|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไดอารี่ คนตกงาน โดย เลขาฯ ตัวแสบ! ตอนที่ 6: สานฝันให้เป็นจริง (ภาค 1)
ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง ๆ
ฉันเคยฝันเสมอว่าอยากจะพูดภาษาอังกฤษให้เก่งแบบที่สามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษแล้วพูดได้เลย แต่การทำงานหลายปีที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ทั้งภาษาพูดและเขียนมากนัก จึงทำให้ทักษะทั้งการพูดและอ่านหายไปจนทำให้ขาดความมั่นใจไปมาก
วันที่ฉันตกงานในวันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ฉันจะกลับไปฝึกพูดใน Public Speaking Club อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยเป็นสมาชิกมาก่อนตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่นและหนีหายด้วยเหตุผลหลายประการ
ในช่วงที่กำลังศึกษาดูว่าฉันควรเลือกเป็นสมาชิกของ Club ใด เนื่องจากในเมืองไทยโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ มี Speaking Club หลายแห่ง ฉันจึงได้ไปสังเกตุการณ์การประชุม 2-3 แห่งเพื่อศึกษาที่ที่เหมาะสมสำหรับการเข้าไปเป็นสมาชิก ในที่สุดก็คิดว่าจะปักหลักที่ที่สะดวกในการเดินทางและใกล้บ้านมากที่สุด
จากวันที่ตกงานจนถึงวันที่เขียนไดอารี่นี้ฉันได้เข้าไปฟังการประชุมทุกสัปดาห์ ฉันเข้าไปร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตุการณ์โดยเสียค่ากาแฟและอาหารว่างครั้งละ 180 บาท เป็นค่าใช้จ่ายที่ดูเหมือนสูงแต่ถ้าเปรียบเทียบกับค่าเรียนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนก็ไม่แพง และผลที่ได้รับก็คุ้มค่าเกินกว่าที่จะนำมาคิดเปรียบเทียบกันเป็นตัวเงิน
ฉันกำลังคิดที่จะสมัครเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้มีโอกาสในการฝึกพูดบ้างแทนที่จะเข้าไปนั่งฟังหรือสังเกตุการณ์เพียงอย่างเดียว การสมัครเป็นสมาชิกครั้งแรกต้องเสียค่าสมาชิกเป็นเงิน 3,300 บาท และจะต้องจ่ายค่าสมาชิกครั้งต่อไปครั้งละ 1,800 บาททุก ๆ ครึ่งปี
นอกจากนี้การประชุมในแต่ละครั้งจะต้องเสียค่ากาแฟและอาหารว่างคนละ 180 บาท (บาง Club เสียเพียง 80 บาทก็มีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่และรายการอาหาร) ถ้าต้องการประหยัดก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องเข้าร่วมรับประทานกาแฟและอาหารว่าง แต่ก็ไม่เห็นมีใครเขาทำกัน
การได้ไปเข้าร่วมประชุมทำให้ฉันมีโอกาสได้ฟังคนเก่ง ๆ พูดภาษาอังกฤษพร้อม ๆ กับแนวคิด และแนวทางบริหารจัดการที่หล่อหลอมให้สมาชิกเป็นผู้นำที่มีความรู้ความสามารถยิ่ง ๆ ขึ้น ฉันได้ทราบมาว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพและมีชื่อเสียงอยู่ในวงการหลาย ๆ ท่าน ก็เคยเป็นสมาชิกของ Club เหล่านี้มาก่อนเช่นกัน อาทิเช่นอดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ เจ้าของ Slogan: Doctor Dan Can Do นั่นเอง และคนทำงานและผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จอีกมากมาย ถ้าท่านผู้อ่านอยากเก่งภาษาอังกฤษและประสบความสำเร็จอย่างนี้บ้าง ก็น่าจะลองพิจารณาเข้าร่วมกิจกรรมดูบ้าง
แม้การเป็นเพียงผู้สังเกตุการณ์ที่ยังไม่มีโอกาสได้พูดเนื่องจากยังไม่ได้เป็นสมาชิก แต่การได้ฟังทำให้ฉันก็ได้เรียนรู้อย่างมากและรู้สึกเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่ดีให้กับตนเองอีกด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากสมาชิกหลาย ๆ คนที่มีความรู้ความสามารถอันน่าทึ่งนั้น ก็เนื่องมาจากการที่เขาเหล่านั้นไม่เพียงแต่เป็นผู้รับแต่ต้องเป็นผู้ให้หรือผู้เสียสละ โดยการทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งที่ทำด้วยจึงจะสามารถประสบกับความสำเร็จตามที่ตั้งใจได้
หลาย ๆ คนแม้จะประสบความสำเร็จถึงขั้นเทพที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วแล้ว พวกเขายังคงทุ่มเทเวลา ความรู้และปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกและกรรมการชมรม ที่ต่างมีหน้าที่ในการช่วยกันจัดช่วยกันดำเนินการประชุมให้ลุล่วงเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน บางคนเป็นสมาชิกเกือบ 20 ปี บ้างก็ 10 ปี หรือหลาย ๆ ปี ถึงแม้จะมีสมาชิกใหม่ ๆ ทยอยเข้ามาทำให้ Club คึกคักและมีสีสันอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
นอกจากการประชุมประจำสัปดาห์ที่มีโปรแกรมการประชุมที่เป็นมาตรฐานแล้ว ทุก ๆ ครึ่งปีก็จะมีการแข่งขันการพูดทั้งภายใน Club และข้าม Club ทั้งนี้เพื่อคัดเลือกผู้ชนะไปเป็นตัวแทนในการแข่งขันในระดับเวทีโลกอีกด้วย ช่วงนี้ฉันจึงมีโอกาสได้เข้าฟังการแข่งขันพูดโดยนักพูดชั้นเซียนจากหลาย ๆ คลับ โดยการวนหรือสลับกันเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมแข่งขันการพูด
ฉันยังได้มีโอกาสเข้าร่วมรับฟังการแข่งขันการพูดรวม 2 โอกาสด้วยกัน โอกาสแรกเป็นการแข่งขันการพูดเกี่ยวกับเรื่องที่สร้างอารมณ์ขันให้กับผู้ฟัง และอีกการแข่งขันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเป็นนักวิจารณ์การพูดของผู้อื่น ทั้งสองโอกาสทำให้ฉันได้รับความรู้ความบันเทิงมากมายและคุ้มค่ากับเวลาเป็นอย่างมาก
จำได้ว่าในการประชุมครั้งหนึ่งมีประธานชมรมนักพูดจากประเทศออสเตรียมาเยี่ยมคลับ และได้เข้ามาร่วมพูดในหัวข้อเรื่อง การเขียนที่มีประสิทธิภาพ นับเป็นหัวข้อที่อยู่ในความสนใจของฉันและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก
อีกสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากกิจกรรมนี้ก็คือ การเป็นสมาชิกของ Speaking Club ซึ่งมีสาขาในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก สมาชิกสามารถเข้าไปเยี่ยม Club เมื่อเดินทางไปเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ที่มีสาขา และสามารถติดต่อขอพูดโครงการต่อเนื่องจากประเทศตนเอง และนำผลหรือเครดิตกลับมาพูดต่อเนื่องในประเทศของตนเองได้ เช่นเดียวกับการโอนหน่วยกิตหรือเครดิตในการเรียนข้ามมหาวิทยาลัยอย่างนั้นเลยทีเดียว
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา ทาง Club ที่ฉันได้ไปปักหลักสังเกตุการณ์ได้มีโอกาสต้อนรับสมาชิกอีกหนึ่งคนจากต่าประเทศด้วย Jasmin Heltch เป็นสมาชิกของ Public Speaking Club ในเยอรมันนี
สัปดาห์แรกเธอมาสังเกตุการณ์และได้ขึ้นไปบนเวทีกล่าวคำพูดทักทายสั้น ๆ สัปดาห์ต่อมาเธอมาเยี่ยมอีกพร้อมกับเตรียมการพูดอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นโครงการการพูดที่ 9 ของเธอ เธอพูดในหัวข้อที่เกี่ยวกับความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งก็หมายความว่าหากการพูดในครั้งนี้ของเธอผ่านการพิจาณาตัดสินโดยคณะกรรมการ เมื่อเธอกลับไปประเทศเยอรมันนีเธอสามารถไปพูดโครงการ 10 ต่อได้เลย เมื่อครบ 10 โครงการซึ่งเป็นหลักสูตรการพูดขั้นพื้นฐาน เธอสามารถต่อโครงการการพูดขั้นสูงอีก 10 โครงการไปเรื่อย ๆ ไม่มีกำหนดระยะเวลา
ครั้งแรกที่พบ Jasmin ฉันแค่ยิ้มทักทายเธอธรรมดาตามมารยาท ครั้งต่อมาเธอเข้ามานั่งที่ติดกับฉันอีกเราจึงมีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้น
Jasmin เข้ามาในช่วงที่ฉันกำลังตกงาน ห่างเหินจากเพื่อนฝูง เหงาและต้องการเพื่อนพอดี ประจวบกับการพูดคุยที่ถูกคอไปในแนวทางเดียวกันพร้อมกับความน่ารักของเธอ ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจและอยากคบค้าสมาคมกับเธอ
Jasmin ซึ่งเกิดปีเดียวกับฉันเล่าว่าตอนนี้เธอยังเป็นโสดและไม่มีบุตร เธอไม่ได้ทำงานแล้วเพราะเกษียณก่อนกำหนด (Oops
คุ้น ๆ!!) ช่วงนี้เธออยู่ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเข้า ๆ ออก ๆ เมืองไทย จนกว่าจะกลับประเทศเยอรมันนีอีกครั้งหลังเดือนมีนาคม เธอมีเพื่อนชาวเยอรมันที่เช่า Condo ระยะยาวในเมืองไทยซึ่งเธอใช้ต่อในช่วงที่เพื่อนไม่อยู่
ฉันถามว่าจะได้พบเธอใน Club นี้อีกหรือไม่ เธอบอกยังไม่แน่และบอกว่าเราอาจจะนัดพบดื่มกาแฟคุยกันก็ได้ซึ่งเธอจะว่างทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันบอกขอตรวจตารางเวลาตนเองก่อนแล้วจะโทรหาเธอเพื่อนัดหมาย
วันรุ่งขึ้นฉันเชิญเธอรับประทานอาหารเย็นพร้อมชวนเธอไปนวดแผนไทยด้วยกัน เธอรับนัดและได้มาพบฉันตามวันและเวลานัดตอน 5 โมงเย็นของวันพุธที่ 26 พ.ย. 51 แถมยังมาก่อนเวลานัดซึ่งผิดคาดที่ฉันกลัวว่าเธออาจจะหลงทางและมาไม่ถูกเสียอีก
การพูดคุยกันในระหว่างรับประทานอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน (ช่วงนี้รู้สึกเบื่ออาหารไทย ^_^) ทำให้เราได้รู้จักซึ่งกันและกันมากขึ้นและฉันก็รู้สึกสนุกมีความสุขกับการได้พูดคุยกับเธอ ฉันถามเธอว่าเคยมีใครบอกว่าหน้าตาของเธอโดยเฉพาะดวงตาเหมือนกับ Lady Diana ไหม เธอหัวเราะบอกไม่เคย
Jasmin บอกว่าเธอได้พยายามใช้เวลาว่างในการเขียนบทความเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว และสิ่งที่เธอได้พบเห็นและส่งกลับไปบ้านเกิดเพื่อลงพิมพ์ในหนังสือและนิตยสารต่าง ๆ แต่เป็นการตีพิมพ์ที่เธอไม่ได้ค่าตอบแทนแต่เป็นเหมือนอาสาสมัครที่ทำเป็นงานอดิเรกมากกว่า
จากนั้นฉันพาเธอไปนวดแผนไทยที่ Health Land ซึ่งเธอรู้สึกชื่นชอบมากเป็นพิเศษ นวดเสร็จฉันพาเธอเดินกลับมาเยี่ยมบ้านของฉันซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น ฉันไม่รู้ว่า Jasmin คิดอย่างไรแต่ถ้าเป็นฉันเจอใครมาทำอะไรให้แบบนี้ ฉันคงจะต้องรู้สึกระแวงและนึกถึงความไม่ปลอดภัยเอาไว้ก่อนเป็นอย่างแรก แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะมีความรู้สึกหรือคิดเช่นนั้นเลย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะพอไปถึงบ้านฉันก็ได้ตามลูก ๆ ออกมาพูดจาทักทายเธอและถ่ายรูปร่วมกันด้วย
เราคุยกันจนถึง 4 ทุ่มโดยรู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ตลอดเวลา 5 ชั่วโมงที่อยู่กับ Jasmin โทรศัพท์มือถือของเธอดังตลอดเป็นระยะ ๆ เป็นโทรศัพท์ทางไกลจากเพื่อนฝูงญาติพี่น้องจากเยอรมันนีที่โทรมาถามข่าวคราวด้วยความห่วงใย เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่กำลังเกิดขึ้น และการปิดสนามบินที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้ จากการได้พูดคุยกันฉันได้ให้ความเชื่อมั่นกับ Jasmin เรื่องความปลอดภัยภายใต้สถานการณ์การเมือง แต่เรื่องความไม่สะดวกซึ่งเกิดจากการที่สนามบินถูกปิดนั้นน่าจะได้รับการแก้ไขในเร็ววันนี้
ฉันคิดว่าการที่ฉันได้ดูแลเทกแคร์และมอบมิตรภาพที่ดีให้กับเธอในวันนี้ จะมีส่วนช่วยทำให้เธอมีความรู้สึกที่ดี ๆ กับคนไทยและเมืองไทยบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งน่าจะช่วยชดเชยความรู้สึกติดลบที่อาจจะเกิดจากผลของการปิดสนามบินและความกังวลต่าง ๆ ได้
จากนั้นฉันได้เป็นเพื่อนพา Jasmin เดินออกจากบ้านไปเรียกรถ Taxi ด้วยกันหน้าซอย ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอส่ง SMS มาถึงฉันบอกว่าเธอกลับถึงที่พักอย่างปลอดภัยแล้ว
สรุปแล้วการไป Public Speaking Club ในช่วงนี้ฉันได้เพื่อนฝรั่งมาหนึ่งคน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ฉันไม่เคยทำกับใครแบบนี้มาก่อน เพราะตลอดเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมาแม้แต่เพื่อนคนไทยที่เป็นสมาชิกในชมรม ฉันยังไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักใครมากเท่า Jasmin เลยสักคน
ฮา
ถ้าท่านผู้อ่านสนใจการฝึกพูดเป็นภาษาอังกฤษต่อหน้าสาธารณะเช่นที่เล่ามาข้างต้น ลองโทรศัพท์ติดต่อสถาบันต่าง ๆ ที่เป็น Public Speaking Club โดย Club เหล่านี้จะจัดกิจกรรมหลังเวลาเลิกงานระหว่าง 18.00-20.30 น. เป็นประจำทุกสัปดาห์ หากโชคดีเราอาจจะได้เจอกันและเข้ามาเป็นสมาชิกฝึกพูดภาษาอังกฤษในคลับเดียวกันก็เป็นได้
ปัจจุบันในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจะมี English Public Speaking Club รวมทั้งสิ้น 24 แห่งดังนี้
o วันจันทร์
Bangkok Toastmasters Club (โรงแรมอินทรา ประตูน้ำ ติดต่อคุณอรุณ Tel. 08-9882-7427)
Thai Airways International Toastmasters Club (การบินไทยสำนักงานใหญ่ อาคาร 6 ห้อง 201 ถนนวิภาวดีรังสิต ติดต่อคุณนัฐพล โทร 08-6313-0907)
o วันอังคาร
The AACP Toastmasters Club (เพลินจิตทาวเวอร์ชั้น 17 ติดต่อคุณ สุรินทร์ โทร 08-1751-9398 หรือคุณสมสุดดา โทร 08-9111-4035)
Capital Toastmasters Club (Pacific City Club ชั้น 28 ถนนสุขุมวิท ติดต่อคุณ Tim Tel. 08-1834-8982)
Laemthong Toastmasters Club (จามจุรีสแควร์ สามย่าน ติดต่อคุณวลีพร โทร 08-1484-9897)
o วันพุธ
The First Thai Toastmasters Club (ร้านอาหารบ้านกล้วย ถนนสีลม ติดต่อคุณสุพิณ โทร 089-132-9099 หรือคุณเนาวรัตน์ โทร 08-1835-3895)
ABAC Toastmasters Club (มหาวิทยาลัย ABAC ติดต่ออาจารย์ศิริพร โทร 086-974-0041)
o วันพฤหัสบดี
Seagate Teparuk Toastmasters Club (ถนนเทพารักษ์ สมุทรปราการ ติดต่อคุณบังอร โทร 08-4470-3790 หรือคุณ รัตนกมล โทร 08-6661-7878)
Siam Toastmasters Club (ร้านอาหารบ้านกล้วย ถนนสีลม ติดต่อคุณมยุรา โทร 08-1931-1916)
Seagate Korat Toastmasters Club (นครราชสีมา ติดต่อคุณ K. Ramm โทร 08-4470-3790 หรือคุณ Munin โทร 08-1185-9415)
Standard Chartered Bank Toastmasters Club (ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ ถนนสาทรเหนือ ติดต่อคุณปานแข โทร 08-1918-8089
o วันศุกร์
B&V Thailand Toastmasters Club (บริษัท Black & Veatch Thailand, Rasa Tower, ชั้น 15 ถนนพหลโยธิน ติดต่อคุณสุเทพ โทร 08-1909-0800 หรือคุณ Ketarat โทร 02-937-0113)
Dusit Toastmasters Club (สถาบัน Goethe Institution ถนนสาทรใต้ ติดต่อคุณเด่นชัย โทร 08-9206-7121)
MEA Ploenchit Toastmasters Club (การไฟฟ้านครหลวง ถนนเพลินจิต ติดต่อคุณบัณฑิต โทร 08-4700-4835)
MEA Wat Liab Toastmasters Club Club (การไฟฟ้านครหลวง ถนนเพลินจิต ติดต่อคุณรุ่งนภา โทร . 08-9456-5732)
Suvarnabhumi Toastmasters Club (สำนักงานการบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ อาคาร OPC ห้อง 1302 ติดต่อคุณดิลก โทร 08-1822-4474 หรือคุณนวลระมัย โทร 08-1801-3241)
o วันเสาร์
First Northern Thailand Toastmasters Club (IC International Center, ถนนนิมมานเหมินทร์ จังหวัดเชียงใหม่ ติดต่อคุณอัมพิกา โทร 08-9138-4757
Saturday Toastmasters Club (สถาบัน Goethe Institution ถนนสาทรใต้ ติดต่อคุณอรวี โทร085-331-0989)
Genevieve Caulfield Thailand Toastmasters Club (The First Blind Toastmasters Club) สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซอยบุญอยู่ ถนนดินแดง ติดต่อคุณศิริณี 081-826-6310)
o วันอาทิตย์
Hatyai Songkhla Toastmasters Club (โรงเรียนธรรมรงค์วัฒนา ถนนราชยินดี หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ติดต่อคุณพรทิพา โทร 08-1897-1398)
Wang Hin Toastmasters Club (ศูนย์อบรมวังหิน ห้อง 101 ลาดพร้าววังหินซอย 75 อยู่ระหว่างห้าง Lotus และปั๊มน้ำมัน Esso ติดต่อคุณสมศักดิ์ 08-1359-3309)
ท่านผู้อ่านที่สนใจสามารถเลือกที่ที่สะดวกและใกล้บ้าน หรือที่ทำงาน เพื่อเข้าร่วมชมรมนักพูดภาคภาษาอังกฤษตามรายชื่อข้างต้นได้ตามอัธยาศัย และสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมตามชื่อและเบอร์โทรได้เลย หรือหากต้องการเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก Website ก่อนก็ได้ ที่ //www.toastmasters.org
ป.ล. ข้อมูลข้างต้น Update เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551 รายละเอียดบางอย่างจึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วได้ ล่าสุด (เดือนพ.ย. 51) ทราบมาว่ามีการตั้ง Club St. John และอีกหนึ่ง Club ที่จ. สุราษฏร์
Create Date : 11 ธันวาคม 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 11 ธันวาคม 2551 13:23:09 น. |
Counter : 6591 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" IP: 203.144.187.18 12 ธันวาคม 2551 13:27:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดา ดา 13 ธันวาคม 2551 17:22:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: panaejon (panaejon ) 19 ธันวาคม 2551 15:53:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: *โคนัน* 29 มีนาคม 2552 1:21:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: tm.montree-monkong.[joe divistion-t toastmasters international.08-76707775. IP: 61.90.193.98 9 มิถุนายน 2552 15:16:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: oholit IP: 58.9.32.253 25 สิงหาคม 2552 1:25:08 น. |
|
|
|
| |
|
|
แวะมาเยี่ยมยามดึกค่ะ
เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากค่ะ ได้ประโยชน์ดีค่ะ แต่คนขี้อายจะไปร่วมกิจกรรมได้ไหมหนอ