Group Blog
 
All Blogs
 

ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน

ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ครั้งหนึ่งมีไม้ขีดไฟเล็กๆ อันหนึ่ง หล่นลงมาอยู่ข้างๆ ดอกทานตะวัน เมื่อไม้ขีดไฟเห็นดอกทานตะวันแล้ว บังเกิดความหลงรักในความสวยงามของดอกทานตะวัน ที่เพียงเห็นแค่ด้านข้างเท่านั้น ก็สวยไปทุกสัดส่วน ไม้ขีดไฟคิดต่อว่า ถ้าได้เห็นด้านหน้าล่ะจะสวยงามขนาดไหน จึงเพียงพยายามร้องบอกให้ดอกทานตะวันหันหน้ามาหาตนบ้าง แต่ไม่ว่าจะร้องอย่างไร ดอกทานตะวันก็มิได้สนใจ แม้แต่จะเหลียวหน้ามา เพราะธรรมชาติของดอกทานตะวันย่อมหันหน้าเข้าหาแต่ผู้สง่างาม สว่างไสว เช่น ดวงอาทิตย์เท่านั้น ไม้ขีดไฟปรารถนาที่จะได้เห็นหน้าดอกทานตะวันอย่างแรงกล้า จึงจุดตัวเองให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา แต่ก็เป็นไฟขึ้นมาได้เวียบเดียว ไม้ขีดไฟก็มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน เนื้อเรื่องสรุปทำนอง ตัดพ้อรำพันถึงชายหนุ่มที่ด้อยวาสนา แต่หมายปองสาวผู้สูงศักดิ์ ทำทุกอย่างเพื่อรัก แม้แลกด้วยชีวิต สุดท้ายก็ต้องตายอย่างไร้ค่า เพราะสาวผู้นั้นไม่ใยดี เราก็สารภาพแต่โดยดีว่าก็เป็นหนึ่งในไม้ขีดไฟหลายๆก้านที่พยายามเผาตัวเองเพียงเพื่อให้ดอกทานตะวันแสนสวยดอกนั้นหันมามอง โดยที่ไม่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำสุดแสนจะโง่เง่าและแสดงออกถึงการที่ไม่รู้จักรักตัวเอง แต่คนบางคนก็มีความสุขที่จะทำแบบนั้น เราถึงได้คิดอยู่เสมอว่า ถ้าหากว่าเราหรือใครก็ตามอยากจะทำอะไรเพื่อคนที่เรารักก็ปล่อยพวกเราทำไปเถอะ วันหนึ่งวันใดพวกเราเหนื่อยขึ้นมาเดี๋ยวก็จะหยุดไปเอง ถ้าหากคิดตามหลักพระพุทธศาสนาแล้วเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะคนเหล่านั้น(รวมทั้งเราด้วย)เข้าใจไปว่าตนเองเป็นเช่นไม้ขีดไฟ ที่ไม่มีวันเป็นดวงอาทิตย์ไปได้ แต่ สำหรับคนที่เข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรม จะรู้ดีว่า เราสามารถสร้างวาสนาของเราเองให้ดีขึ้นมาได้ด้วยการสร้างบุญกุศล ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส ถ้าทำได้เช่นนี้ วาสนาจะก้าวเข้ามาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องไปไขว่คว้าแต่อย่างใด ดังสุภาษิตว่า "เมื่อทำใจเฉยๆ ไม่อยากได้สิ่งใด เมื่อนั้นเราจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ"


ชื่อเพลง : ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ศิลปิน : วิยะดา โกมารกุล


YouTube.com


 เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย


Me, a little lonely Match Stcik


แอบรักดอกทานตะวัน


Have fallen into the Sunflower


แรกแย้มยามบาน อวดแสงตะวัน


When he firstly blooms at the sun


ช่างงดงามเกินจะเอ่ย


It is such an undescribable beauty


 ดอกเหลืองอำพัน ไม่หันมามอง


His dazzling yellowish face never turns to me


 แม้เหลียวมา ยังไม่เคย Nor a little glance


ไม้ขีดเจ้าเอ๋ย เลยได้แต่ฝัน ข้างเดียว


Oh, poor Match Stick ... It can be only a day-dream


ดอกไม้จะบาน และหันไปตาม


That Sunflower will bloom and keep looking at


แต่แสงจากดวงอาทิตย์


The sun only


จุดตัวเองก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟ ขึ้นมา


Suddenly, I voluntarily burn myself into flame


เพียงปรารถนา ให้มีลำแสง สีทอง


Just to generate the golden shaft of the ray of light


จุดตัวเองก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟขึ้นมา


Suddenly, I voluntarily burn myself into flame


 เพียงปรารถนา ดอกทานตะวัน หันมอง


Just to make that Sunflower turn into


สักครั้ง Just once


เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย


Me, a little lonely Match Stick


สาดแสงในใจ ไม่นาน


Can only shine for a while


ดอกเหลืองอำพัน จึงหันมามอง


When the Sunflower turns to


และพบเพียงกองเถ้าถ่าน


He only finds a bunch of ash


 เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย


Me, a little lonely Match Stick


เพราะรักจริงใจ อย่างนั้น


Because of the sincerely love


เพียงแค่เธอหัน เพียงแค่เธอมอง ก็พอ


Just want him turn to look at ... It's enough


ขอบคุณ บทความดีๆจาก FW Email






Free TextEditor




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2554    
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 23:57:06 น.
Counter : 5239 Pageviews.  

เนื้อคู่มีมากกว่าหนึ่งคนได้ไหม?

เนื้อคู่มีมากกว่าหนึ่งคนได้ไหม?

ตามโพลสำรวจในปัจจุบัน มากกว่า 70 เปอร์เซนต์ ของผู้อ่านคอสโมฯ บอกว่า มันสำคัญสำหรับพวกเราที่จะได้แต่งงานกับเนื้อคู่ นั่นอาจไม่น่าแปลกใจ แต่ที่น่าแปลกคือ เกินครึ่งกลับกลัวว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้ลงเอยกับเนื้อคู่ นั่นน่าขันมากสำหรับผู้หญิงที่สนุกและปราดเปรียวเหล่านี้ที่กังวลว่า พวกเขาจะไม่สามารถเจอผู้ชายที่เหมาะสมเพอร์เฟ็คจริงๆ แต่เรากำลังสงสัยว่า หรือมันจะมีเหตุผลสนับสนุนความคิดเหล่านี้ คุณจะสามารถมีความผูกพันอย่างโรแมนติกลึกซึ้งเพียงแค่คนเดียว หรือคุณจะสามารถมีความสัมพันธ์ระดับเข้มข้นเช่นเดียวกันได้ กับผู้ชายหลายคนตลอดช่วงชีวิตของคุณ?

"วัฒนธรรมของเราสนับสนุนความ คิดที่ว่าผู้หญิงสามารถมีเจ้าชายรูปงามขี่ม้าขาวได้เพียงคนเดียว และเมื่อเธอพบพวกเขา จะอยู่อย่างมีความสุขตลอดกาล" ศาสตราจารย์โจเซฟ ดรากัน ผู้เขียนหนังสือ "Falling in Love Is Not Enough" กล่าว อย่างไรก็ดีไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่เราสัมภาษณ์สำหรับ หัวข้อนี้ จะเชื่อทฤษฏีเรื่องการมีคู่แท้เพียงคนเดียวเท่านั้น หรือไม่ใช่แค่ทฤษฏีที่ว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันสามารถกำหนดชีวิตรักของคุณได้

ความสัมพันธ์หลากหลาย " คุณสามารถตกหลุมรักคนหลายๆ คนในเวลาเดียวกันได้แน่นอน และดูเหมือนว่าคุณจะสามารถตกหลุมรักได้หลายรูปแบบด้วย โดยขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงชีวิตของคุณ" ศาสตราจารย์โจเซฟอธิบาย

ขณะที่คุณเติบโตและ เปลี่ยนแปลงมีประเภทของผู้ชายที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละการเปลี่ยนแปลงของคุณ ดังนั้น คู่แท้ของคุณในวัย 18 ปี กับคู่แท้ในวัย 28 ปี จึงต่างกัน นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมคนส่วนใหญ่จึงไม่ลงเอยกับรักแรกของพวกเขา

การที่เชื่อว่ามีคู่แท้เพียงคนเดียวนั้น โรแมนติกจริง แต่การยึดติดกับแนวคิดที่ว่ามีคู่แท้ได้เพียงคนเดียว อาจทำให้คุณพลาดผู้ชายดีๆ หลายคน ขณะที่มัวแต่รอคนๆ นั้น เติมเต็มตัวคุณ

คุณจะสามารถทนอยู่กับบางคนที่ไม่ควร เพียงเพราะคุณกรอกหูโน้มน้าวใจตัวเองให้เชื่อว่าเขาคือคู่แท้คนนั้น เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นมักจะเกิดขึ้นได้ง่ายในความสัมพันธ์ที่กำลังจะเริ่มจริงจัง เมื่อคุณตกอยู่ในภวังค์ความคิดนั้น

ให้ความคิดนี้เป็นเพียงนิยาย ลองจินตนาการ ลองจินตนาการถึงเนื้อคู่ที่เป็นเศรษฐีพันล้าน โครงหน้าเหลี่ยมสวย การกำหนดอะไรไว้เป็นการจำกัดโอกาสในการเจอรัก "โรคคลั่งคู่แท้ เกิดขึ้นเมื่อคุณพยายามสร้างสเป็คของชายในฝันไว้ในหัวซึ่งมันได้สร้างมาตรฐานที่ไม่วันหาเจอได้"

ผู้หญิงที่มักวาดภาพคู่แท้ไว้ในใจ เพื่อให้มาเป็นคู่ชีวิตส่วนใหญ่แล้วแน่นอนว่าไม่เจอชายคนนั้น หรือพูดง่ายๆ ว่า น้อยมากถึงมากที่สุดที่ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น และหากปาฏิหาริย์มีจริง เธออาจจะไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีสวยงามตลอดไปก็เป็นได้

การอยู่ที่ความพอดีคือกุญแจ สำคัญ อย่ารีบกำหนด ติดฉลากบอกยี่ห้อเป็นเจ้าของที่เข้าข่ายเป็นเนื้อคู่การจินตนาการถึงคู่แท้ที่สุดยอดเพอร์เฟ็คนั้น น่าตื่นเต้น เพราะในความเป็นจริงแล้วมันน่าตื่นเต้นกว่าเยอะที่คุณจะได้รู้ว่าใครกันแน่ ที่เหมาะสมกันจริงๆ


ที่มา : นิตยสาร Cosmopolitan




Free TextEditor




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2554    
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 23:22:31 น.
Counter : 469 Pageviews.  

ไม่ว่าจะอย่างไร..รักก็คือรัก

ไม่ว่าจะอย่างไร..รักก็คือรัก


หลายๆวันที่ผ่านมา เราเจอเรื่องต่างๆมากมาย ได้พบคนที่มีความสุขที่สุดและเจอคนที่ทุกข์ที่สุด เราจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่าความทุกข์ที่เรามีเกิดจากสิ่งใด คำตอบที่ใช่ที่สุดคงเป็นทุกข์ที่เกิดจากความรัก รักที่ให้ไปโดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน รักที่สามารถรอได้เสมอไม่ว่านานแค่ไหน เราเคยพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะหันหลังให้กับความรัก แต่สุดท้ายเราก็เผชิญกับมันอยู่ดี จะสุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ กับความรักมากแค่ไหน สุดท้ายรัก...ก็คือ..รัก

I would like to dedicate this blog for my dearest friend and everybody who seeking for real love.Don't give up and don't stop to have faith in love.Love always beautiful in our heart whether we're happy or suffering.




"The best and most beautiful things cannot be seen or even touched, they must be felt with the heart."

"สิ่งที่สวยงามที่สุดมิอาจสัมผัสได้โดยสัมผัสทางกาย ทว่าต้องรับรู้ผ่านหัวใจ"

"When you love someone..you'll do anything to reach the heart of the one you love."

"เมื่อคุณรักใครสักคน...คุณจะทำทุกอย่างเพื่อชนะใจเขา"

"When you feel true love...you follow the way of the heart."

"เมื่อมีรักแท้...คุณก็พร้อมที่จะไปตามเสียงเรียกร้อง ของหัวใจ"

"When you're in love..life is like a romance novel that you never want to end."

"เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งรัก ..ชีวิตก็เหมือนดั่งนิยายที่คุณอ่านไม่จบ"

"True love is like a jigsaw puzzle. The pieces will find themselves when they are right for each other."

ความรักที่แท้จริงก็เหมือนกับเกมจิ๊กซอร์ ชิ้นส่วนทั้งหมดจะสามารถค้นพบตัวเองได้ก็ต่อเมื่อแต่ ละชิ้นสามารถหาชิ้นที่"ใช่"สำหรับตัวมันเอง

"To love is nothing. To be loved is something. To love and be loved is everything!!"

การได้รักเป็นเพียงความว่างเปล่า การถูกรักเป็นเพียงแค่บางสิ่งบางอย่าง ส่วนการได้รักและการถูกรัก นั้นเป็นทุกอย่าง

"It's not too hard to find some love but it's also not easy to make that love to be forever."

อันความรักไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้มา และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่จะรักษาความรักนั้นให้อยู่เป็นนิรันดร์

"Life is beautiful with people like you in it."

ชีวิตช่างงดงามนัก เมื่อมีคนอย่างคุณอยู่ด้วย

"The only abnormality is the incapacity to love."

ได้มีรักและสูญเสียมันไป ยังดีเสียกว่า ไม่รู้จักความรักเลย

"Thoughts of you brighten up my day."

การได้คิดถึงคุณ ทำให้วันของฉัน..สว่างไสว

"To LOVE is to GIVE."

ความรักคือการให้

"When you love someone, say it. Say it loud. Say it right away, or the moment...just passes you by."

เมื่อไหร่ที่คุณรักใครสักคน จงบอกเขา บอกไปเลยดังๆ ว่า คุณรักเขามากมายแค่ไหน อย่าปล่อยจนถึงวันที่เขาไม่อยู่ให้คุณบอกรัก

"Love is composed of a single soul inhabiting two bodies."

ความรักคือ การรวมจิตวิญญาณของคนสองคนให้เป็นหนึ่ง

"If I can stop one heart from breaking, I shall not live in vain."

ถ้าฉันสามารถหยุดหัวใจเพียงหนึ่งเดียวนี้ไม่ให้แตกสล ายได้ ฉันคงไม่อยู่อย่างเปล่าไร้เช่นนี้

"If you love something...let it go, if it comes back to you it was truly meant to be."

ถ้าคุณรักในใครซักคน จงปล่อยให้เขาเป็นอิสระ เพราะถ้าคู่กันแล้ว ยังไงซะเขาก็เป็นของคุณ

"It's easy to say 'I LOVE YOU'. But only 'I DO' says you're really one, for always..."

คําว่ารักใครก็พูดได้ แต่สิ่งสําคัญกว่านั้นคือรักที่รักจริงๆ จากหัวใจ

"Love can make you happy but often times it hurts, but love is only special when you give it to who its worth."

ความรักสร้างสรรค์ความสุข แต่บ่อยครั้งก็สร้างความเจ็บปวด ทว่า..เมื่อคุณให้ความรักแก่คนที่สมควรได้รับ..ความรักนั้นจะมากค่า

"Love has no control and neither does one's mind when they are in love."

ความรักไม่มีกฎเกณฑ์บังคับ ไฉนเราจะบังคับคนที่กำลังมีความรักได้

"True love lasts forever."

ความรักที่แท้จริงเป็นอมตะ

"Some people think that it's holding on that makes one strong, Sometimes it's letting go."

บางคนคิดว่า การได้ครอบครองในสิ่งที่รัก จะทำให้รู้สึกมั่นคงในรัก แต่บางทีการให้อิสระ อาจจะมีค่ามากกว่านั้น


Credits:Lovepoem.com



Free TextEditor




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2554    
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 23:03:37 น.
Counter : 486 Pageviews.  

ในวันที่แม่ไม่อยู่


แม่จ๋า ในวันที่แม่ไม่อยู่ แม่รู้มั้ยว่าลูกเศร้ามาก ไม่มีแม่มาคอยปลอบโยน ลูกอีกแล้ว


ต้นเดือน มิ.ย. โทรหาแม่ เพื่อรอคำยืนยัน ว่า จะไปเที่ยวลาว กีบพี่ๆ แต่พ่อบอกว่า อย่าเพิ่งชวน แม่เที่ยวเลย


ช่วงนี้ แม่ไม่คอยสบาย ลูกก็ไม่คิดว่า แม่จะเป็นอะไรมาก เพราะปกติ แม่จะเป็นเบาหวาน อยู่แล้ว


และแม่ก็กินยามาตลอด ควบคุมอาหารตลอด แต่เมื่อพ่อบอกว่า พาแม่เข้าโรงพยาบาล ก็รู้สึกเป็นห่วงแม่จัง


วันที่ 27 มิ.ย.54


ได้ลงไปเยี่ยมแม่ที่ใต้ พร้อมน้องเก้า แม่จำน้อยได้ ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก ให้หอมก็หอม ให้กอดก็กอด ถามคำตอบคำ


คิดว่าแม่น้ำตาลขึ้นลงเร็ว ก็เลยทำให้จำไม่ได้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่หายก็จำลูกได้เหมือนเดิมแล้ว


อยู่กับแม่จนถึงวันที่ 29 มิ.ย. ก็กลับโคราช


วันที่ 30 มิ.ย.54


พี่แอ๊ะ ลงไปหาแม่ และหมอก็ให้แม่ออกจาก ร.พ. เหตุผลว่า ให้ไปควบคุมน้ำตาลเอง เพราะแม่ไม่มีไข้


พี่แอ๊ะ กับพี่หมึกคิดว่า จะพาแม่มารักษาตัวที่กรุงเทพ อยากให้หายป่วยเร็วๆ จึงตัดสินใจ พาแม่เข้ากรุงเทพ


เข้าที่ร.พ.ธนบุรี วันที่ 3 ก.ค.54 คุณหมอเวร ถามอาการ เมื่อพี่แอ๊ะเล่าอาการให้ฟัง ก็พาแม่เอ็กซเรย์ สมอง ปรากฏว่า คุณหมอแจ้งพวกเราว่า


แม่มีเนื้้องอก แล้วจะทำ scan สมองอีกครั้งในตอนบ่าย แต่ผลที่ออกมา ทำให้พวกเราช็อกไปตามๆ กัน หมอแจ้งว่า แม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่สมอง มันเป็นไปได้ยังไง แม่เนี่ยนะ เป็นมะเร็ง คนเป็นโรคนี้ ยังเที่ยวได้ปกติเหรอ ที่ผ่านมาแม่มาหาน้อยทุกเดือนเลย แม่เดินทางบ่อยมาก ไม่มีอาการของคนป่วยร้ายแรงเลย หมอวิเคราะห์ผิดรึเปล่า แต่ตอนนั้น น้อยก็ร้องไห้จนจะขาดใจตายอยู่แล้ว รับไม่ได้ แต่คนที่น่าสงสารมากที่สุดก็คือพ่อ พ่อน้ำตาไหล ตาแดงตลอดเวลาเลย ตอนกลางคืน หมอไม่ให้พวกเรานอนที่ร.พ. เพราะแม่อยู่ห้อง ไอซียู พวกเราก็เลยกลับไปนอนบ้านน้ามด เช้ามาก็นังแท็กซี่ไป ร.พ.กับพ่อ ระยะทางไกล้มาก แต่เราสองพ่อลูกเหมือน ไกลแสนไกล คิดถึงแม่ เป็นห่วงแม่ เมื่อคืนเราทิ้งให้แม่อยู่ที่ ร.พ.คนเดียว ระหว่างนั่งรถ พ่อน้ำตาไหล สงสารพ่อจัง พ่อรักแม่มาก พวกเราลูกๆ รับรู้ตลอด มาถึง ร.พ. หมอบอกว่า ต้องผ่าตัดด่วน ถ้าไมผ่า แม่จะอยู่ได้ เดือน หรือ สองเดือน แต่ถ้าผ่าตัดแล้ว แม่จะสามารถมีชีวิตได้อีก 1 ปี พวกเราก็ตกลงว่า ยังไงก็ต้องผ่าตัด รักษาแม่ให้ดีที่สุด หมอนัดผ่าตัดแม่วันที่ 4 ก.ค. ตอนเย็นพวกเราอยู่กันครบทุกคน รวมทั้ง น้ามด น้าแอน น้าหมู น้าแกะ ป้าณี นั้่งเฝ้าแม่ที่หน้าห้องผ่าตัด แม่หายเข้าไป ประมาณ 3 ชั่วโมง การผ่าตัด ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หมอขอคุยกับพวกเรา พ่อและพี่ๆ หลังผ่าตัด แจ้งว่า ได้ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อร้ายออกไปแต่ยังเหลือบางส่วนที่ข้างแกนสมอง เพราะถ้าผ่าไป จะเสี่ยงที่ทำให้แม่เป็น เจ้าหญิงนิทรา หมอก็เลยไม่ผ่าออก


เช้ามาหลังการผ่าตัด พวกเรารีบมาดูแม่ที่ร.พ. ปรากฏว่า แม่นั่งอยู่บนเตียง กินข้าวเอง หน้าตางี้สดชื่นเชียว พ่อบอกว่า พ่อดีใจจังเลย เห็นแม่หน้าตาสดชืนมาก ลูกก็ดีใจ เพราะ คิดว่า แม่ต้องหายแน่ๆ หมอย้ายแม่มาอยู่ห้องพิเศษ เพื่อดูอาการ ลูกอยู่เฝ้าแม่ตลอดหลังการผ่าตัด แล้วก็ขอแม่กลับไปทำงานต่อที่โคราช และวันเสาร์ก็มาหาแม่อีกครั้ง เพราะวันอาทิตย์ พีเชนจะพาแม่เข้าที่ศูนย์รักษาโรคมะเร็งที่สุราษฏร์ เพื่อฉายแสง ระยะแรก พ่อบอกว่า แม่อ่อนเพลีย ไม่แน่ใจว่า มาจากการเดินทางด้วยหรือเปล่า แม่ก็ทรงเรื่อยๆ แต่น้อยก็คิดว่า เด๊่ยวแม่ก็ดีขึ้น ต้องใช้เวลา หลังการฉายแสง 10 ครั้งผ่านพ้นไป พี่เชน พาแม่ย้ายมาที่ร.พ.เวียงสระ เพื่อรอพาแม่ไปหาหมอเพื่อตรวจอีกครั้ง พ่อไม่อยากให้แม่กลับบ้าน อยากให้แม่อยู่ในสายตาของหมอตลอด วันที่ 12 ส.ค. 54 พี่แอ๊ะไปเยี่ยมแม่ ที่ร.พ. และบอกว่า แม่ผอม จำอะไรไม่ได้มากกว่า เก่า ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ได้แต่นอนนิ่งๆ แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าบอกน้อย จนมาตอนเย็นที่ 20 ส.ค. 54 พ่อโทรมาบอกว่า "น้อย ทำใจดีๆ นะลูก แม่ไม่สบายมาก ไม่รู้จะอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน ถ้ามาได้ ก็ให้มานะลูก" ประโยคนี้ อยู่ในหัวตลอดเวลา รับไม่ได้ กับสิ่งที่ได้ยิน แม่ของลูก แม่สุดที่รักของลูก กำลังจะหนีจากลูกไปแล้ว คิดกังวลไปหมด ภาวนาตลอดเวลาว่า "แม่จ๋า รอน้อยด้วย น้อยจะรีบไปหาแม่" เช็ค รถเพื่อเข้ากรุงเทพ ถามพี่แอ๊ะ ว่า เราจะกลับไปยังไงดี เป็นห่วงแม่จัง น้อยอยู่โคราช พี่แอ๊ะอยู่กรุงเทพ ตัดสินใจ ขึ้นรถจากโคราชตอน ตี 1 มาถึง ดอนเมือง ตอนตี 4 ซื้อตั๋วที่เคาร์เตอร์ตอนเช้า 7 โมง มาถึงสุราษฎร์ ตอน 8 โมง แต่ กว่า จะนั่งรถไปถึง ร.พ. ก็เกือบ 11 โมง


เจอแม่ แม่หายใจเร็วมาก หอบ แต่แม่จ๋า แม่ยิ้มให้น้อยด้วย น้อยดีใจจังเลยค่ะแม่ ได้คุยกับแม่ คุยให้แม่ฟังคนเดียว แม่ตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร บอกรักแม่ตลอด หอมแม่ จับมือแม่มากอด เหมือนเดิม แม่ยิ้มให้ แม่มองหน้า แล้วก็ยิ้ม บอกแม่ว่า น้อยมาหาแม่แล้วนะ สงสารแม่จัง แม่เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย ไม่อยากจะคิดว่า แม่จะไปจากน้อย ไม่คิด ตอนกลางคืน ไม่กล้านอน เพราะ กลัวแม่ไปตอนที่น้อยหลับ ลากเก้าอี้ มานอนไกล้เตียงแม่ จับมือแม่ไว้ จนตี 2 อาการแม่แย่ลง เหมือนแม่จะไป พ่อสวดมนต์ให้แม่ พวกเราก็พูดให้แม่ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว พวกเราโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ แม่หลับให้สบาย ไม่ต้องกังวลอะไรอีก แม่ยิ้่ม และมองน้อย มองพ่อ พี่แอ๊ะ พี่เชน (พี่หมึกต้องกลับนคร เพราะตอนเช้า ต้อง present งาน และบอกแม่ว่า พรุ่งนี้ 22 จะมาใหม่) สายตาที่แม่มอง เป็นสายตาของแม่ที่จำน้อยได้ แต่แม่พูดออกมาไม่ได้ แววตาดีใจ ที่เห็นหน้าลูกๆ กับพ่อ พี่แอ๊ะปล่อยโฮเลย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีแอบร้องไห้ แต่เสียงไม่มี รอบนี้ เสียงดังเลย พ่อบอกว่า เหมือนแม่สั่งลา แต่แม่ก็เหมือนรอพี่หมึก เพราะขาดพี่หมึกคนเดียว ที่บอกแม่ว่า จะมาพรุ่งนี้่อีกครั้ง เห็นแม่มองไปรอบๆ เหมือนจะหา ก็คิดในใจว่า เดี่ยวตอนเช้่าค่อยโทรบอกพี่หมึกให้รีบมา เพราะอยากให้พี่หมึกปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองก่อน ไม่อยากให้พี่เสียงาน ตี 4 เรียกพี่แอ๊ะมานั่งเป็นเพื่อน เพราะแม่ทรุดลงเรื่อยๆ ความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ พีแอ๊ะกับน้อย ก็เลย ได้หอมได้กอดแม่กันจนถึงเช้า แม่มองหาพี่หมึก เราก็เลยโทรหาพี่หมึกตอนเกือบ 7 โมงเช้า พี่หมึกก็ขอคุยกับแม่เราก็เอาโทรศัพท์ไปแนบกับหูแม่ และพี่หมึกก็บอกเราว่า ให้บอกแม่ว่า ให้หลับให้สบาย ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว และน้อยก็เล่าให้พี่เชนฟังว่า พี่หมึกบอกมาให้บอกแม่ พอน้อยพูดจบ แม่ก็เกร็งมือ น้อยก้เรียกพ่อ พี่แอ๊ะวิ่งเข้ามาพอดี แม่ตาค้าง หัวใจหยุดเต้น พ่อกับน้อย ปิดตาให้แม่ พ่อสวดมนต์จนจบ แม่จ๋า น้อยได้ทำทุกอย่าง ที่แม่เคยส่งให้ ประโยคสุดท้ายของคำกลอน "หวังให้เจ้าปิดตา เวลาตาย" น้อยทำได้ค่ะแม่ แม่จ๋า น้อยรักแม่ค่ะ เคยคิดว่า จะอยู่ได้ยังไง ถ้าไม่มีแม่ และแม่ได้จากน้อยไปตอน 7.05 น. ของวันที่ 22 ส.ค. 54 หากชาติหน้ามีจริง น้อยขอเป็นลูกของแม่ตลอดไปค่ะ
พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน

จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววานของคืนวัน

ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน

แต่ชีพมิทนนาน ต้องร้าวรานสลายไป

ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ

คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน

ไม่รักก็ไม่ว่า เพียเมตตาช่วยอาทร

ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ

เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย

ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน

เฝ้าเลี้ยงจนตัวใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน

หวังเพียงจะได้ผล เติบโตจนสง่างาม

ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกทุกยาม

ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย

ต้นไม้ที่ใกล้ฝัง มีหรือหวังอยู่นานได้

วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

ยามมีกิจ หวังให้เจ้า เฝ้ารับใช้

ยามป่วยไข้ หวังให้เจ้า เผ้ารักษา

ยามถึงคราว ล่วงลับ ดับชีวา

หวังให้เจ้า เฝ้าปิดตา เวลาตาย






Free TextEditor




 

Create Date : 13 กันยายน 2554    
Last Update : 15 กันยายน 2554 23:18:46 น.
Counter : 710 Pageviews.  

เวลาในการดื่มน้ำ

เวลาในการดื่มน้ำ ^^

วันนี้เอาบทความเกี่ยวกับเงลาในการดื่มน้ำใน 1 วันมาฝากคะ

>>ตื่นนอนตอน เช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ

>>ตอนสายๆ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9 โมงถึง 10 โมงเช้า) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไป

>>ตอนบ่ายๆ 3 แก้ว (เวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง)

>>ตอนเย็น 3 แก้ว (เวลาประมาณ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม)

>>ก่อนนอนให้ ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างใน ลําไส้และกระเพาะอาหาร และยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น




 

Create Date : 18 มกราคม 2554    
Last Update : 18 มกราคม 2554 21:57:18 น.
Counter : 620 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

karnguy
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





เป็นความสุขเล็กๆ ของเราค่ะ ที่ชอบทำอะไรแบบนี้ ก็จะแอบเล่นเนตตอนลูกหลับ ประมาณนั้น
;}
Friends' blogs
[Add karnguy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.