ทำไมคนเราถึงฝัน
ทราบหรือไม่ว่า ทำไมคนเราเวลานอนหลับถึงฝันได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน... นักจิตวิทยาในช่วงศตวรรษที่ 19 หรือ 80-90 ปีที่ผ่านมา ได้ศึกษาเรื่องความฝันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิต ไม่ใช่ลางบอกเหตุในอนาคต กลับจะเป็นตัวบ่งชี้ความนึกคิดก่อนฝันเสียด้วยซ้ำ อย่างทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาชาวยิวที่ไปอยู่เยอรมัน แล้วเสียชีวิตที่ออสเตรเลีย ถือเป็นนักจิตวิทยาที่โด่งดังคนหนึ่งของโลก กล่าวไว้ว่า ความฝันเกิดจากจิตใต้สำนึกของคนเรา ซึ่งเป็นแรงผลักดันจาก Id หรือ อิด ซึ่งหมายถึงสัญชาตญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและเป็นความแตกต่างระหว่างบุคคล ส่วนจิตใต้สำนึกคือความคิด ความรู้สึกที่เราไม่รู้ พูดง่าย ๆ อีกได้ว่าความคิดความรู้สึกที่ไม่รู้คือจิตใต้สำนึก ส่วนที่รู้ก็ไม่เรียกจิตใต้สำนึก ยกตัวอย่างเช่น ช่วงที่เราตื่นอยู่เราไม่ได้คิดถึงฐานะความเป็นอยู่ แต่กลับฝันว่ามีเงินทองร่ำรวยและมีความสุขมาก นั่นแสดงว่าความรู้สึกลึก ๆ ของเราอยากรวยนั่นเอง ฟรอยด์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ความฝันอาจเกิดจากความต้องการที่ไม่ได้รับการสนองตอบ ทำให้เกิดความคับข้องใจหรือเก็บกด จึงระบายออกมาเป็นความฝัน เช่น ตั้งใจว่าอยากไปดูฟุตบอลยุโรปทัวร์นาเม้นต์ต่าง ๆ ในสนามจริง ๆ ถึงช่วงฮอต ๆ เช่น บอลโลก บอลยูโร ก็เกิดความอยากอยู่เรื่อย เลยเก็บเอาไปฝัน กรณีนี้รวมไปถึงการหลงไหลได้ปลื้มใครสักคน โดยอาจจะนำไปฝันถึงสาวที่ปิ๊งอยู่ก็ได้ ส่วนการทำนายฝันตามตำราน่าจะเป็นศาสตร์คล้าย ๆ กับการทำนายดวงหรือหมอดู
Create Date : 06 พฤษภาคม 2551
Last Update : 6 พฤษภาคม 2551 12:47:55 น.
Counter : 1108 Pageviews.
~15 วิธี การเก็บเงินแบบง่ายๆ~
เงินแต่ละบาท กว่าจะหามาได้ ปาดเหงื่อไม่รู้กี่รอบ ได้มาแล้ว ต้องเก็บรักษาให้อยู่กับเรานาน เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น 1. เริ่มเก็บเงินวันนี้ อ่านหน้านี้จบ เดินไปหยอดกระปุกเลย แค 10 บาท ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดี แต่ที่สำคัญ เริ่มเสียแต่เดี๋ยวนี้ 2. เงินออม = บิล รักษาวินัย เอาเงินเข้าบัญชีเงินออม เหมือนเวลาที่คุณต้องไปจ่ายบิล แค่นี้ คุณก็จะมีเงินออมเข้าทุกเดือน 3. หากล่องออมสิน ซองใส่เงิน กระเป๋าเศษตังค์ แล้วหยอดเงินจำนวนเท่าเดิม เป็นเวลาเท่าๆกันทุกวัน เช่น 10 บาท ทุกๆวัน หรือ ทุกๆวันเสาร์ และอย่าไปนับ อย่าไปใช้ (แนะให้เป็น กระปุกออมสินแบบ ไม่มีรูแงะ จะดีที่สุด ) 4. ตกเย็นกลับถึงบ้าน เทกระเป๋า เทเอาเศษเหรียญลงในกระปุกให้หมด อย่าดูถูกเหรียญบาท เพราะ 100 เหรียญ ก็เท่ากับ แบงก์ ร้อย หนึ่งใบนะ 5. ใช้ การ์ด แคชแบ็ค ใช้บัตรเครดิตแล้ได้เงินคืนบ้างก็ยังดี 6. เก็บแบงค์ใหญ่ไว้ให้ติดกระเป๋า จ่ายแบงค์ย่อยๆให้หมดก่อน พอจบวัน เก็บแบงค์ที่เหลือลงกระปุก 7. จ่ายหนี้ให้หมด นี่คือหน้าที่สำคัญที่คุณต้องทำให้เสร็จ ถ้าคิดจะร่ำรวยในอนาคต 8. ถ้าเปลี่ยนโปรโมชั่นมือถือใหม่ ให้ได้ราคาดีกว่าเดิม หรือถูกกว่าเดิม ให้เก็บเงินที่เป็นส่วนต่างเข้าบัญชีเงินเก็บ 9. ใช้บัตรห้างสรรพสินค้า ลดราคา ถึงจะแค่ 5% แต่ก็เงินนะจ๊ะ 10. เก็บเงินคืนจากหักภาษี พอได้คืน อย่าเอาไปใช้ เอาเข้าบัญชีเงินออมซะ 11. ถ้าคุณใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย ลองดูรายการแลกของรางวัล ที่แลกเป็นบัตรเงินสดได้ 12. เวลาที่คุณคืนหนังสือ หรือหนังเช่าตรงเวลา ให้เก็บค่าปรับที่เราต้องจ่าย (ในกรณีคืนช้า) ให้ตัวเอง ดีกว่าแบ่งให้คนอื่นรวยนะ 13. แบ่งเงินไปลงทุน ในกองทุนรวม หรือซื้อหุ้นบ้าง (การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณ) 14. ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ดอกเบี้ยดีๆ เก็บไว้ใช้ยามแก่ 15. เก็บเงินเพื่อครอบครัว คุณจะได้รู้สึกว่า มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อเก็บได้ถึงเป้า ก็แบ่งเงินส่วนหนึ่ง พาที่บ้านไปเที่ยวบ้าง แต่ไม่ต้องแพงนะ
Create Date : 26 มีนาคม 2549
Last Update : 26 มีนาคม 2549 8:47:45 น.
Counter : 570 Pageviews.
~ดื่มน้ำบำบัดโรค~
เค้าบอกว่า การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้อายุยืน ยิ่งถ้าพบว่าผิวหนังแห้ง ไม่ชุ่ม ชื้น ตาแห้ง มีกลิ่นปาก ท้องผูก เป็นริดสีดวงทวาร นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณ กำลังขาดน้ำอย่างยิ่งเชียว วิธีแก้แบบง่าย ปลอดภัย และประหยัดที่สุดก็คือ การ ดื่มน้ำ นั่นเอง แต่...จะดื่มยังไงดี???? นั่นคือคำถาม ดื่มให้ถูกวิธี คือ ดื่มวันละ 14 แก้ว ได้แก่ 1. เวลาตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น 4 แก้ว 2. ก่อนอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว 3. หลังอาหารทุกมื้อ มื้อละ 1 แก้ว 4. ในเวลา 10.00, 14.00 ,16.00 เวลาละ 1 แก้ว 5. ก่อนนอนดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว รวม 14 แก้ว ........เอิ๊ก...จะดื่มไหวมั้ยเนี่ย...ต้องลองดูนะ เทคนิคในการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพนี้ เค้าบอกว่าถ้าดื่มในช่วงพระอาทิตย์ยังไม่พ้น ขอบฟ้า ต้องดื่มน้ำอุ่น....แต่ถ้าพระอาทิตย์พ้นขอบฟ้าแล้ว ให้ดื่มน้ำเย็นค่ะ เป็นการกลับคืนสู่ธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนหลงลืมอิทธิพลของพระอาทิตย์-พระจันทร์ มานาน ถ้าทำได้ดังที่ว่านั้น เค้าบอกว่าประโยชน์จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ อย่างเห็นได้ชัด เพราะการดื่มน้ำ สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ ทำให้โอกาสในการ เป็นโรคภูมิแพ้ต่ำ สามารถล้างคราบไขมันตามลำคอ และล้างลำไส้ที่มีความยาว 12 เมตรของมนุษย์ได้ ..ที่สำคัญ การดื่มน้ำในจำนวนนี้ทำให้การขับถ่ายไม่มีปัญหา .. สำคัญอยู่ที่ว่า เราจะสามารถดื่มน้ำได้ตามคำแนะนำนี้หรือเปล่า ถ้าทำได้..ไม่ เพียงจะดีกับสุขภาพของคุณ หากยังประหยัดเงินค่ารักษาพยาบาลได้อีกด้วยค่ะ
Create Date : 15 มีนาคม 2549
Last Update : 15 มีนาคม 2549 9:45:55 น.
Counter : 716 Pageviews.
~เคล็ดลับวิธีทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนได้อย่างแม่นยำ ~
เคล็ดลับการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนนี้ เป็นเทคนิคง่าย ๆนักเรียนนักศึกษา สามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกคน ขอแต่เพียงเข้าใจเคล็ดลับวิธีการเท่านั้นเอง หัวใจ สำคัญของการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียน คือ การหมั่นฝึกฝนตามขั้นตอนให้เกิดความ เคยชินจนติดกลายเป็นนิสัยการอ่านเพื่อทำความเข้า ใจนี้จะแตกต่างจากการอ่านเพียงเพื่อท่องจำ ] 1. เวลาอ่านบทเรียนหรือตำรา ให้อ่านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าเราจะไม่อ่านไปเรื่อย ๆ คือเราจะ หยุดอ่านเมื่อจบย่อหน้าหรือหยุดเมื่ออ่านไปได้พอสมควรแล้ว 2. จากนั้นให้ปิดหนังสือ ! แล้วลองอธิบายสิ่งที่ตนเองได้อ่านมาให้ตัวเองฟัง คือ เราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังด้วยภาษาสำนวนของเราเอง ฟังแล้วเข้าใจหรือ เปล่า หากเราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังรู้เรื่อง แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว ให้อ่าน ต่อไปได้ 3. หากตอนใดเราอ่านแล้วแต่ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองรู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่เข้า ใจ ให้กลับไปอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง 4. หากเราพยายามอ่านหลายรอบแล้วยังไม่เข้าใจจริงๆให้จดโน้ตไว้เพื่อนำไปถาม อาจารย์ จากนั้นให้อ่านต่อไป 5. ข้อมูลบางอย่างในตำราจำเป็นที่จะต้องท่องจำ เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อสถานที่ บุคคล หรือ สูตร ต่าง ๆ ฯลฯ ก็ควรท่องจำไว้ด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ ชัดเจนยิ่งขึ้น 6. การเรียนด้วยวิธีท่องจำโดยปราศจากความเข้าใจ เรียนไปก็ลืมไป สูญเสียเวลา เปล่าประโยชน์ เสียเงินทอง 7. การเรียนที่เน้นแต่ความเข้าใจ โดยไม่ยอมท่องจำ ก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่อง ต่าง ๆ ไม่ชัดเจน คลุมเครือ 8. ดังนั้นจึงขอสรุปเทคนิคง่าย ๆ สั้น ๆ ดังต่อไปนี้ :- ก.ให้อ่านหนังสือ สลับกับ การอธิบายให้ตัวเองฟัง ข.ให้ท่องจำเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต้องจำจริง ๆ เช่น ตัวเลข ชื่อเฉพาะต่างๆ อ่านหนังสือด้วยวิธีการนี้จะทำให้เราเข้าใจบทเรียนได้ทั้งเล่ม ไม่ลืมเลย... สวัสดี หมายเหตุ * เทคนิคการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนได้อย่างแม่นยำนี้ เป็นเพียงข้อ เดียว (อรรถปฏิสัมภิทา) ในธรรมะชุดปฏิสัมภิทา 4 หรือ ธรรมะเพื่อความเลิศทาง วิชาการ จาก พระไตรปิฎกมรดกทางปัญญาที่สำคัญที่สุดของคนไทย
Create Date : 14 มีนาคม 2549
Last Update : 14 มีนาคม 2549 4:33:52 น.
Counter : 557 Pageviews.
~ด้วยรักและ..ห่วงใย..ในสุขภาพ~
ด้วยรักและ..ห่วงใย..ในสุขภาพ.... เวลา 21.00-23.00 น. ร่างกายจะสะสมพลังงานรวม ..พลังงานของร่างกายจะสร้างช่วงนี้เท่านั้น..จึงควรพักผ่อนเข้านอน 3 ทุ่ม. เวลา 23.00-01.00 น. พลังงานที่สร้างขึ้นจะเคลื่อนเข้าสู่ถุงน้ำดี..ล้างถุงน้ำดีทำให้ถุงน้ำดีแข็งแรง ย่อยไขมันที่จะเปลี่ยนรูปไปเป็น ฮอร์โมน กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ไขสมอง น้ำหล่อเลี้ยงในร่างกายทั้งหมด การย่อยไขมันของร่างกายจะเกิดขึ้นในช่วงนี้เท่านั้น. หากไม่พักผ่อนช่วงนี้ ไขมันดังกล่าวจะตกตะกอนอยู่ตามร่างกาย เช่นถุงไขมันใต้ตา มีพุง สมอง เลอะเลือนง่าย ปวดไหล่ ปวดท้องง่ายบริเวณลำไส้ใหญ่ ท้องเสีย หรือท้องผูกง่าย เวลา 01.00 - 03.00 น. พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ตับ ... ตับจะเริ่มทำงานโดยใช้พลังงานที่สะสมไว้ ตับจะสะสมอาหารสำรองให้ร่างกายกำจัดของเสีย ผลิตน้ำดี และส่งไปเก็บที่ถุงน้ำดี ถ้าช่วงนี้ไม่หลับนอนร่างกายจะสูญเสียพลังงานที่สะสมไว้ ตับจะอ่อนแอลง การสะสมพลังงานสำรองลดลง การผลิตน้ำดีก็ลดลง ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับอ่อนเป็นผลให้การผลิตอินซูลินลดลงด้วย โรคที่จะเกิดขึ้นคือ โรคเกี่ยวกับความดันโลหิตแปรปรวน โรคเก๊าท์ โรครูมาตอยด์ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เบาหวาน หัวใจ กระดูกเสื่อม เวลา 03.00 - 05.00 น. พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ปอด ถ้าปอดแข็งแรงผู้นั้นจะหลับสนิท ถ้าเป็นโรคปอดหรือสูบบุหรี่ จะไม่รู้สึกสบายตัวและจะถูกปลุกให้ตื่นช่วงนี้ จะไอและหายใจขัด.. เวลา 05.00 - 07.00 น. พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ลำไส้ใหญ่...เป็นช่วงที่เราต้องถ่ายอุจจาระ ร่างกายจะต้องเอาของเสียทิ้งให้หมดก่อน 07.00 น. ถ้าไม่ถ่ายร่างกายจะเริ่มดูดซึมของเสียเข้าสู่ระบบเลือด นี่เป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า เกิดไขมันเสีย ๆ ... ควรออกกำลังกายช่วงนี้ เพื่อให้ลำไส้ใหญ่ขยับตัวและเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนของเสีย เวลา 07.00 - 09.00 น. กระเพาะอาหารจะทำงานได้สูงสุดในช่วงนี้เท่านั้น กระเพาะอาหารจะต้องการอาหารและจะหลั่งน้ำย่อยมากที่สุด... ผู้ที่ไม่รับประทาน อาหารเช้าจะมีโอกาสเป็นโรคกระเพาะอาหาร และจะเกิดโรคหัวใจด้วย เพราะไม่ได้ สารอาหารสำหรับทุกอวัยวะเพื่อกลับไปสร้างพลังงานรวม. ... เวลา 09.00 - 11.00 น. ม้ามจะเริ่มเก็บพลังงานสำรอง เก็บสารอาหารจากการย่อยของกระเพาะอาหาร...การที่เราไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ร่างกายจะดึงพลังงานสำรองออกมาใช้ พลังงานรวมจะหายไป ร่างกายจะอ่อนแอ ไม่มีแรง... เวลา 11.00 - 13.00 น. พลังงานจะเคลื่อนที่ไปที่หัวใจ...ถ้าร่างกายไม่ได้สารอาหาร หัวใจจะทำงานลำบาก หัวใจวายได้ง่ายในช่วงนี้.. เวลา 13.00 - 15.00 น. พลังงานจะเคลื่อนสู่ลำไส้เล็ก...ลำไส้เล็กจะทำงานโดยเปลี่ยนรูปอาหารที่ได้จากตอนเช้า ทั้งคาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ เป็นพลังงานทั้งหมด...ถ้าไม่ได้รับอาหารเช้า อาหารที่จะย่อยในลำไส้เล็กก็ไม่ ... เวลา 15.00 - 17.00 น. พลังงานจะเคลื่อนมาที่กระเพาะปัสสาวะ..ของเสียที่เกิดขึ้นจากการแปรรูปอาหารที่ลำไส้เล็กจะเกิดขึ้น กระเพาะปัสสาวะจะทำงานมากที่สุด... ... เวลา 17.00 - 19.00 น. พลังงานจะเคลื่อนมาที่ไต..ช่วงนี้ไตทำงานหนัก ไม่ควรออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วงเย็นจะทำให้...ไตวายง่าย เวียนหัว ตาพร่า ปวดศีรษะ.. ... เวลา 19.00 - 21.00 น. พลังงานจะเคลื่อนมาที่กล้ามเนื้อหัวใจ...กล้ามเนื้อหัวใจจะทำงานชะล้างตัวเอง ทำงานช้าลง ช่วงนี้ต้องพักผ่อน ถ้าไม่พัก เลือดจะข้น กล้ามเนื้อหัวใจจะทำงานหนัก ทำให้หัวใจโต.. ... ทั้งหมดนี้เป็นการหมุนเวียนของพลังงานในร่างกาย...เป็นทฤษฎีการดูแลสุขภาพของจีนที่มีอายุมากว่า 5000 ปี (ยาวนิดหนึ่งนะค่ะ..ขอบคุณที่ช่วยเข้ามาอ่านค่ะ)
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2549 4:12:05 น.
Counter : 460 Pageviews.
เขียดน้อยออนไลน์ ยินดีต้อนรับค่ะ
Ich Liebe Dich
Bittersweet memories
that is all I'm taking with me.
So, goodbye. Please, don't cry.
We both know I'm not what you, you need.
And I will always love you.
I will always love you.
..ti.amo..
>