นเดาว่าเธอคงจะโอเคจริงๆเพราะยังมีแรงคิดมุขตลกออกมาได้.” “ชั้นบอกแล้วไงคะว่า ไม่เป็นไร…” “อยากให้ชั้นออกไปซื้อยาแก้หวัดมาให้มั้ยล่ะ?” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆก่อนพูดแกมบ่นว่า “พระเจ้า ยังไงพี่นี่ก็ต้องดูแลชั้นให้ได้ใช่มั้ยคะ! ตามใจพี่เถอะค่ะ” “โอเค งั้นเดี๋ยวชั้นไปซื้อแล้วจะรีบกลับมานะ เมื่ออึนยีกลับมาที่ห้องพักหลังจากไปซื้อยา ฮวางโบยังคงนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน “ชั้นกลับมาแล้วจ้ะ มียามาให้เธอด้วยนะ”อึนยีบอกขณะที่เดินเข้ามาใกล้ๆเตียง “.........................” เธอพยายามเรียกคนป่วยที่หลับอยู่ตรงหน้า “...นี่เธอหลับอยู่รึเปล่าน่ะ?” “.........................” อึน ยีชักรู้สึกไม่ค่อยดีหลังจากไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนป่วยแม้แต่น้อย จึงก้มลงไปมองใกล้ๆและพบว่าที่หน้าผากของฮวางโบมีเหงื่อเปียกชุ่มส่วนใบหน้า ก็ซีดจนแทบจะไร้สีเลือด... เมื่อเห็นดังนั้นเธอก็เริ่ม รู้สึกกลัวว่าฮวางโบจะอาการหนัก “นี่..เฮจุง”อึนยีพยายามเอามือไปตบที่แก้มเบาๆแล้วส่งเสียงเรียกดังขึ้นอีก “นี่เธอ ตื่นได้แล้ว เฮจุง เธอเป็นอะไรมากรึเปล่า” ตอนนี้อึนยีเริ่มเครียดและกังวลสุดๆ หลังจากหันซ้ายหันขวาว่าจะทำอย่างไรดีในที่สุดก็ไปหยิบโทรศัพท์มือถือของฮวางโบมา ระหว่างนั้นก็มีเสียงเรียกแผ่วๆขึ้นมาว่า “พี่คะ...” รุ่นพี่ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยิน “โอ๊ะ นี่เธอตื่นแล้วเหรอ ชั้นใจคอไม่ดีเลยนะ”เธอก้มลงมองหน้าฮวางโบขณะที่พูด “อย่าโทรไปนะคะ”หญิงสาวเอ่ยปากห้ามทันที อึนยีถาม “โทรไปไหน?” เธอตอบในขณะที่หลับตาอยู่อย่างนั้น “ห้ามโทรไปที่ไหนทั้งนั้นค่ะ...” “นี่เธอกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ?” “อย่าโทรนะคะพี่...ชั้นไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วง ได้..โป รด....”แต่พูดยังไม่ทันจบหญิงสาวก็หมดสติไป อึนยีร้องเรียกเสียงดังด้วยความตกใจสุดขีด “นี่เธอออออ? เฮจุงงงงงง!!!!เป็นอะไรไปนะ ชั้นกลัวแล้วนะ” อึนยีพยายามเขย่าตัวเพื่อปลุกฮวางโบอยู่พักนึง ก็นึกขึ้นมาได้ว่าถือโทรศัพท์อยู่ในมือ หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เธอก็ตัดสินใจกดปุ่มโทรด่วนสำหรับหมายเลขพิเศษแล้วนั่งรอฟังเสียงตอบรับจากปลายสายอย่างใจจดใจจ่อ... ไม่นานนักก็มีเสียงพูดทักกลับมาว่า “เฮ้ ผมเพิ่งจะเสร็จงานเมื่อกี้นี้เองฮะ นี่คุณคิดถึงผมมากขนาดนี้เลยเหรอฮะเนี่ย” อึนยีสูดลมหายใจเข้าไปลึกเพื่อรวบรวมสติก่อนจะพูดตอบไปว่า “เจบู...นี่พี่เองนะ” “สวัสดีฮะ? “(พี่? พี่ไหนหว่า?) ฮยอนจุงรีบทักทายกลับมาด้วยความประหลาดใจ น้ำเสียงปลายสายตอบไม่เต็มเสียง “นี่ชั้นเอง...ซองอึนยี..”. “โอ๊ะ...สวัสดีฮะ” “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” “ที่นี่เหรอฮะ?.เมืองปี-ยอง-ชาน ฮะ? “ อึนยีถามต่อไปด้วยท่าทีลังเลว่า..”เมื่อกี้เธอบอกว่าเสร็จงานแล้วใช่มั้ย?” “โอ? .ใช่ฮะ” “ถ้างั้น...เธอก็คงกำลังจะกลับมาโซลคืนนี้เลยใช่มั๊ย” “ผมกะว่าจะกลับไปตอนพรุ่งนี้เช้าน่ะฮะ...?” “กลับพรุ่งนี้เลยเหรอ”อึนยีหยุดแค่นั้น เพราะเธอนึกได้ว่า ฮวางโบไม่ต้องการให้บอกเรื่องนี้กับฮยอนจุงเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นกังวล แต่ สัญชาตญานหรือเพราะความผูกพันมันทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้น หลังจากได้ยินคำถามแปลกๆเป็นชุดๆจากเพื่อนสนิทของภรรยา...”มีอะไรเกิดขึ้นรึ เปล่าฮะ?” “...ชั้นก็ไม่แน่ใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้องรึเปล่าที่โทรมาหาเธอ” ฮยอนจุงพูดพึมพำว่า “นี่มันเป็นเบอร์โทรศัพท์ของบูอินนี่นา...” อึน ยีชำเลืองมองไปที่คนป่วยก่อนจะพูดต่อไปว่า...”ตอนนี้ เฮจุงเขาไม่สบายมากเลยนะ คือชั้นไม่รู้จะทำยังไงดี แต่เขาไม่ให้บอกเธอเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นห่วง แต่ว่า..ตอนนี้ .....” "คุณจะเป็นอะไรไม่ได้นะฮะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมจะอยู่ได้ยังไง..ผมมีชีวิตอยู่ได้...ก็เพราะคุณนะฮะ..ฮวางบูอิน" เขาบ่นพึมพำ โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ ตอนต่อไป หมายเหตุ..เหตุเกิดในตำนานซางชู เมืองปียอนชาง เมืิองปิ ยองซาง เป็นเมืองอันสวยงามเมืองหนึ่งในเกาหลีใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่ไว้ค่อยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุม โลกการเดินทางท่องเที่ยวปียอนชาง จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งทริปที่สามารถสร้างความประทับใจ ความน่า หลงใหล ไม่ได้มีแค่ทัศนียภาพอันสวยงามหรือแค่สิ่งก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์แต่ยังมี อาหารประจำท้องถิ่นไว้ค่อยบริการและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ด้วยรสชาดที่ไม่เหมือนอาหารชาติใด วัตถุดิบเฉพาะของท้องถิ่นและพ่อครัวหรือแม่ครัวที่เชี่ยวชาญในการปรุงคงจะดี ไม่น้อยถ้าท่านจบวันท่องเที่ยวอันแสนสนุก ด้วยอาหารประจำถิ่น อีกหนึ่งอย่างที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไม่พลาดทำในระหว่างการเดินทาง ท่องเที่ยว ก็คงหนีไม่พ้นการซื้อของฝากหรือของที่ระลึกซึ่งมีให้ท่านได้เลือกมากมายหลาย ประเภทตามแต่ความชอบของแต่ละคน
Create Date : 10 มีนาคม 2554 |
|
5 comments |
Last Update : 10 มีนาคม 2554 13:20:03 น. |
Counter : 7925 Pageviews. |
|
|
|