ไปสตอกโฮล์ม

ตามธรรมดา คนอเมริกันนิยมไปพักร้อนช่วงเดือนมิถุนายน ไปจนถึงเดือนกันยายน เพราะอากาศร้อน สถานที่ตากอากาศยอดนิยมก็มักจะเป็นชายหาด ท่าเรือ อุทยานแห่งชาติ หรือไปต่างประเทศ แล้วแต่เวลาและกำลังทรัพย์ ช่วงเวลานี้ไปเที่ยวแล้วสนุก ได้เที่ยวเต็มที่ มืดช้า อากาศดี แดดแรง แต่ข้อเสียคือ คนเยอะ ของแพง ค่าตั๋วเครื่องบินแพง ค่าโรงแรมก็แพง บางทีเต็มอีกต่างหาก

โดยทั่วไปอิชั้นมักละเว้นการไปเที่ยวพักร้อนช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะการไปเมืองไทย ตั๋วราคาสูงมาก 1,500-1,600เหรียญ แพงเกิน ส่วนการไปยุโรป เบาะๆก็800up

แต่ปีนี้แตกต่างสร้างความประหลาดใจให้เพื่อนๆ อิชั้นขอพักร้อนช่วง 30มิย-12กค เนื่องจากมีนัดกับเพื่อนๆที่สตอกโฮล์ม แพลนไปหาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปี เธอไปอยู่ที่นั่นเกือบยี่สิบปีแล้ว มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก แต่อย่างที่บอกเรื่องกังวลใจคือราคาตั๋วเครื่องบิน งานของอิชั้นถ้าเป็นเมืองไทยก็ข้าราชการดีๆนี่เอง เบี้ยน้อยหอยน้อยค่ะ มีเกียรติแต่ไม่มีเงิน อิชั้นก็ไม่ยอมคอนเฟริ์มเพื่อนกะจะเบี้ยวไม่ไป เพราะหาตั๋วราคาที่น่าพอใจไม่ได้สักที ราคาตั๋วบินตรง JFK-ARN ราคา1,167เหรียญแพงเกิน

จนนาทีสุดท้ายไปเจอ ตั๋วของ Brussels Airlines JFK-TXL 652เหรียญ(priceline.com) แต่ต้องต่อเครื่องที่บรัสเซลล์ เบลเยี่ยม อะฮ๊าปัญญาบังเกิด เบอร์ลินก็ใกล้ๆสตอกโฮล์ม อิชั้นเองก็ชำนาญเบอร์ลินเป็นอย่างดี บรัสเซลล์ก็ไม่ได้ไปหลายปีแล้ว แวะเที่ยวทั้งบรัสเซลล์และเบอร์ลินก่อนไปสตอกโฮล์ม ก็ดูเข้าท่าดี ก็เลยซื้อตั๋วไปเบอร์ลินแล้วหาตั๋วอีกใบบินไปสตอกโฮล์ม แต่ข้อแม้ในการท่องเที่ยวของอิชั้นคือ ไม่นั่ง low cost airlines และต้องไปลงสนามบิน Arlanda ซึ่งใกล้บ้านเพื่อนอิชั้นแค่สิบนาทีเอง อีกสนามบินขับรถสองชั่วโมง ลำบากเพื่อนไปรับ ก็ไปได้แอร์เบอร์ลิน (expedia.com) 224 เหรียญ ราคานี้แพงกว่าปกติ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะซื้อตั๋วไปเบอร์ลินแล้ว และซื้อตั๋วสามวันก่อนเดินทาง ก็จำต้องเอา บวกลบแล้วก็ประหยัดกว่าบินตรงหลายร้อยเหรียญอยู่ เอาน่า

ก่อนไปสนามบินแวะทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารไทยเปิดใหม่ที่ควีนส์ ชื่อร้านชาวไทย บรรยากาศดีนั่งสบาย


ร้านสวยดีค่ะ อาหารโอเค


เครื่อง Brussels Airlines พาอิชั้นไปลงที่Brussels 06.25 am ผ่านimmigration stampsเรียบร้อยก็ออกจากสนามบิน ไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองไปยัง Brussels Central ตั๋วไปกลับราคาประมาณ 15.20 ยูโร


ภายในสวยงามทันสมัย ยังเช้าอยู่ คนน้อยดี


ไปลงที่สถานีรถไฟ Brussel Centraalค่ะ ตรงข้ามกันคือโรงแรม Le Meridien จำง่ายดีมาก

เดินเยื้องๆผ่าน โรงแรมไปจะเจอถนนเล็กๆ เดินไปเรื่อยๆ จะเจอรูปปั้นและนํ้าพุบุคคลสำคัญคนหนึ่งของเบลเยี่ยม(Statue du bourgmestre Charles Buls de Bruxelles de 1881-1899 )ไม่ผิดและ มาถูกทางแน่นอนเดินผ่านหน้าท่านไปเลย

รีบเดินดีกว่าค่ะอิชั้นมีเวลาไม่มาก จุดหมายคือ Grand Placeค่ะ แต่ว่าก่อนถึงจุดหมายมันมีสถานที่หนึ่งในความทรงจำของอิชั้นคือ
Galeries Saint-Hubert เป็นเหมือนศูนย์การค้าอย่างหรูมีร้านขนมอร่อยๆ ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ร้านของที่ระลึก และโรงละคร แวะไปชะโงกดูหน่อย แต่ยังเช้าไปค่ะ เค้ายังไม่เปิดร้านกันเลย แหงนหน้าชื่นชมศิลปะแสนสวยนิดนึงแล้วไปต่อดีกว่าค่ะ


ท่านที่ไม่เคยมาบรัสเซล ไม่ต้องห่วงและกลัวหลง ป้ายบอกทางมีทั่วไปเลยค่ะ

ในที่สุดก็มาถึงซะทีค่ะ Grand Place หรือ Grote Markt เป็นจัตุรัสที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดของยุโรป มีถนนเจ็ดสายทอดยาวออกไปจากจัตุรัสนี้ ทางด้านใต้เกือบทั้งหมดเป็นอาคารที่เรียกว่าThe Hôtel de Ville (City Hall)ปัจจุบันถูกจัดให้เป็น พิพิธภัณฑ์เมืองสามารถเข้าไปชมได้
อาคารแต่ละหลังที่อยู่ล้อมรอบจัตุรัสนี้ จะมีชื่อเฉพาะเช่นLes Ducs de Brabant, Le Roi de l'Espagne, Le Cornet, Le Cygne, the Maison des Brasseurs, Le Cerf, La Maison des Tailleurs เป็นต้น อาคารส่วนใหญ่จะสร้างในสไตล์เฟลมมิช-บาร็อค กิลด์เฮ้าส์ กลางลานกว้าง110เมตร และยาว 70เมตร สวยงามมากค่ะ กลางลานนี้เรียกว่าเป็นลานเอนกประสงค์ก็คงไม่ผิด บางคราวขายต้นไม้ การแสดง ร้านค้า และทุกเดือนสิงหาคมจะมีการจัดงานพรมดอกไม้ที่จัตุรัสนี้ทุกปี จัตุรัสนี้ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกมาตั้งแต่ปี1983

อีกภาพก่อนลาจาก

อิชั้นทราบดีว่าของที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของบรัสเซลคิอ ผ้าลูกไม้ แต่ว่าอิชั้นพึ่งจะกระเป๋นแบนจากการซื้อคอนโดที่นิวยอร์กและตกแต่งไปเยอะ อะไรที่ยังไม่จำเป็นก็เอาไว้ก่อน window shopping เอาค่ะ
สวยจริงอะไรจริงค่ะ

ร้านนี้ก็อย่างงาม

อยากได้ๆ หวานมากกกก

แต่นี่ขาดไม่ได้สะสมอยู่ค่ะ ราคาไม่แพง ต้องจัดการค่ะ


แล้วก็เดินต่อไปค่ะ ไปดูหนูน้อนยืนฉี่ Menneke Pis

Create Date : 17 กรกฎาคม 2555 Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 12:42:27 น. Counter : 6354 Pageviews.		2 comments
Share Tweet