|
ขำขัน blog Tag
ขำขัน Blog tag
ในที่สุดก็ถึงกาลที่จะต้องส่งการบ้าน หลังจากที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับบล็อคแท็กมาหลายอาทิตย์แล้ว ตอนแรกได้ของน้องนุก สุดาดวง ้//sudaduang.multiply.com ต่อไปได้ของน้อง Goodgirl //jixmee.multiply.com ก็คิดว่าน่าจะได้เวลาที่จะต้องทำการบ้านแล้ว ตกลงไม่รู้จะลอกใครดี เห็นบอกว่าจะต้องเขียนเรื่องเล่าห้าเรื่องที่เป็นความลับและต้องเป็นที่น่าอับอายขายขี้หน้าอย่างสูง อันนี้เริ่มตั้งแต่เด็กเลยละกัน
หัวการค้าแต่เด็ก
ตอนเด็กมากเลยจำได้ว่าอยู่ประมาณปอสอง คุณน้าได้ซื้อกล่องดินสอสองชั้นให้ สำหรับคนที่อายุยังน้อยๆ อาจไม่เข้าใจว่ากล่องดินสอสองชั้นคืออะไร สมัยก่อนถ้าจะให้เจ๋งต้องมีกล่องด้นสอลายการ์ตูนแล้วมีแม่เหล็ก ซึ่งหลังจากได้อ้อนแม่ให้ซื้อจะต้องมีการแกะแม่เหล็กมาเล่น เมื่อแกะแล้วกล่องดินสอก็จะใช้ไม่ได้คือพัง
คราวนี้ วันหนึ่ง เกิดมีการประดิษฐ์กล่องสองชั้นขึ้นมา คิดดูว่ามันจะกระชากอารมณ์อยากได้ของเราขนาดไหน อันนี้คุณน้าเป็นคนซื้อให้จำได้ว่าเป็นสีฟ้า เราก็เอาไปอวดที่โรงเรียนทันที เป็นอันสำเร็จเพราะทุกคนต่างอยากได้มากกกก แต่เจ้าเพื่อนที่อยากได้ที่สุดเนี่ยเป็นคนรวยสุดในห้องเค้าเดินมาหาพร้อมรถเหล็กคันใหญ่ เป็นรถบรรทุกพ่วงด้วยสีแดง โอพระเจ้า การเจรจาแลกเปลี่ยนของเด็กปอสองก็เกิดขึ้น สรุปเราได้รถเหล็กกลับบ้านไป ส่วนเพื่อนได้กล่องดินสอ
คิดไประหว่างทางว่ามันแสนจะคุ้มเสียนี่กระไร แต่ใจนึงก็กลัวว่าแม่จะต้องว่าแน่ ตอนเย็นเราก็มีการเอารถเหล็กมาเช็คถู ปรากฏว่าทันทีที่แม่เห็น การสอบสวนมันก็เกิดขึ้น สภาพเหมือนศาลไคฟง มีพี่ๆมาเป็นทนายด้วย อารมณ์เด็กตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดนั้น ก็เราได้กำไรนี่ รถก็น่าจะแพงกว่า ยังคิดเลยว่าสงสัยครอยครัวเรารับแต่ราชการจะไปรู้อะไรกับการค้าเช่นนี้
หลังจากถูกขู่แกมบังคับก็จำเป็นต้องรับสารภาพ เป็นอันว่าจะต้องเอารถไปเปลี่ยนเอากล่องดินสอกลับมาในวันรุ่งขึ้น แถมแม่ยังไปคุยกับครูประจำชั้นอีก โอยยย เด็กปอสองรับไม่ได้จริงๆ มันเรื่องที่บ้านทำไมต้องเอามาขยายที่โรงเรียนนะ
เรื่องน่าจะจบลงด้วยดี แต่ว่าเพื่อนเราได้จัดการแกะแม่เหล็กออกหมดแล้ว คุณค่าของกล่องดินสอน่ะไม่เหลือ เพราะแม้ว่าเค้าจะหาแม่เหล็กมาคืนให้มันก็มีราคีคาวไม่สามารถใส่ให้เหมือนเดิมแล้ว ทำไงดี ในที่สุดเราก็ยื่นคำขาดว่า ต้องมีการชำระเงินส่วนเพิ่มสำหรับค่าเสียหาย เพื่อนคนดีก็ควักให้ทันที ห้าบาท มากโขนะสมัยนั้นน่ะ
แม่ยังไม่รู้เลยเรื่องนี้ อย่าไปบอกแม่นะ เดี๋ยวต้องเอาไปคืนเพื่อนอีก หากันไม่เจอแล้วล่ะตอนนี้
เข้าห้องสอบผิด
ตอนเรียนธรรมศาสตร์นั้นพวกเรารักการดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจ เราจะไปก๊งกันที่ท่าพระจันทร์ทุกเย็น สั่งมาคนละกลม ของใครของมัน อ้อ ที่บอกว่ากินที่ท่าพระจันทร์เนี่ยเป็นร้านตึกแถวนะไม่ใช่ผับหรูหราอะไร คือว่าอะไรก็ได้ขอให้มีเหล้าเป็นพอ
ที่มหาลัยเค้าห้ามเอาเหล้าเข้าไปเด็ดขาด การมั่วซื้อเหล้าแล้วใส่มาในเป็บซี่นี่มันเชยเพราะยามจะจับได้ พวกเราก็เอาใส่ในน้ำแดงแฟนต้า ลองคิดถึงรสชาดดูว่ามันจะจันทรุปราคาขนาดไหน
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า จะต้องมีการสอบวิชานึงตอนบ่ายคราวนี้ไปถึงแต่เช้าไม่มีอะไรทำกัน เพื่อนก็บอกว่าเราไปหาที่เย็นๆนั่งกันเถอะ เมื่อก่อนปากประตูท่าพระจันทร์มีร้านติดแอร์อยู่ร้านเดียวเป็นร้านกระจกชื่อร้านสามสาม ขายอาหารและเบียร์ เราก็เริ่มที่จะดริงค์เบียร์กันจนถึงเที่ยง เริ่มที่จะไม่มีใครฟังใคร พอดีเราเหลือบเห็นพ่อเด็นมาน่าจะข้ามไปเยี่ยมใครที่ศิริราช อารามดีใจ เรียกเพื่อนมามุงดูกันในกระจก ก็คิดว่าพ่อคงมองเข้ามาไม่เห็นจากข้างนอก แต่ที่ไหนได้กระจกมันใส เห็นพ่อหยุดหันมาดูแล้วเดินส่ายหัวต่อไป ยังงงพวกเพื่อนบอกว่าพ่อเอ็งท่าทางมีอำนาจจิต
อ้อยอิ่งจนถึงบ่าย เราก็วิ่งเข้าห้องสอบ ด้วยอาการเมาสุดชีวิต คนคุมสอบเค้าดุมากที่นี่ขอบอก ก็แจกข้อสอบ เราก็พยายามทำแต่เกิดอาการงง ผ่านมายี่สิบนาทียิ่งงงหนัก ก็วิชาที่มันต้องสอบเกี่ยวกับบัญชี แต่ข้อสอบทำไมมันถามถึงเรื่องการตลาดเนี่ย ตอนแรกก็คิดว่าอาจารย์ท่านครีเอทีพขนาดหนัก แต่ทำไมมันตลาดทุกข้อเลย ก็หันไปดูชื่อวิชา อ้อการตลาดขั้นสูง นี่เกิดความผิดพลาดกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ
เราก็ยกมือเรียกคนคุมสอบทันที แล้วก็ทำป๋าบอกแกว่า น้าครับ ดีน่ะที่เป็นผม เอาเถอะผมไม่บอกใครหรอก แต่น้าช่วยเอาข้อสอบวิชาที่ถูกต้องมาให้ผมดีกว่า เนี่ยแจกข้อสอบผิดผมเอาไปบอกเพื่อนได้นะ ทำนองลำเลิกบุญคุณกะเค้าอีก คุณน้าคุมสอบเอารายชื่อคนสอบมาดู แล้วขอดูบัตรนักศึกษาเรา หันมาดูนาฬิกาข้อมืออีกที ยังจำภาพแกได้ ว่าแกบอกว่า เหลือนาทีเดียวเค้าจะตัดสิทธิคุณไม่ให้สอบแล้ว วิ่งเลยนะสุดชีวิต ห้องสอบคุณอยู่อีกฝั่งนึงของตึก
เวรกรรม
เราคือแก๊งค์ทมิฬ
อันนี้ต่อเนื่องจากการดื่มสุรา ก็ท่าพระจันทร์นี่มันน่าเบื่อแล้วนั่งมาก็แทบทุกร้านถิ่นเราไม่เร้าใจ มีความคิดว่าต้องไปหาอะไรน่าสนใจกว่าที่อีกฝั่งแม่น้ำ ท่าพรานนกหรือท่าศิริราชมันดูจะธรรมดา วันนึง ก็มีไอเดียกันว่าต้องไปอีกหน่อยคือสี่แยกตรงโรงบาลศิริราช ที่นั่นจะมีร้านมืดมือ ติดไฟริบหรี่เหมือนคาเฟ่อยู่ น่าสนใจมากกกก วันนั้นพาไอ้ตุ๋ยน้องปีหนึ่งไปด้วยถ้าจำไม่ผิด
เข้าไปแล้วเหมือนเราหลุดไปแถวบ้านโป่งคาเฟ่ ทำนองนั้นเลยดูดิบมากๆ หลังจากบรรเลงไปได้สองขวดน้องตุ๋ยก็เริ่มเสียงดัง ยิ่งบอกให้เงิยบยิ่งท้าทาย ผลคือจิ๊กโก๋แถวนั้นต้องเดินมาถามว่ามีอะไรป่าว เป็นอันว่าคืนนั้นฤกษ์เสีย ยังไม่เที่ยงคืนพวกเราก็ออกจากร้านไปนั่งริมฟุตบาทเรียงหนึ่ง แล้วก็คิดได้ว่าต้องไปต่อที่บ้านเพื่อนที่กระทุ่มแบน
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องไปกระทุ่มแบน แต่ว่าทุกทีต้องไปนอนกันที่นี่น นัยว่าเป็นที่พักอุ่นใจ ที่สำคัญคือไกลดี ได้ฟิลว่ามาต่างจังหวัด แถมวันรุ่งขึ้นยังอู้ไม่ไปเรียนต่อได้อีก
วันนี้นเรามีหกคนมั้ง ตอนนั้นตัวแต่ละคนยังไม่ขยาย ต้องหลอกล่อแท็กซึ่เวลาจะเรียกต้องแอบก่อนไม่ให้เค้าเห็นว่ามีเยอะ พอเค้าตกลงไปเราค่อยกรูกันออกมา เคยเรียกตุ็กๆนะ เค้าบอกว่าเกรงใจไม่กล้าไป ตัดภาพว่ามีคนเมาอ้อแอ้หกคนชายล้วนเบียดมาหน้าสองหลังหกไม่รวมคนขับ
เราเริ่มคุยกะพี่คนขับ แล้วพอทางเปลี่ยวขั้นก็เริ่มคุยกันเองทำนองว่าทางเปลี่ยวแล้ว พกปืนมาด้วย ต้นทาง อะไรเท่ห์ๆแบบนี้ให้สมกับออกจากคาเฟ่มา เพื่อนเราเค้าถามแท็กซี่ว่า เพ่ๆ ไม่กัวพวกเราจี้เหรอ เนี่ย กะลังอยากได้ตังค์นะ แบบว่าเป็นแก็งค์พรานนก อะไรทำนองนี้
แท็กซี่ตอบอย่างสุภาพว่า คุณครับ ผมเพิ่งออกจากคุกมา คดีฆ่าคนตาย ร้อนเงิน และรำคาญมาก ระวังจะถูกจี้ก่อนถึงกระทุ่มแบนนะ
พวกเรา
แอบดูหน้าพี่เค้าตอนลงรถ พี่เค้าหน้าผู้ร้ายมาก จริงจัง คงไม่พูดเล่น
ขึ้นเครื่องบิน
ตอนเรียนที่อเมริกา มีไปดูงานที่ดีซี เราก็โอ้เอ้จะกลับเองตอนขากลับไปบอสตัน แบบเป็นการเดินทางเดี่ยวในประเทศเป็นครั้งแรก แบบอยากทำอะไรให้ประเทศภูมิใจว่าคนไทยน่ะ เดินทางคนเดียวได้ไม่ต้องไปกะฝรั่ง ถึงเวลาเราก็มาตรงเวลาครับ ไปที่ประตูที่ดัลลัสแอร์พอร์ท (Dulles Airport) ทำไมออกเสียงดัลลัสก็ไม่รู้ ตอนแรกเราก็งงว่าไปดีซีนะ ไม่ได้ไปเท็กซัส
ที่ประตูขึ้นป้ายไฟล์ทอื่นอยู่ก่อนเราก็ว่า อ้อคงติดโรคจากประเทศเรา โรคมันฝรั่งเลย์ (Delay) อดทนจนถึงไฟล์ทใหม่ อ้อไปเข้าห้องน้ำเตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่อง กล้บมาเป็นเที่ยวบินใหม่แล้ว เราก็เดินเข้าไป อ้าว ที่นั่งริมหน้าต่างของกระผมมีฝรั่งนี่งอยู่แล้ว แต่โอเค ขี้เกียจโวยวายแล้ว อยากดูวิวก็ตามสบายเลยพรรคพวก เรานั่งริมทางเดินก็ได้ นั่งไปนั่งมาก็มีคนขึ้นช้าสุดแบบไฟนอบคอลแล้ว เพิ่งมา มันคงคิดว่าเท่ห์มากที่ทำให้ทุกคนรอได้ ทำนองว่าเป็นคนสำคัญสุด
เค้าตรงมาที่นั่งเราแล้วบอกว่าเนี่ยที่นั่งเค้า เราก็บอกเลยว่าโอเคไม่เป็นไรเพราะสงสัยเจ้าหมอคนนั่งข้างหน้าต่างคงจะต้องลุกไปนั่งที่อื่นแล้วก็ตรงนั้นที่เรานี่ ก็บอกคุณข้างหน้าต่างว่าโทษทีเหอะอันนี้ที่นั่งไอ ตอนแรกจะไม่กวนแล้วแต่นี่เค้ามาไล่ที่ เค้าทำท่างงแล้วบอกเราว่า ไหนดูบอร์ดดิ้งพาสท์หน่อย เค้าโชว์ของเค้า เราก็เอาของเรามาเทียบ อ้าวทำไมตรงกัน อันนี้ยอมไม่ได้ เราก็เรียกแอร์มาเลยว่าเนี่ยสายการบินยูเพี้ยนยังงี้ นึกภาพตามนะครับ เครื่องบินปิดประตูแล้ว กะลังแท็กซี่ออกมารันเวยืเตรียมขึ้น
แอร์ดูบอร์ดดิ้งพาสท์ของเราแล้วถามว่ายูจะไปไหน เราบอกว่าก็บอสตันน่ะสิ เธอบอกว่าแย่แล้ว แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องกับตันให้เอาเครื่องกลับไปที่เกตใหม่ เราเดินตามงงๆ เธอกลับมาบอกเราว่า เครื่องนี้เค้าไปซีแอตเทิลกัน
ยังจำภาพตอนเดินออกมาจากงวงที่ต่อกับเครื่องบินคนเดียว คนที่นั่นมองกันงงๆ อนิจจาถ้าไม่มีใครมาไล่ที่แล้วเครื่องลงที่ซีแอตเทิลจะทำยังไงเนี่ย
อายครับ อายเครียดเลย
แท็กซี่ด่า เรื่องสุดท้ายแล้ว อันนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ตอนไปเวกัส ก็ที่พักมันอยู่ไกลกับที่สัมมนา เราก็เลยต้องนั่งแท็กซี่ไป ปกติที่อเมริกาเนี่ยการทิปนั้นเป็นธรรมเนียมที่ต้องทำอย่างเคร่งครัด แต่มันเครียดนะสำหรับเราก็ต้องจ่ายตั้งสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของค่าอาหาร มากโขอยู่
วันนั้นอากาศดีแท็กซี่ก็ท่าทางอารมณ์ดี พอถึงที่ เราก็ถามว่าเท่าไร เค้าบอกว่าเก้าเหรียญแปดสิบเซ็นต์ เราก็พูดเป็นปกติว่าขอใบเสร็จด้วย แล้วส่งเงินให้สิบเหรียญ แท็กซี่ มัน ก็ให้ใบเสร็จ เราปิดประตูลงจากรถ
ได้ยินเสียงคนตะโกนด่า
เค้าว่าขอบคุณสำหรับค่าทิปยี่สิบเซ็นต์ แล้วเอาใบเสร็จอีก ช่างแสนกรุณาเสียนี่กระไร บลา บลา บลา
เรานึกว่าเอ๊ะ ใครว่าใครน่ะ แต่ตรงนั้นมีเราเพิ่งลงจากรถ หน้าโรงแรม คนเยอะมากกกกก
อายเป็นนะครับ ไม่ได้ตั้งใจ สัญญาว่าเจอกันอีกจะทิปให้งามๆเลย
ถามคนที่นั่นเค้าบอกว่าต้องให้ประมาณสองเหรียญ
Create Date : 25 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 27 สิงหาคม 2550 13:38:28 น. |
Counter : 643 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ครั้งแรกที่เล่นพนัน
ครั้งแรกที่เล่นพนัน Posted by Ditty on Jan 19, '07 5:40 AM for everyone ในที่สุดก็ถึงวันนี้ วันที่ตบะแตก ก็ที่พักต้องเดินผ่านคาสิโนเกือบสองร้อยเมตรถึงจะขึ้นลิฟต์มาห้องนอนได้ หลังจากทานข้าวเย็นได้ไปลองเลียบๆ เคียงๆ ถามเค้าว่าที่โรงแรมนี้จะทำอย่างไรจึงจะเล่นเครื่องเล่นและการพนันต่างๆได้ เพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับแมงเม่าในรุ่นหลัง ขอบอกว่าต้องทำดังนี้ครับ
หนึ่ง หาพนักงานที่เค้ายืนอยู่ จะมีหูฟังเสียบหูด้วย แล้วถามตรงๆว่าอยากเล่น เค้าก็จะให้บัตรคล้ายๆบัตรเครดิตมา และขอให้เรากรอกแบบฟอร์มเป็นที่อยู่ ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ แล้วขอวันเกิดเรา อย่าหลงระเริงว่าเค้าจะเห็นเราเป็นคนพิเศษ บัตรนี้จะมีแต้มแห่งความไม่ฉลาดให้ นัยว่าเสียเยอะก็ได้แต้มเยอะล่ะ นอกจากนี้คิดว่าเจ้าแต้มนี้น่าจะต่อข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์เพื่อจะได้แกล้งทำเป็นให้เราได้เงินก่อนตอนแรก
สอง ตรงไปเครื่องสลอต เครื่องที่ถูกสุด ยี่สิบห้าเซนต์ อย่าละอายใจครับ มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง ใส่เงินธนบัตรดอลล่าร์ลงไปในช่อง เอาบัตรที่เค้าให้ตามหนึ่งเสียบเข้าไปก่อน หลังจากนั้นจะมีปุ่มให้เราเลือกว่าจะเสียงทีละหนึ่งหน่วย หรือสามหน่วย ถ้าออกมาตรงกับที่เค้ากำหนดไว้ก็ได้แต้มเพิ่ม แล้วเราก็เอาแต้มไปขึ้นเงินได้
สาม กดปุ่มเลยครับ แล้วเครื่องก็จะบอกเราว่าได้แต้มหรือเสีย
สี่ หากเลิกกดปุ่ม แคสเอ๊าท์ จะมีสลิปพิมพ์ออกมา เราเอาไปขึ้นเงินได้ที่เครื่องเอทีเอ็มแถวนั้น หรือ ใช้เป็นเงินเล่นต่อได้
เราจะค้นพบการจินตนาการของตัวเอง ว่าจะทำอย่างไรจึงจะชนะเจ้าเครื่องนี้ได้ ลองมาทุกวิธี ไม่ว่าลองสัมผัสเบาเบา กระแทกแรงแรง ลองกดเร็วบ้าง ช้าบ้าง บางทีได้ตั้งเกือบร้อยเหรียญ จะเลิกก็เกรงใจและสงสารเจ้าเครื่องสลอทที่เล่นด้วย ทำนองว่าเดี๋ยวเค้าจะว่า อ๋อ ได้แล้วหนีรึไง
หลังจากลองเล่นดู ต้องร้องเพลงว่า พี่รู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว อันนี้เป็นจริงตามคำสอนของผู้ใหญ่นะ เราจะรู้สึกฮึกเหิมก็เพราะเรามักจะโชคดีก่อน แล้วพอกำไรแล้ว ก็มักจะไปเสียกับการเล่นอื่นๆ
ตกลงเสียเงินไปตั้งหลายร้อยเหรียญ ขนาดตาละควอเตอร์นะ
แอบไปดูเค้าเล่นอย่างอื่นกัน ขั้นต่ำคือสิบเหรียญ ที่เจ๋งคือ ใช้ถาดหมุนหมุนแล้วปล่อยลูกเข้าไปให้หมุนตามในถาด แล้วเราก็เลือกว่าจะลงช่องอะไร มันน่าอัศจรรย์มาก เรายืนนึกในใจว่าจะเล่นช่องนี้ สรุปว่าถูกช่องอื่นหมดเลย อันนี้ขั้นต่ำยี่สิบเหรียญ อุแม่เจ้า
สรุปว่า ยี่สิบห้าเซ็นต์ ทำให้เสียหายได้เป็นร้อยเหรียญ บัญญัติไตรยางค์ได้ครับว่าถ้าเล่นไพ่ตาละสิบเหรียญน่าจะหมดต้วได้
มิน่า เค้าถึงสร้างที่เมืองที่มีแต่ทะเลทรายอย่างนี้
รู้งี้เล่นเป่ายิ้งฉุบ คนเดียวในห้องดีกว่า
จริงมั้ยครับ
Create Date : 25 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 9:16:52 น. |
Counter : 332 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แสงและเงาในนครวัต
ใครเคยไปนครวัดยกมือขึ้นครับ
สำหรับคนที่ไม่เคยไปผมจะเล่าให้ฟังครับ ผมไปนครวัตมาสองครั้งสองคราติดๆกัน ตอนแรกไปดูงาน เทียวที่สองก็ไปดูงาน จริงๆแล้วคำว่าไปดูงานนี้ดูเหมือนจะเป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับทุกคนที่จะไปเที่ยวพร้อมทั้งทำงานนิดหน่อย
การไปนครวัดนั้นไปได้ทั้งทางบก เรือ และอากาศ แต่ผมคิดว่าเราคงจะเลือกทางอากาศเป็นหลักแน่ๆ เราออกเดินทางได้เลยครับจากดอนเมือง มีทั้งเที่ยวบินตรงของบางกอกแอร์เวย์ หรือเที่ยวบินอ้อมของการบินไทยคือจะอ้อมไปเชียงใหม่ก่อน
แต่ของผมนั้นบินออกจากพนมเปญ เครื่องจะถึงเมืองเสียมเรียบราวๆ บ่ายแก่ๆ จริงๆแล้วขอนอกเรื่องหน่อย เมืองเสียมเรียบนั้นเคยอ่านหนังสือเค้าแปลว่าสยามเรียบราบคาบ จริงเท็จอย่างไรฝากท่านผู้อ่านช่วยค้นและคว้าต่อด้วยครับ
เราพักกันที่โรงแรมดีมาก ที่เสียมเรียบนั้นมีโรงแรมห้าดาวสร้างใหม่เต็มไปหมดขอแนะนำว่าไม่ต้องซื้อทัวร์แต่ติดต่อให้โรงแรมเอารถมารับที่สนามบิน เวลาไปเที่ยวนั้นก็ให้โรงแรมหาไกด์ให้ ไกด์ที่นี่เก่งมากและมีความสามารถพูดได้หลายภาษา จริงๆแล้วหากใครจะประหยัดจริงๆก็สามารถที่จะใช้วิธีไปแอบฟังไกด์ของคนอื่นบรรยายได้ ไม่เสียสตางค์
วันแรกนั้นเราไปถึงเย็นแล้วเมื่อเข้าที่พักเสร็จ ผมได้ไปตลาดของที่ระลึกอยู่ริมแม่น้ำ มีทั้งของเก่า ของเหมือนขอเก่าให้เลือกสืบค้นหา ผมติดใจซีดีเพลงของเขมร เป็นเครื่องดนตรีคล้ายๆเพลงไทยเดิม ที่จริงน่าจะต้องเรียกว่าเพลงเขมรเดิมหรือขอมเดิมถึงจะถูก
วันรุ่งขึ้นเราต้องตื่นแต่เช้ามืดเพราะเป็นโปรแกรมทัวร์วันเดียวจบเนื่องจากเที่ยวบินกลับของเราเป็นตอนเย็น เราเริ่มกันที่ประตูทางเข้าของนครธม ทีมเราไม่สนใจอะไรนอกจากการเข้าไปถ่ายรูป
หลังจากนั้นเราไปที่บายอน ใครเคยเห็นรูปพระพรหมสี่หน้าเป็นหินสลัก นั้นแหละคือบายอน มีมุมที่เราสามารถถ่ายบายอนจุมพิตกับตัวเราได้ด้วย
อาหารกลางวันไม่อร่อยเลย เป็นร้านอาหารไทยที่ทัวร์ชุดใหญ่ไปทาน แต่เราไม่ได้มาชวนชิมเลยไม่มีปัญหามากนักครับ
ตอนบ่ายเราอุทิศทั้งหมดให้กับนครวัด เหมือนกับว่าเราเหลือตัวนิดเดียวเมื่อมาถึงทางเข้า มีคูน้ำรอบเมืองนครวัดและมีสะพานเป็นหินขนาดใหญ่ซ้อนกัน อย่าลืมไปที่สระบัวข้างซ้ายนะครับ เป็นจุดถ่ายรูปที่ทุกคนต้องถ่าย
โครงสร้างของนครวัดนั้นมาจากเขาพระสุเมรุ กล่าวคือจะมีชั้นของนรก มนุษย์ และเทวดา เราไม่มีปัญหาสำหรับสองชั้นแรกครับ แต่ชั้นเทวดานั้น ทางขึ้นชันสุดๆแทบจะต้องคลานไป แน่นอนผมไม่ได้ขึ้นไปทั้งสองครั้ง ขาขึ้นนั้นเสียวน้อยกว่าขาลงเยอะครับ ฝากให้คนอื่นไปเป็นเทวดาดีกว่า
ภาพที่ถ่ายนี้เป็นภาพของมุมหนึ่งในนครวัด ผมชอบแสงและเงาที่ส่องผ่านมา ดูเหมือนที่เขมรมีทั้งส่วนที่เป็นแสงสว่างและส่วนที่แสงยังส่องมาไม่ถึง
เรากลับกันตอนเย็นด้วยความภูมิใจที่ได้มานครวัดภายในหนึ่งวัน
ลองไปเที่ยวดูนะครับ
Create Date : 16 มิถุนายน 2548 | | |
Last Update : 16 มิถุนายน 2548 16:28:32 น. |
Counter : 702 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หมูหันทำไม ทำไมหมูหัน
ผมไม่ใช่อาหารนะ
ถ้าเป็นอาหารก็เป็นอาหารที่น่าสงสารที่สุค ใครไม่เคยทานหมูหันคงเป็นไม่มี คนเค้าทานหมูหันแค่หนังมัน เคยสงสัยมั้ยว่าถ้าเราเกิดเป็นหมูจะเจรจาให้เค้าแล่เอาแต่หนังออกไปเหลือตัวเอาไว้
ผมเป็นอะไรที่แม้แต่หมูซึ่งไม่เคยสนใจอะไร นอกจากกิน กิน กิน และ กิน ยังยอมหันมามอง
วันนี้เป็นวันดีที่ผมได้ฤกษ์เขียนอะไรไว้ก่อนที่จะลืม
เมื่อเช้า ตามปกติจริงๆแล้วก็ไม่เช้านัก ตื่นมาพร้อมกับรายการคุณสรยุทธ์ทางช่องสาม จริงๆแล้ว มันง่ายดี สำหรับชีวิตของเราทุกวันนี้ ตื่นมาก็มีคนมาอ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง ผมมาสะดุดใจตรงที่มีผู้ใหญ่ของ บ้านเมืองมาเถียงกันเรื่องเศรษฐศาสตร์ฝ่านสื่อมวลชน ถัดมาก็มีเรื่องลูกพยายามฆ่าแม่ เป็นการเริ่มวันที่วิเศษมาก
ทำไมต้องเถียงกัน ทำไมไม่โทรศัพท์ไปแนะนำให้กำลังใจกัน มันน่าแปลก หรือคุณคิดว่าอย่างไร มีคนที่มีความรู้ความสามารถมากมายเหลือเกินในบ้านเรา ที่พยายามชี้แนะ แต่ไม่ยอมทำ ในขณะที่คนที่กำลังทำก็ไม่ยอมฟัง
ทำไมต้องคิดจะฆ่าแม่ด้วย แม่ทำผิดอะไร หรืออายที่แม่จับได้ว่าเป็นคนไม่ดี คนไม่ดีเค้าต้องฆ่าแม่กันด้วยหรือ
เราเป็นประเทศที่ไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยตามเฟดที่ขึ้น ทำไมต้องขึ้น ลองคิดดู ถ้าข้างบ้านเรารับฝากเงินแล้วขึ้นดอกเบี้ย คนก็จะถอนเงินจากบ้านเราไปฝากที่ข้างบ้านใช่มั้ย เพราะเอาเงินเก็บไว้ที่เราก็จะได้ดอกเบี้ยที่มันต่ำกว่า
นอกจากแม่แล้ว ศีลห้ายังห้ามไม่ให้เราฆ่าอะไรเลยเป็นข้อแรก ที่ต้องใส่ข้อแรกพระท่านอาจกลัวว่าเราจะท่องไม่ได้ถ้าใส่ไว้ในข้อสุดท้าย
ผมต้องไปประชุมแล้ว ใครบอกฝมได้ว่าเราควรปรับค่าเงินให้อ่อน หรือขึ้นอัตราดอกเบี้ยดี ช่วยผมหน่อย อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้เพิ่มครับ
วันนี้ดีจัง....
Create Date : 20 พฤษภาคม 2548 | | |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2548 10:20:36 น. |
Counter : 1350 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|