=====ฤดูหนาว ดาวเดือนหม่น กับคนลุงลัง ณ ล้านนาประเทศ=====
Group Blog
 
All Blogs
 

คืนต้นฝน ชั่วโมงแห่งความทรงจำนิรันดร์

คิดถึงอ้ายจรัลครับ คิดถึงมาก

เลยไปค้นหาบทความที่ผมเคยเขียนถึงอ้าย แล้วมีโอกาสได้ลงถึงนิตยสารพลเมืองเหนือ ฉบับวันที่อ้ายเสียครบปี มารือฟื้นอีกครั้งครับ

ถึงตอนนี้ ไม่รู้อ้ายจรัลของผม จะไปอยู่ที่ไหน ไปร้องเพลง ทำดนตรีขับกล่อมเทวดาหรือนางฟ้าที่สวรรค์ซีกไหนกัน

ผมคิดถึงอ้ายครับ



คืนต้นฝน ชั่วโมงแห่งความทรงจำนิรันดร์



คืนหนึ่งของเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.2538 สายลมเย็นพัดโชยมาเป็นระยะ ผมได้พาตัวเองเข้าสู่บรรยากาศของความโศกสลดในงานศพของญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ในบริเวณศาลาที่อยู่ในสุดของวัดเจดีย์หลวง บรรยากาศงานในขณะนั้นช่างดูเศร้าสำหรับหลายๆคน แต่มันช่างเป็นความรู้สึกที่น่าเบื่อเหลือเกินสำหรับคนที่กำลังก้าวไปเป็นวัยรุ่นตอนกลางสำหรับผม รถคันแล้วคันเล่าต่างหาที่จอดเพื่อจะมาร่วมไว้อาลัยให้กับผู้วายชนม์เป็นครั้งสุดท้าย และรถยนต์คันหนึ่งก็เลี้ยวเข้ามา สายตาผมก็เหลือบไปเห็นคนที่ก้าวลงมาจากรถนั้น มีทั้งชายสูงอายุผมหงอกขาว ท่าทางภูมิฐานและดูอบอุ่นใจดี หญิงสาวผมยาวก้าวตามมา และผู้ที่ออกจากรถเป็นคนสุดท้ายคือชายหนุ่มร่างสันทัด ท่าทางอบอุ่นเช่นเดียวกันกับชายสูงอายุที่ก้าวออกมาเป็นคนแรก
ภาพที่เห็นมันทำให้ผมรู้สึกราวกับเด็กได้เจอของเล่นถูกใจเป็นครั้งแรก ผมได้แต่เก็บมันไว้ในใจเพียงคนเดียว เพราะถ้านำเอาความรู้สึกนี้ไปบอกกับใครคนไหนผมต้องถูกหาว่าบ้าหรือสติสตางค์เกินกว่าคนทั่วไปจะมีได้อย่างแน่นอน
คนทั้งสามได้เดินไปเคารพศพและนั่งอยู่ในงาน ฟังเทศนาคำสั่งสอนจากปากของผู้ที่ครองผ้ากาสาวพัสต์อยู่บนธรรมมาสน์ด้วยอาการอันสงบ เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง พระสงฆ์ก็ได้เริ่มการสวดอภิธรรมต่อไปตามประเพณีที่จะอุทิศส่วนกุศลไปให้กับผู้ที่นอนอยู่ในโลงเบื้องหน้า แต่จิตใจ ที่ตื่นเต้นถึงขีดสุดประกอบกับความเบื่อหน่ายตามประสาวัยรุ่นจึงทำให้เท้าทั้งสองข้างของผมพาร่างกายออกมาสู่ภายนอก มายืนทอดความรู้สึกบริเวณด้านข้างของเจดีย์หลวงที่ถือว่าเป็นหลักฐานความก้านกุ่งรุ่งเรืองงามของอาณาจักรล้านนาในอดีต และสิ่งที่คาดไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นความทรงจำชั่วนิรันดร์ของผมก็ได้บังเกิดขึ้น ณ วินาทีต่อจากนั้นเป็นต้นมา ใครจะไปคาดคิดว่าขณะที่ผมกำลังยืนทอดอารมณ์เพลินๆ อยู่คนเดียวนั้น ชายฉกรรจ์ท่าทางอบอุ่นคนนั้นก็ได้เดินออกจากศาลาไว้ศพและเดินมุ่งตรงมายังที่ผมยืนอยู่
เขาใส่เสื้อหม้อฮ่อมสีเกือบดำและกางเกงพื้นเมือง สะพายย่ามบนไหล่หนา เมื่อเขาเดินมาถึงที่ผมยืน เราต่างคนต่างมองอะไรเพลินๆ สักครู่ ผมก็ได้ยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้นสุดขีด แล้วเขาก็กล่าวทักทายตอบ ทักทายด้วยประโยคตามปกติที่คนรู้จักกันครั้งแรก เราคุยกันไปเรื่อยๆตามที่จิตใจเบื้องลึกจะสั่งให้ปากอ้าแล้วเปล่งเสียง แล้วผมก็ได้รับรู้ด้วยประสารทสัมผัสทั้ง 5 ว่า สิ่งที่ผมคาดเอาเอาไว้ว่า ท่าทางของผู้ชายคนนนี้เป็นคนอบอุ่น มันไม่ใช่แค่ภาพในจินตนาการแล้ว แต่มันเป็นความจริงที่ผมสัมผัสได้ด้วยตัวเอง ทุกคำพูด ทุกประโยคที่เราพูดคุยกันมันล้วนแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ห่วงใย แม้ว่าเราเพิ่งจะเคยคุยกันครั้งแรก เราเดินไปคุยกันไป รอบเจดีย์หลวงเหมือนกับจะฝังเรื่องราวที่คุยกันไว้เป็นความทรงจำที่จะยืนอยู่คู่กับเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ตลอดไป เนื้อหาที่เราได้คุยกันแลกเปลี่ยนความคิดกันตั้งแต่เรื่องเพลง ดนตรีตลอดไปจนถึงสภาพบ้านเมืองของเชียงใหม่ที่เปลี่ยนไปในทางที่จิตวิญญาณความเป็นล้านนาเสื่อมลงทุกวัน ผมได้ฟังการรำพึงรำพันความรู้สึกจากใจของเขาที่พร่ำพรรณาบรรยากาศของเชียงใหม่ในสมัยก่อน สมัยที่วัฒนธรรมยังบริสุทธิ์ ยังไม่ได้ถูกกระทำชำเราจากวัฒนธรรมภายนอกเช่นทุกวันนี้ เขาได้เล่าถึงบรรยากาศของวัดเจดีย์หลวงในตอนที่เขายังศึกษาในระดับประถมที่โรงเรียนเมตตาศึกษาที่ตั้งอยู่ในวัดเจดีย์หลวงนี้เอง เมื่อเราคุยกันถึงเรื่องความล่มสลายของวัฒนธรรมล้านนา น้ำเสียงของเขาฟังดูสะอื้นและแฝงความเศร้าอยู่ในที อันแสดงถึงความรักความผูกพันของเขากับแผ่นดินแม่ที่ให้กำเนิดจิตวิญญาณล้านนาแก่เขา และความเป็นคนละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของคนรอบข้างของเขาก็ได้ถูกแสดงออกมาผ่านทางการพูดคุยอย่างเห็นได้ชัด โดยเขาได้เอ่ยปากถามผมว่า “ขออ้ายสูบบุหรี่ จะว่าอะหยังก่ ? ” ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฎิเสธความต้องการของเขา เราได้คุยกันหลายเรื่อง สารพัดเรื่องที่ไหลออกมาจากความคิดได้ถูกแลกเปลี่ยนระหว่างกัน เรื่องเพลง ดนตรีพื้นเมือง ภาษาคำเมืองที่กำลังจะสูญสลายไปพร้อมกับคนรุ่นเก่า เราแลกเปลี่ยนความคิดกันจนลืมเวลาที่ผ่านไป แล้วพิธีการทางศาสนาก็เสร็จสิ้น เขาจึงขอตัวไปนั่งอยู่กับชายสูงอายุที่เป็นผู้ให้กำเนิดและหญิงสาวที่เป็นคู่ชีวิต เรายังได้ฝากข้อความทิ้งท้ายให้กันว่า ถ้ามีโอกาสข้างหน้าเราคงได้เจอกันและร่วมงานกันอีก และเราก็ได้ล่ำลากันผ่านสายลมที่พัดพาเอากลิ่นไอดินปนกลิ่นน้ำฝนอันหอมหวน

ผมไม่คิดว่าการได้พบ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันในครั้งนั้นจะเป็นครั้งแรก ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตของผมที่ได้พูดคุยกับชายผู้เปรียบเสมือนนักรบจากดินแดนแห่งขุนเขาที่ออกไปรบกับสงครามต่างถิ่น เพื่อกอบกู้เอกราชางวัฒนธรรมของแดนดินแผ่นดินแม่ของเขาคืนมา และพยายามที่จะนำเอาเอกลักษณ์วัฒนธรรมล้านนาออกไปเผยแพร่สู่แผ่นดินอื่น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกระแสที่อ่อนล้า และอ่อนแรงมากในขณะนั้น

“จรัล มโนเพ็ชร” คือชายคนนั้น คนที่ผมพบและ ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดในคืนวันนั้น และการสนทนาเกือบชั่วโมงในวันนั้นก็ได้ถูกบรรจุไว้ในพจนานุกรมสมองของผม ตลอดจนบรรยากาศในค่ำคืนนั้นชั่วชีวิต และผมรู้สึกดีใจ ปลื้มใจ ประทับใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสสัมผัสกับตัวตนที่แท้จริงของคนในดวงใจของผม อ้ายจรัล อาจเป็นแค่คนร้องเพลงคำเมืองธรรมดาในสายตาของหลายๆ คน แต่สำหรับผม จากความทรงจำเกือบชั่วโมงในคืนนั้น จากการติดตามผลงานเพลง ผลงานด้านวัฒนธรรมที่อ้ายได้ทำให้กับแผ่นดินล้านนา อ้ายเป็นวีรบุรุษในดวงใจ และเป็นนักรบที่ออกรบกับคนต่างถื่นที่มารุกรานล้านนาทางวัฒนธรรม และมีบาดแผลเต็มตัวจากข้าศึกและไส้ศึกร่วมแผ่นดิน ร่วมภาษามาไม่น้อย แต่อ้ายคนนี้ก็ยังไม่มีความท้อถอย กลับตะลุยสู้รบกับข้าศึกต่างถิ่นต่อไปจวบจนวาระสุดท้าย

ในเวลาประมาณ ตีสาม ของวันที่ 3 กันยายน 2544 นักรบที่กรำศึกมาหนักหนาอย่างอ้ายก็ได้เวลาพักผ่อนตลอดไป อ้ายคงเหนื่อย เพลีย และท้อแท้ แต่อ้ายบอกใครไม่ได้ และในที่สุด ธรรมชาติก็ได้เอาตัวตน ร่างกายของอ้ายกลับไปยังแดนสุขาวดี เหลือไว้แต่ผลงาน จิตวิญญาณและอุดมการณ์ของอ้ายที่จะให้คนรุ่นต่อๆ ไปต่อสู้ พร้อมที่จะเข้าสู่สมรภูมิรบกับวัฒนธรรมภายนอก และช่วยเผยแพร่ ส่งเสริมวัฒนะธรรมล้านนาซึ่งอ้ายรักและผูกพันที่สุดให้คงอยู่ตลอดไปคู่แผ่นน้ำหนังดินล้านนา เวลาเกือบชั่วโมงในคืนนั้น ได้ให้อะไรกับผมมากมาย และจะคงอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป………………………….






 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2553 15:41:24 น.
Counter : 855 Pageviews.  

ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ รู้ตัวว่าเป็นได้แค่นี้ ตลอดมา และตลอดไป

ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ไม่เป็นไร แค่เธอให้ความเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายที่ดีของเธอ ไม่รังเกียจผมเวลาเราคุยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันสองคน แค่เธอยอมเดินกับผม ไม่รังเกียจ ไปกินข้าว ดูหนังด้วยกัน

เฮ้อ อยากร้องไห้อีกแล้วครับพี่น้อง

รักนะ ห่วง แต่คงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ จะไม่มีการบอกว่ารัก อีกแล้วครับพี่น้อง

พอครับ ขออนุญาตไปร้องไห้ต่อแล้วกัน




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2552    
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 13:52:56 น.
Counter : 354 Pageviews.  


ดาวตก@ผีเสื้อ@กระบี่
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพลง คนลุงลัง โดย อ้ายจรัล มโนเพ็ชร

.. เฮาเป๋นคนลุงลัง บ่มีหลังบ่มีหลืบ ต้นสายปล๋ายสืบ เป่นคนธัม ม่ะ ดา...
... บ่เงินเป๋นหีบ บ่จีบสาวลูกผสม ทินเน่อร์ ก่บ่าดม บ่ติดฝิ่นกัญชา ..

... กิ๋นแต่เหล้าบนดอย แกล้มฝอยเมฆเหมย เป๋นคนเฉยๆ แต่อย่ายั่ว อย่ามาท้า
... เบื่อความคิดของคน เบื่อถนนซุปเปอร์ เบื่อทีวีทีเว่อ แต่ชอบหนังขายยา

... ชอบเป๋นคนเดียวดาย บ่ก้าวก่ายข้องเกี่ยว ไปไหนฉายเดี่ยว หลั่นลันล้า หลั่นลา
... ชอบกินน้ำบ่อ บ่ชอบกินน้ำขวด เบื่อยาแก้ปวด ยามึนยาม้า

... ชอบฟังซึงเพลงซอ ชอบหมอลำเพลงฉ่อย ศิลปิน ต๊อกกะต๋อย ฟังแล้วหูมันล้า
... เบื่อผับ คนดัง เบื่อฝรั่งขี้นก เบื่อนิทานลามก มันจะอี้ ล่ะหนา

... เอาแต่ใจ๋ตั๋วเก่า หมามันเห่า มันหอน บ่สนใจ๋ไปสอด มันบ่าใช่เรื่อง ของฮา
... ฮามันดื้อสุดตั๋ว บ่าก้มหัวหื้อวอก เป๋นคนบ้านนอก เมืองกอก บ่าอยากมา

... เอาสองมือสร้างก่อ บ่าขอหวยกับผี บ่อยากเป๋นเศรษฐี กั๋วจะเป่นผีบ้า..
... เบื่อกำอู้หวานๆ อ้างเป่นงานสร้างสรรค์ เบื่อจะขึ้นสวรรค์ แล้วก่ตก ลงมา

... ก่เป๋นคนมึนตึง บ่เครียดขึงเรื่องเก่า มีหัวคิดหัวเข่า มีสติ ปัญญา
... บ่เย็นชาหน้าบูด ขูดเลือดเชือดหนัง ได้หน้าลืมหลัง บ่เกยมีละกา

... อยากคบเป๋นเพื่อน อยากเตือนไว้อย่าง ตัดเขี้ยว ตัดหาง แล้วจะมา ก่มา
... เฮาเป่นคนหน้าจัง ลุงลัง ทั้งปี๋ แต่ตี้เฮาเป๋นจะนี้ ... ก่เพราะ ฮาชอบของฮา




-------------------------------------------------


Friends' blogs
[Add ดาวตก@ผีเสื้อ@กระบี่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.