If you want to make peace,You don't talk to your friends.You talk to you enemies. ไอ้กลินท์ ไม่ใช่ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน !
Group Blog
 
All blogs
 

มนุษย์ประจำวัน

มนุษย์ประจำวัน

ห้องสี่เหลี่ยมเบอร์ 203
สีขาวแถบเขียวบาง
06.00 เสียงของริงโทนมือถือปลุก....ให้เจ้าของห้องตื่นนอนจากเตียง
06.01 พร้อมกับการอ้าปากหวอ ขยี้ตา มองดูมือถือ
06.02 เปิดทีวี
06.03 หยิบผ้าเช็ดตัว มองกระจก เดินเข้าห้องน้ำ
06.04 จับแปรงสีฟัน บีบยาสีฟัน

06.07 นั่งลงบนโถชักโครก------ปลดปล่อยพร้อมกับการแปรงฟัน

06.10 เปิดฝักบัวช้าๆ อาบน้ำ


06.30 ยืนหน้ากระจก ส่องตัวตน เตรียมการห่อหุ้มร่างกาย
06.50 อาหารเช้า วางบนโต๊ะ
ปากกิน ตา หู ดูและฟังทีวี
07.00 รายการข่าวมากมายไหลพรั่งพรูเข้ามาในร่างกาย

07.01 ปิดประตูห้องสีเหลี่ยม(การเดินทางบนเส้นทางเดิมเริ่มขึ้นเฉกเช่นทุกๆ เริ่มขึ้นอีกแล้ว)

07.10 บนถนน

07.30 ถึงที่ทำงานเดินทางเข้าสู่สวนผักแห่งอาชีพ
ทักทาย มนุษย์ประจำวันคนอื่นๆ

08.00 วัง วน วัง วน วัง วน โลกการทำงาน

12.00 อาหารเที่ยง

13.00 วัง วน วัง วน วัง วน โลกการทำงาน อีกครั้ง

17.00 ผึ้งแตกรัง

18.00 บนถนน

18.30 อาหารเย็น

19.00 เปิดประตูห้อง

19.05 หยิบผ้าเช็ดตัว มองกระจก เดินเข้าห้องน้ำ
19.30 ยืนหน้ากระจก ส่องตัวตน เตรียมการห่อหุ้มร่างกาย
20.00 จับรีโมทข่าว/ละครทีวี

22.00 หลับตา

24.01 พรุ่งนี้ของมนุษย์ประจำวัน


ก.กลินท์
23 เม.ย.2552
7.40
(อยู่ในระหว่างการปรับปรุง !)




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2552    
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 22:01:58 น.
Counter : 434 Pageviews.  

แมลงปอใบลาน

แมลงปอใบลาน
บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ปกติมากเสียจน
เราไม่รู้สึกว่าหลงลืม และไม่ได้ให้ความสนใจหรือความสำคัญ กับคนที่ผ่าน หมุนเวียน เปลี่ยนแปลงอยู่ข้างรอบกายตลอดเวลา และเราก็เป็นคนหนึ่งของคนอื่นๆ นั้นด้วยเช่นกัน

เด็กชายตัวกะเปี๊ยก(คนที่ผ่านเข้ามาหาฉัน ไม่เพียงแต่อยากจะถาม รู้จัก หรือมองเห็นว่ามีอยู่)
เด็กชายตัวกะเปี๊ยกผิวคล้ำขายแมลงปอใบลาน ตัวละ 10 บาท
เดินร้องเร่ขาย ยามใกล้ค่ำ หาเงินแลกข้าวเพื่อชีวิตของแม่และยาย

"น้องกินข้าวแล้วยัง" ฉันเริ่มต้นด้วยคำถามธรรมดา สั้นๆ ที่หวังคำตอบในใจอยู่เล็กๆ

"กินแล้ว" คำตอบสั้นๆ กว่าที่ฉันจะคาดคิดอีก

"พี่ช่วยซื้อแมลงปอใบลาน ผมหน่อยได้ไหมตัวละ 10 บาทผมต้องเอาเงินไปซื้อข้าวให้ยาย"

เด็กชายตัวเล็ก เสนอขายสินค้าฉันด้วยน้ำเสียงเชิญชวนให้สงสาร

"น้องบ้านอยู่ไหนครับ"
"เรียนหนังสือไหม ชั้นไหนแล้ว"
"แล้วเนี่ยพ่อแม่ ไปไหน ทำไมให้เราขายของละ ป่านนี้แล้ว"
ฉันถาม

"บ้านอยู่ใกล้ๆแถวนี้ละ"
"เรียนชั้น ป.2"
"พ่อไม่มี แม่ทำงานกับยายที่บ้าน"
เด็กชายตอบ พร้อมกับหน้าตาสงสัยคนถาม พี่คนนี้จะอะไรกันหนักกันหนา จะซื้อก็ซื้อนา(ฉันคิดไปเองจากสีหน้าของน้องเขา)

"โอเค ไหนดูแมลงปอ เราหน่อย มีแบบไหนบ้างเลือกได้ไหม"
ฉันถามอีก
พลางลวงมือเข้าไปในถุงพลาสติกสีขาวที่เต็มไปด้วยแมงปอ ใบลานซึ่งยังมีอยู่หลายตัวทีเดียว

ฉันเลือกแมลงปอใบลาน ออกจากถุงพลาสติกใบนั้นมาได้ 2 ตัว
"โอเค! พี่ซื้อ 2 ตัว 20 บาทแล้วกัน" ฉันตอบและเปิดกระเป๋าเงินหนังสีดำ หยิบแบงค์สีเขียวส่งให้เด็กน้อย 1 ใบ

"เอ๋ะ ขอดูตัวอื่นอีกได้ไหม"
"ตัวนี้มันบิน ได้สูงไหม"
ฉันถาม และมองไปที่หน้าของเด็กน้อย

"เหมือนกัน" พลางหุบปากถุงพลาสติกใบนั้นลง และยกมือไหว้ขอบคุณ
และเดินออกไปจากโต๊ะที่ฉันนั่งอย่างช้าๆ เพื่อจะขายแมงปอใบลาน โต๊ะถัดไป

ฉันมองตามหลังเด็กน้อยเหมือนกำลังเดินตามไปด้วยเช่นกัน

เด็กชายกำลังเสนอขายแมลงปอกับหญิงเสื้อขาว หน้าตาดี หุ่นสะโอดสะองค์ คนหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ทำกับฉันเมื่อครู่นี้

หญิงคนนั้นโบ้ยมือไปมา ไม่ซื้อ และเอามือปิดจมูก

เด็กชายก้มหน้าลง

เดินต่อไป !


เดินต่อไป ! ที่โต๊ะถัดไป

เดินต่อไป !

สองมือถือถุงพลาสติกยังเต็มไปด้วยแมลงปอใบลาน และความหวังของยาย แม่ และเด็กน้อย

ฉันยิ้มเศร้าในใจ

...


ก.กลินท์
14 มีนาคม 2552
19.28




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2552    
Last Update : 20 มิถุนายน 2552 12:56:15 น.
Counter : 250 Pageviews.  

2551 ข้าว ชาวนา ควาย

2551 ข้าว ชาวนา ควาย
“คันเจ้าได้ขี่ซ่าง ทั้งฮ่มเป็นพระยา

อย่าสิลืมชาวนา ผู้ขี่ควาย คอนกล้า”



บทกวีสั้นๆ ทำนองอีสานพื้นบ้านบนผืนผ้าคลุมไหล่ของข้าพเจ้า…คลี่ออกหลังจากที่เคยถูกเก็บไว้มานานแล้ว

ทำให้นึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยได้รับผ้าผืนนี้

ดูเหมือนจะเป็นเครื่องเตือนสติว่า “อย่าลืมตีน” ฉันนั้น

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความหมายที่แฝงอยู่คือการสำนึกในบุญคุณของ “ข้าว-ชาวนา-ควาย”

ต่อให้ยาจกเดินดิน หรือเจ้าพระยาขี่ช้าง ก็ต้องกิน และเติบโตด้วยข้าว จากแรงวัวควายและชาวนาเฉกกัน



วาทกรรมบทเก่า “ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา” ตัวแทนชาวนาไทยแต่ครั้งโบราณกาล วนเวียนเข้ามาในห้วงคำนึง

กระดูกสันหลังของชาติ ผู้แบกผู้บริโภคข้าวทั้งประเทศ ไถ แปร ถอน แบก คอน หว่าน ดำ เก็บ เกี่ยว หมุนเวียนตามวงจรข้าวที่ถูกผูกไว้กับสภาพดิน น้ำ ฟ้า อากาศ ธรรมชาติและความเชื่อเทพยดามาทรงโปรด ปีไหนทรงพิโรธ โกรธเคือง นาแล้ง น้ำหลากชาวนาน้ำตาไหลเป็นสายเลือด ตรงกันข้ามปีไหนทรงยินดีปรีดา ฟ้าประทานชาวนายิ้มย่องหน้าผ่องใส มองเห็นรวงทอง คุ้มแรงกาย แรงใจและหยาดหยดเหงื่อ



ข้าว ชาวนา ควาย ชีวิตธรรมดา เรียบง่ายบนท้องทุ่งชนบท มีคุณค่าและความหมายในความสุขของการดำรงวิถีชีวิตในสังคมเกษตรกรรมดั้งเดิมทว่าวาทกรรมบทใหม่ชาวนาถูกลดทอนให้เหลือเป็นเพียงทุนแรงงานทางเศรษฐกิจ(Labor Capital) ที่เป็นส่วนหนึ่งของการชี้วัดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Development Indicator) ของประเทศ ชีวิตถูกนำไปผูกไว้กับตัวเลข GDP (Gross Domestic Product) ,การผันแปรและการกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทาน(Price Determination by Demand and Supply) ของตลาดข้าวทั้งในระดับประเทศและระดับโลก



ชาวนาถูกเปลี่ยนเป็นแรงงานติดที่ดิน ,ควายถูกแทนที่ด้วยการพัฒนาเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีการเกษตร(ควายเหล็ก),ส่วนควายจริงกลายสิ่งมีชีวิตที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ,วงจรข้าวแปลงไปเป็นกระบวนการที่สามารถลดระยะเวลา,แปลงพันธุกรรมข้าวได้... เป็นต้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ายังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของเทพยดาได้เพียงประการเดียวเท่านั้นนี้คือวิถีชีวิตที่เรียบง่ายถูกรื้อถอน เปลี่ยนแปลง ตัดตอน ลดทอนหรืออื่นๆให้เหลือเป็นเพียงทุน(Cost) ที่แปลงจิตวิญญาณแห่งชาวนา เป็นเพียงสินค้าที่ซื้อขายได้ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมและนายทุนคอยฉกฉวยซื้อขายและมอมเมา ล่อโอกาส กันอย่างสนุกสนาน



ปัจจุบันราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน สำนักข่าวทั่วโลกรายงานข่าวถึงกราฟแสดงแนวโน้มราคาข้าวของตลาดโลกไต่ระดับและเป็นแนวตั้งชันสูงขึ้นเรื่อยๆ เกือบทุกๆวันอันเนื่องมาจากความต้องการในการบริโภคข้าวที่สูงขึ้นและการกักตุนข้าวของประเทศต่างๆที่จะไม่ยอมขายหากไม่ได้ราคาตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับราคาน้ำมัน,ทองคำ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่านี่คือภาพเงามายาที่สะท้อนด้านมืดหรือฝันดีที่เป็นจริงของชาวนาไทย





“ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา” ในวาทกรรมบทเก่าของโลกยุคใหม่ดูเหมือนจะดีใจเหมือนปลากระดี๋ได้น้ำที่แทบชีวิตนี้ตั้งแต่รุ่นปู่ยาตายาย ไม่เคยพบไม่เคยเจอกับราคาข้าวที่สูงและสูงขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ จนเกิดปัญหาถึงขั้นขโมยข้าวกันเลยทีเดียว นี่คือวิกฤต (Crisis) หรือโอกาส (Opportunity) ของชาวนาไทยในยุคใหม่



ชาวนาไทยได้ประโยชน์จากสภาวะราคาข้าวสูงขึ้นในครั้งนี้จริงหรือ? ดูจะเป็นประเด็นทางสังคมที่ต้องการคำตอบอยู่ในขณะนี้ ชาวนามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเก่า(รวย-มีรายได้เพิ่มขึ้น) หรือยังยากจน เหน็ดเหนื่อยลำบากยากเข็ญเช่นเดิมเพียงเพราะมือที่มองไม่เห็น (visible hand) ของนายทุนใหญ่, บรรษัทข้ามชาติ (MNC-Multi national Cooperation) ประการหลังดูเหมือนจะเป็นภาพความจริงที่เกิดขึ้น



อย่างไรก็ตามนี่คือวงเวียนของทุนนิยม(Capitalism Cycle) เรื่องธรรมดาของทฤษฎีการสะสมและการหมุนเวียนของทุนที่ไม่มีวันสิ้นสุด พัฒนาการขั้นสุดท้ายที่สังคมแบบประชาธิปไตยในปัจจุบันวนเวียนอยู่และก้าวไปถึงระบบทุนนิยม รัฐบาลประชาธิปไตย ในบทบาทผู้กระจายความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ จะสามารถนำพาชาวนาไทยไขว่คว้าโอกาสบนเวทีของผลประโยชน์ในครั้งนี้ได้หรือใหม่? หรือเป็นเพียงความหวังลมลมแล้งแล้งของชาวนาไทยเฉกเช่นเดียวกับข้าวคอยฝนดังเดิม





คำนิยามศัพท์(Terminology)

ซ่าง (คำนาม,อีสาน) = ช้าง

ฮ่ม(คำกริยา,อีสาน) = การนำเอาผ้ามาคลุม หรือพันตามร่างกายเช่น ฮ่มไหล่ คือการคลุมผ้าบริเวณไหล่

คอน(คำกริยา) = การแบก, หาม

ตีน(คำนาม,คำโบราณ) = อวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่ติดดินที่สุด คำสุภาพเรียกว่า เท้า

ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา(คำนาม)=ชาวนาไทยในยุคดั้งเดิม ปัจจุบันอาจเป็น นายแบงค์ นายมาร์ค น้องกิ๊บ น้องเชอรี่

ควายเหล็ก(คำนาม) =ควายที่ถูกพัฒนาพันธุกรรมด้วยกระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นเหล็ก หรือโลหะอื่น (Transformer) สามารถใช้ในการทำงานได้มากกว่าการไถนา

ปลากระดี๋ได้น้ำ (คำกริยา) = อาการแสดงความดีใจแบบสุดๆ เต็มที่ เป็นอาการเช่นเดียวกันกับ “ได้ทองเท่าหนวดกุ้งสะดุ้งจนเรือนไหว”



ผู้เรียบเรียง

กลินท์ – นักศึกษาปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ (การปกครอง) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

,แรงบันดาลใจจากบทกวีบนผ้าคลุมไหล่และสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลก

6/04/2551.12.28 นาที




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2552    
Last Update : 20 มิถุนายน 2552 12:54:13 น.
Counter : 326 Pageviews.  


นายกลินท์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นายกลินท์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.