The Diary of my Back Pain (9) : Got Discharged
เช้าวันแรกหลังการผ่าตัด เราตื่นมาแต่เช้า รู้สึกว่านอนเต็มอิ่มค่ะ เพราะพยาบาลไม่ต้องมาปลุกให้กินยา เนื่องจากวันแรก ๆ ใช้แบบฉีดเ้ข้าสายน้ำเกลือ สำหรับอาหารเช้า เราสั่งไว้ก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัด เลยได้ตื่นมาพร้อม ๆ กับถาดอาหาร และกาแฟ 2 ถ้วย
ปัญหา คือ ลุกมากินเองไม่ได้ เพราะขนาดนั้นยังต้องนอนราบ 180 องศา นายจอมยุ่งก็ยังไม่ได้มาเยี่ยม แล้วจะกินไงอ่ะ ???
พยาบาลเดินมาดู เห็นยังไม่กินข้าว ก็เลยเลื่อนโต๊ะมาให้ราบติดเตียงที่สุด ให้เราเอื้อมมือถึงได้ แต่พยาบาลที่นี่ไม่มีเวลามานั่งป้อนข้าวเรานะคะ ต้องกินเอง มื้อแรกเลยลำบากน่าดู
อีกปัญหา คือ เราไม่เคยใส่ท่อฉี่ขณะที่รู้สึกตัว คือ ปกติเวลาอยู่ในห้องผ่าตัด เค้าจะใส่ท่อฉี่ให้ แต่จะดึงออกก่อนที่เราจะฟื้น แต่กรณีเรา ต้องใส่ต่อไป เพราะไม่สามารถลุกไปไหนได้ ไปอีก 48 ชั่วโมง คราวนี้ด้วยความซื่อบื้อของเรา ก็สงสััยว่า "ต้องเบ่งฉี่มั้ย ?" คือ กินน้ำ กินกาแฟไปตั้งเยอะ มันก็ยังไม่เห็นปวดฉี่ จะถามพยาบาล ก็อายค่ะ เลยกดโทรศัพท์ไปถามคุณอาว่า "หนูต้องเบ่งฉี่ใส่ท่อมั้ย ?" คุณอาขำสุด ๆ ตอบว่าไม่ต้องเบ่ง มันไหลออกมาเอง ... จบ
เราอยู่โรงพยาบาล 6 วันค่ะ ระหว่างวันก็อยู่คนเีดียว เพราะนายจอมยุ่งต้องทำงาน เนื่องจากตกลงกันว่า ระหว่างที่เราอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่ต้องหยุดงาน ไว้กลับบ้านไปก่อนค่อยหยุด เพราะตอนนั้นเราคงต้องมีคนช่วยหยิบโน้นนี่ ดังนั้น ช่วงกลางวันเราก็อยู่คนเดียว ทำอยู่ 3 อย่าง คือ กิน นอน กับดูทีวี ตอนเย็นนายจอมยุ่งมาทานข้าวเย็นด้วย แล้วก็กลับไปดูเด็ก ๆ เราอยู่คนเดียวทุกวัน จนกระทั่งพยาบาลยังมาถามว่า "ไม่มีคนมาเยี่ยมเลยเหรอ ?" อิอิ คือ จะบอกว่าไม่มีคนคบ ก็อาย เลยบอกว่า ไม่ชอบให้คนมาเยี่ยม เพราะอยากพักผ่อนมากกว่า (แต่จริง ๆ แล้ว เราก็ไม่ชอบให้คนมาเยี่ยมจริง ๆ แหละ)
ทุก ๆ เช้าเวลา 6 โมงตรงเป๊ะ คุณหมอนากิ๊บ ก็จะมาเยี่ยมค่ะ เธอจะเปิดประตูเข้ามาเบา ๆ ไม่เปิดโครมเข้ามาแบบหมอบางคน คุณหมอจะให้เวลาสำหรับถามคำถาม และตอบอย่างละเอียด ไม่เหมือนหมอที่ผ่าเราครั้งแรก ไม่เคยเห็นมาเยี่ยมเราแบบนี้เลย ก่อนนอนเราจะจดคำถามไว้ พอเช้าจะได้ไม่ลืม
ทุก ๆ ครั้งที่มีทีมแพทย์เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล หรือผู้ช่วยพยาบาล ทุกคนจะต้องถามระดับความปวด จาก 1-10 (เลข 10 คือ ปวดมากที่สุด) เพื่อจะได้ปรับยาแก้ปวดได้ ก่อนผ่าตัด พยาบาลจะถามก่อนเลยว่า ที่ระดับปวดไหน ที่เราสามารถทนได้ ตอนนั้นเราตอบไปที่ระดับ 4 เนื่องจากทุก ๆ วัน ทุก ๆ เวลา ก่อนผ่าตัดเนี่ย เราปวดระดับ 9-10 ตลอด
หลังผ่าตัดแล้ว หมอจะให้พยายามเลิกใช้ยาแก้ปวดแบบฉีดค่ะ แล้วให้เปลี่ยนไปใช้แบบเม็ด เนื่องจากถ้ายังต้องใช้แบบฉีดอยู่ จะไม่สามารถ Discharge หรือให้เราออกจากโรงพยาบาลได้ ของเรานี่ พอเข้าวันที่ 2 แม้เราจะร้องขอแบบฉีด แต่พยาบาลก็ไม่ให้แล้ว
หลังจากที่เราสามารถลุกได้ ก็จะมีทีมงานมาช่วยให้เราเดินออกกำลังกาย ส่วนอีกทีม จะมาช่วยสอนการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น ไม้เท้า รวมไปถึงสอนการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ การนั่งห้องน้ำ การแต่งตัว การลุกจากที่นอน ฯลฯ แบบไม่ให้สะเทือนแผลค่ะ
ก่อนออกจากโรงพยาบาล คุณอาซึ่งอยู่ต่างรัฐกัน ตกลงจะมาอยู่ดูแลให้ 1 สัปดาห์ สบายเลย เพราะมีอาหารอร่อย ๆ ให้กิน 3 มื้อ ดีกว่าตอนผ่าครั้งแรก ที่ต้องกลับมากินแซนวิชฝีมือนายจอมยุ่ง
เราต้องพักฟื้นเป็นเวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ค่ะ ในระหว่างนี้ คุณหมอจะมี Restriction หลาย ๆ อย่าง เช่น ห้ามก้มหรือเอียงหลัง ห้ามยกของหนักเกิน 5 ปอนด์ (ประมาณ 2 ก.ก) นอกจากนี้ ยังต้องเว้นงานบ้านทุกชีวิต (ไชโย !!!!!) เมื่อครบ 8 สัปดาห์ ก็กลับไปตัดไหมค่ะ จากนั้นคุณหมอจะดูว่า สามารถทำกายภาพบำบัดได้หรือยัง
หลังการผ่าตัดทุกชนิด อาการแทรกซ้อนที่ต้องระวังอย่างมาก คือ เส้นเลือดอุดตัน (Blood Clot) ค่ะ อันนี้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่คุณหมอ จะให้เราลุกเดินหรือขยับตัวให้มากที่สุด
ช่วงพักฟื้น เราเจ็บที่ข้อพับที่ขามาก เจ็บจี๊ดเลยแหละ เมื่อโทรไปหาพยายาม เค้าให้สังเกตว่า ขาสองข้าง มีสีเหมือนกันมั้ย ? ปรากฎว่า ไอ้ข้างที่ปวด มันสีออกม่วงเลย เดือดร้อนต้องรีบไปห้องฉุกเฉิน ซึ่งได้ลัดคิวชาวบ้านเลยค่ะ เพราะคุณหมอต้องเอกซ์เรย์ว่า มีอาการเส้นเลือดอุดตันหรือไม่ โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไร แต่คุณหมอแนะนำให้เดินเยอะกว่าเดิมหน่อย กันพลาด !
สุดท้ายนี้ ขอบอกเพื่อน ๆ ว่า อาการเจ็บหลัง ใช่ว่าจะเกิดจากการยกของหนักเท่านั้น แต่หลาย ๆ ครั้งกิจกรรมที่เราทำในชีวิตประจำวัน เช่น การลุกจากที่นอนแบบไม่ถูกวิธี ก็ทำให้หลังเราเจ็บได้ ดังนั้น เราจึงขอเชิญชวนเพื่อน ๆ ทุกคน ให้ศึกษาการออกกำลังกาย แบบที่ชวนให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากทำเป็นประจำ จะป้องกัน หรือลดอาการปวดหลังได้เยอะเลยค่ะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ทำงานออฟฟิสทั้งหลาย ให้พยายามลุกเดินทุก ๆ 1 ชั่วโมงค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยลดการปวดหลังแล้ว ยังลดความเสี่ยงจากอาการเส้นเลือดอุดตันด้วย
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคน ที่ติดตามบล็อคและให้กำลังใจมาด้วยตลอดนะคะ และขออภัยอย่างมาก ที่บล็อคนี้ใช้เวลาเขียนนานจัง
หลังผ่า ต้องนอนราบแบบนี้ไป 2 วัน เนื่องจากไขประสาท โดนมีดสะกิดค่ะ
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2556 |
|
49 comments |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2556 3:53:32 น. |
Counter : 11157 Pageviews. |
|
|
|